คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 703 ไข่มุกเทียบกับตาปลา / ตอนที่ 704 ขอความช่วยเหลือจากหญิงปากร้าย
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 703 ไข่มุกเทียบกับตาปลา / ตอนที่ 704 ขอความช่วยเหลือจากหญิงปากร้าย
ตอนที่ 703 ไข่มุกเทียบกับตาปลา
ฉู่เฟิงสาวเท้าเข้าในโถงดอกไม้ ไป๋เจินจูเดินตามอยู่เบื้องหลัง ทั้งสองคนสบสายตากัน คนหนึ่งมีสีหน้าเหนียมอาย อีกคนหนึ่งหมายจะสอบสวน
ไป๋เจินจูคำนับอีกฝ่ายอย่างง่ายๆ ตามที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์สอนมารยาท ใช้ท่าทางที่สง่างามที่สุด ทว่าในสายตาของฉู่เฟิงนั้น นางกลับดูน่าขันดังเดิม
ขณะนี้ฉู่เฟิงมีสีหน้าเรียบเฉย เขายกมือขึ้นเบาๆ เอ่ยว่า “คุณหนูเผยไม่ต้องมากพิธี นั่งเถอะ!”
ข้ารับใช้รีบยกชาต้มใหม่เข้ามา ฉู่เฟิงถือจอกชาไว้ในมือ เป่าไล่ความร้อนอย่างเชื่องช้า พร้อมกับพิจารณามองไป๋เจินจูไม่วางตา ครั้งก่อนเขาพบนางเพียงไม่นาน จึงไม่ได้มองดูให้ชั ดเจน วันนี้พบกันอีกครั้ง นางยิ่งมีสีหน้าซีดเซียวกว่าครั้งก่อน พาให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
สตรีตรงหน้าผู้นี้แตกต่างจากหมอไป๋ที่ได้พบในงานเลี้ยงเมื่อคืนวานราวเหวกับฟ้า
ลำคอของฉู่เฟิงแห้งผาก ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกอยากดื่มชา เขาวางจอกชาลงหลังจากนั้น แล้วเอ่ยถามไป๋เจินจู “ตอนที่คุณหนูเผยอยู่ที่เมืองชิงหยวน ยังมีญาติคนอื่นหรือไม่”
สีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความเขินอายของไป๋เจินจูพลันชะงักค้าง นางเงยหน้ามองฉู่เฟิง สบสายตาคมปลาบของชายหนุ่ม ในใจนางพลันลนลาน ไม่รู้ว่าเขามีเจตนาใดถึงได้ถามเช่นนี้
“ไม่อยากพูดหรือ” ฉู่เฟิงเห็นนางไม่ตอบ จึงเอ่ยถามไปอีก
ไป๋เจินจูดึงสติกลับมา ขณะเดียวกันก็บอกกับตนเองว่าจะลนลานไม่ได้ ยิ่งในเวลาเช่นนี้ ยิ่งต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้
นางยิ้มหวาน กดเก็บสีหน้าลุกลี้ลุกลนไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงกึ่งหนึ่งพลางเอ่ย “ท่านอ๋องมีใจเป็นห่วงนัก ก่อนที่ข้าจะมาเมืองหลวง ที่บ้านของข้าเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้ท่านย่า มีอันเป็นไป ส่วนบ้านของท่านย่าก็พังทลาย โชคดีที่ท่านพ่อกำลังตามหาข้าในยามที่ไร้ที่พึ่งพิง ข้าถึงได้มีวันนี้เจ้าค่ะ”
วาจาของนางคลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของฉู่เฟิงให้ชัดเจน
ฉู่เฟิงย่อมไม่พอใจ เขาจึงถามอีกว่า “เจ้ามีพี่น้องที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันหรือไม่”
ไป๋เจินจูพลันหวั่นใจ แววตาที่เรียบสงบเมื่อครู่นี้ ฉายแววลนลานขึ้นมาอีกครั้ง
“เป็นอะไรไป ไม่อยากพูดอีกแล้วหรือ มีหรือว่าไม่มีกันแน่” ฉู่เฟิงเค้นถาม
“ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงถามหรือเจ้าคะ หากท่านใคร่รู้เช่นนี้ ไยไม่ไปถามท่านพ่อของข้าเล่า” ไป๋เจินจูกัดฟันถาม
ฉู่เฟิงยักไหล่ “ข้าก็อยากไปถามเขาอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้บิดาเจ้าสลบไสลไม่ได้สติ ข้าจึงทำได้เพียงมาถามเจ้า อีกอย่างเจ้ารู้เรื่องนี้ดีที่สุด มาถามเจ้าโดยตรงย่อมดีกว่า ไยต้องอ อ้อมไปอ้อมมาด้วยเล่า เรื่องที่เล่าเพียงไม่กี่คำก็ชัดแจ้ง เจ้ากลับอ้ำอึ้ง วกไปวนมา เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
มือของไป๋เจินจูที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสั่นเทาไม่ยอมหยุด ริมฝีปากก็เริ่มสั่นด้วยเช่นกัน
ทีแรกบิดาตำหนิเซียงอี๋เหนียง สั่งขังไว้ในโรงฟืน จากนั้นเซียวอ๋องก็มาหาถึงที่ เขาสอบสวนนางทันทีที่เห็นหน้า นี่ไม่มีทางใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
หรือว่าเรื่องจะแดงแล้ว ไป๋จื่อยังไม่ตายใช่หรือไม่ หรือแท้จริงแล้วตงฟางหว่านเอ๋อร์รับนางเป็นบุตรีแล้ว
ยิ่งคิด ไป๋เจินจูก็ยิ่งหวาดกลัว สีหน้าซีดเผือดลงยิ่งกว่าเดิม หากเป็นจริงเช่นที่นางคิดไว้ หากไป๋จื่อยังไม่ตาย รวมถึงตงฟางหว่านเอ๋อร์รับนางเป็นบุตรีแล้ว เช่นนั้นไป๋เจิน นจูผู้นี้จะมีจุดจบเช่นไรกัน
นางรู้สึกหนาวสันหลังวาบ ภายในโถงดอกไม้จุดเตาทำความร้อนเอาไว้ อบอุ่นราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ทว่านางกลับตัวสั่นงันงกอยู่ตลอดเวลา
ครั้นเห็นไป๋เจินจูมีท่าทางเช่นนั้น ฉู่เฟิงก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ สตรีตรงหน้าเขาผู้นี้เป็นตัวปลอม จะเป็นตัวปลอมก็ช่างเถอะ เขาไม่ได้สนใจเท่าไรนัก แต่ตอนนี้บุตรีผู้สูงศักดิ์ปราก กฏกายออกมาแล้ว แล้วตัวปลอมเช่นนางจะยังมีประโยชน์อะไรอีก การหมั้นหมายระหว่างเขากับตัวปลอมผู้นี้ช่างน่าขันเสียจริง
เขาฉู่เฟิงกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวงรวดเร็วนัก!
เขายิ่งคิดก็ยิ่งกลัดกลุ้ม อยากจะฉีกร่างสตรีตรงหน้าเสียจริง เขาพยายามข่มไฟโทสะในใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ก่อนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
เหล่าสาวใช้ที่คอยรับรองอยู่ในโถงพลันมึนงง ด้วยไม่รู้ว่าเซียวอ๋องพูดจามีเลศนัยอะไรกับคุณหนูใหญ่ ทั้งคู่ไม่ได้พูดเรื่องอะไรเคร่งเครียดแท้ๆ แต่สีหน้าของพวกเขากลับชวนให้ รู้สึกกลัวทั้งคู่
……….
ตอนที่ 704 ขอความช่วยเหลือจากหญิงปากร้าย
ไป๋เจินจูร้อนรนดั่งมดบนหม้อร้อนๆ นางเดินวนเวียนอยู่ในเรือนไม่ยอมหยุด จนถึงตอนนี้นางเพิ่งจะรู้ตัว ว่าภายในจวนโหวที่โอ่งโถงนี้ นางไม่มีใครที่สามารถพูดคุยด้วยได้เลยสั กคน เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางกลับไม่มีคนที่คอยให้คำปรึกษา
นางพลันนึกถึงหลิวซื่อและไป๋เสี่ยวเฟิง จริงด้วย ยังมีพวกเขาอยู่ ตอนนี้มีเพียงพวกเขาที่ยังอยู่ฝ่ายเดียวกันกับนาง ควรจะไปปรึกษาพวกเขาถึงจะถูก
จากนั้นนางก็ให้สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติข้างกายรั้งอยู่ที่เรือนหลาน ส่วนตัวนางมุ่งหน้าไปยังเรือนผุพังที่ใช้กักขังหลิวซื่อและไป๋เสี่ยวเฟิงเพียงลำพัง
…
หลิวซื่อยังคงเหมือนกับครั้งก่อน นางนั่งหมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ไป๋เสี่ยวเฟิงนอนคุดคู้อยู่ในมุมเรือนอันเหน็บหนาว พลิกตัวไปมาพลางถอนหายใจอยู่ตลอด
ยามนี้เสียงกลอนดังมาจากข้างนอก ประตูถูกเปิดออก เงาร่างที่รีบร้อนสายหนึ่งถลันเข้ามา
หลังจากไป๋เจินจูเข้าไปในเรือนแล้ว นางก็กวาดสายตามองหลิวซื่อและไป๋เสี่ยวเฟิงครั้งหนึ่ง แล้วจึงหยิบเงินตำลึงก้อนหนึ่งออกมาจากช่องแขนเสื้อ ส่งมันให้ข้ารับใช้ที่เฝ้าอยู่ห หน้าประตู นางเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าขอคุยกับพวกเขาสักเล็กน้อย ไม่นานก็จะไป”
ข้ารับใช้ลอบชั่งน้ำหนักก้อนตำลึงเงินในมือ มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ จากนั้นก็พยักหน้าและหลบไปอย่างรู้งาน
ไป๋เจินจูปิดประตู ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปถึงตรงหน้าของหลิวซื่อ บัดนี้นางไม่มีสีหน้าเย่อหยิ่งเช่นก่อนหน้านี้ ตนเองจึงนั่งยองลงตรงหน้านางพร้อมสีหน้าร้อนใจ “ป้าสะใภ้ เกิดเรื่องใ ใหญ่แล้ว ท่านต้องช่วยข้า”
หลิวซื่อขยับลูกตาทั้งๆ ที่ตัวยังคงแข็งทื่อ เพื่อช้อนสายตามองไป๋เจินจูในอาภรณ์สวยสด นางยิ้มเย็น “ช่วยเจ้า? ตอนนี้เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนชางหยวนโหวแล้ว อีกไม่นานก็จะได ด้เป็นชายาของเซียวอ๋อง ในอนาคตยิ่งอาจจะได้เป็นฮองเฮา มารดาของใต้หล้า ฐานะสูงส่งของเจ้าเช่นนี้ อยากทำอะไรก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ ต้องการอะไรก็ได้ตามนั้นแล้วกระมัง ยังต้องกา ารให้สตรีปากร้ายเช่นข้าช่วยอีกหรือนี่”
ฝ่ายไป๋เจินจูยิ่งร้อนใจ “ป้าสะใภ้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแสดงอารมณ์โกรธ จะพูดเรื่องไม่มีประโยชน์นี้ไปไย ตอนนี้ฐานะของข้าจะถูกเปิดโปงแล้ว หากท่านไม่ช่วยข้า ไม่เพียงแต่ข้าที่ซวย ท่านก็ต้องซวยไปกับข้าด้วยเช่นกัน!”
“ซวย? ข้าหลิวกว้าหัวยังซวยไม่พออีกหรือนี่ ยังต้องกลัวจะซวยกว่านี้อีกหรือไร” หลิวซื่อยิ้มเยาะ
บัดนี้ไป๋เจินจูเป็นกังวลมาก ทันใดนั้นก็เห็นเสี่ยวเฟิงที่เดิมทีนอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืน นางเอ่ยในทันทีว่า “ป้าสะใภ้ หากท่านไม่เห็นแก่ตัวเอง เช่นนั้นก็เห็นแก่เสี่ยวเฟิงเถอะ ตอนนี้เขาเพิ่งอายุได้สิบสามปีเท่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาสอบไม่ผ่าน เขาเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของท่านนะ!”
เมื่อพูดถึงเสี่ยวเฟิง ดวงตาของหลิวซื่อถึงจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง นางค่อยๆ หันไปมองเสี่ยวเฟิงที่เดิมทีควรจะเรียนหนังสืออยู่ในสำนักศึกษา แต่บัดนี้กลับต้องถูกขังอยู่ในเ เรือนหลังเล็กที่ซอมซ่อร่วมกับนาง ชีวิตเช่นนี้ย่ำแย่ยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในหมู่บ้านหวงถัวเสียอีก
ไม่ได้การแล้ว นางจะให้เรื่องใดเกิดขึ้นกับเสี่ยวเฟิงไม่ได้ นางจะเสียบุตรชายคนนี้ไปอีกคนไม่ได้
หลิวซื่อตั้งสติให้มั่น แล้วผินหน้าไปมองจ้องมองไป๋เจินจู “พูดมา ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ไป๋เจินจูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนและเรื่องที่เพิ่งพบเซียวอ๋องเมื่อครู่ หลิวซื่อและไป๋เสี่ยวเฟิงได้ฟังแล้วต่างก็อกสั่นขวัญแขวน
“หมายความว่าแม้แต่เซียวอ๋องก็รู้ฐานะของเจ้าแล้วหรือ” หัวใจของหลิวซื่อพลันเย็นวาบไปกึ่งหนึ่ง ด้วยคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะย่ำแย่ได้ถึงเพียงนี้
ไป๋เจินจูพยักหน้า “ถูกต้อง เซียวอ๋องน่าจะรู้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ตอนนี้เผยชิงหานสลบไปแล้ว เขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะทำอะไรก็ยากคาดเดา พวกเราต้องถือโอกาสตอนที่เผ ผยชิงหานยังไม่ฟื้น คิดหาวิธีจัดการเสียก่อน”
หลิวซื่อมีสีหน้าซีดขาว “จะจัดการอย่างไรเล่า เขาต้องรู้แน่ว่าบุตรีของตนเองยังมีชีวิตอยู่ จึงโกรธเกรี้ยวที่พวกเราหลอกลวงเขา กลัวก็แต่ว่าเขาจะรู้แม้กระทั่งเรื่องที่พวกเรา วางแผนฆ่าไป๋จื่อด้วย หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่ไว้ชีวิตพวกเราแน่!”