คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 709 ปิ่นดอกไม้ที่มอบให้เจ้า / ตอนที่ 710 โทษไม่ถึงตาย
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 709 ปิ่นดอกไม้ที่มอบให้เจ้า / ตอนที่ 710 โทษไม่ถึงตาย
ตอนที่ 709 ปิ่นดอกไม้ที่มอบให้เจ้า
หมอหลวงสวี่ก็กล่าวเช่นกัน “ถูกต้อง หากไม่มียาวิเศษของแม่นางไป๋ ไทเฮาคง…”
ไป๋จื่อสูดลมหายใจ เอ่ยกับหมอหลวงสวี่ว่า “หมอหลวงสวี่ ต่อหน้าไทเฮาเช่นนี้ อย่าพูดจาเป็นลางไม่ดีสิเจ้าคะ!”
หมอหลวงสวี่พลันเหงื่อแตกเต็มตัว จริงด้วย ที่นี่คือตำหนักสือฝู ไทเฮาเป็นคนอารมณ์ร้าย หากนางได้ยินวาจาของเขาเมื่อครา หัวของเขาคงจะหลุดจากบ่าไปแล้ว
หูเฟิงเห็นไทเฮาอาการดีขึ้นมากแล้ว จึงวางใจลงได้ในที่สุด
เขาไม่นับว่าสนิทสนมกับไทเฮา รวมแล้วพบกันไม่กี่ครั้ง และเขากระจ่างชัดในใจว่าหลานชายคนโปรดของนางคือฉู่เฟิง
ที่เขากังวลใจในวันนี้ เป็นเพราะไป๋จื่อเป็นหมอผู้ทำการรักษาหลัก หากไทเฮาเกิดอาการผิดปกติอะไร นั่นเท่ากับมอบโอกาสให้ฉู่เฟิง แล้วเขาผู้นั้นจะพลาดโอกาสดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ครั้นไทเฮาอาการดีขึ้นเช่นนี้ จึงนับว่าเขาสบายใจลงได้จริงๆ
“จื่อเอ๋อร์ ข้าจะต้องไปซงหยวน เพื่อต้อนรับทูตจากแคว้นจินในวันที่แปดนี้ หลายวันนี้ข้าจึงจะยุ่งมาก เกรงว่าจะไม่มีเวลามาหาเจ้า เจ้าอยู่ในวังต้องระวังตัวให้มากๆ” เขาจับมือของไป๋จื่อ พานางไปที่มุมห้อง กดเสียงเบาเอ่ยอีกว่า “โดยเฉพาะต้องระวังฉุนฮองเฮา ไทเฮาล้มป่วย อีกทั้งเสด็จพ่อก็ไม่สนใจเรื่องในวังหลัง แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในวังหลังแล้ว นางมีวิธีมากมายที่จะเล่นงานเจ้า เจ้าต้องไม่ไปอยู่ในกำมือนางนะ” ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ยัดป้ายหยกชิ้นหนึ่งใส่ในมือนาง “นี่เป็นตราองค์ชายของข้า เจ้าสามารถใช้มันตรงเข้าวังได้เลย หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าจงใช้ตรานี้ตรงเข้าไปหาเสด็จพ่อ พระองค์ย่อมตัดสินให้เจ้า”
เดิมทีไป๋จื่อรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นวังหลังของฮ่องเต้ สถานที่ที่กินคนไม่คายกระดูก มิหนำซ้ำช่วงนี้หูเฟิงยังต้องไปต้อนรับทูตจากแคว้นจินอีก จะมาดูแลนางตลอดเวลาไม่ได้
ตอนนี้มีตราองค์ชายของหูเฟิงแล้ว นางก็นับว่าเบาใจลงได้บ้าง ราวกับมีตราทองคำแขวนติดตัวไว้
“อืม ข้าจะระวังตัวให้มาก เจ้าไปจัดการธุระของเข้าเถอะ การต้อนรับทูตสำคัญมาก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าทำอะไรระแวดระวังอยู่แล้ว ไม่มีทางมีอะไรผิดพลาด เจ้าวางใจได้เลย!”
หูเฟิงเชื่อใจนาง ไป๋จื่อแตกต่างจากสตรีทั่วๆ ไป นางเฉลียวฉลาด แม้จะทำเรื่องบ้าบิ่นก็มีการวางแผนอย่างรอบคอบเสมอ คนธรรมดาไม่มีทางทำอะไรนางได้
เขาเงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองปิ่นหยกสีเขียวที่ปักอยู่ระหว่างเรือนผมดำขลับของนาง ทำให้เขานึกถึงปิ่นดอกไม้ที่ตนเองมอบให้นางทันที หากนางปักปิ่นนั้นจะต้องงดงามมากแน่นอน
“ปิ่นที่ข้ามอบให้เจ้า เจ้าหาไม่เจอจริงๆ หรือ” เขาถาม
ไป๋จื่อชะงักงัน ความคิดของบุรุษผู้นี้ช่างกระโดดไปมาเสียจริง เมื่อครู่ยังพูดเรื่องคอขาดบาดตายอยู่เลย มาตอนนี้กลับพูดเรื่องปิ่นเสียแล้ว
นางผงกศีรษะแผ่วเบา “อืม ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ข้าวของติดตัวข้าล้วนซ่อนไว้ในเทือกเขาลั่วอิง จะให้ข้าไปตามหาตอนนี้ก็เกรงว่าจะหาไม่เจอแล้ว
หูเฟิงยกมือขึ้นบีบปลายจมูกของนาง “เจ้าไม่ทะนุถนอมของที่ข้ามอบให้เช่นนี้ คอยดูเถอะครั้งหน้าข้าจะมอบของที่เจ้าถอดออกไม่ได้ให้”
ไป๋จื่อเอียงหน้าหนีไปหัวเราะ นางหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง คล้ายกับว่าจะมีแสงดาราส่องสว่างมาจากในนั้น “โอ้? เจ้าคิดจะสลักตัวหนังสือบนตัวข้าหรือ”
ชายหนุ่มมองท่าทางน่ารักของนางแล้ว ก็อยากจะโอบนางเข้าสู่อ้อมกอดตนใจจะขาด เขาได้แต่กัดฟัน น่าเสียดายนักที่ที่นี่คือตำหนักสือฝู เขาไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจได้ ถึงอย่างไรเสียเสด็จย่าก็ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนแท่นบรรทม
“ยาโถว เจ้ารอข้านะ แล้วคอยดูว่าครั้งหน้าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” เขาคิดทบทวนอยู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันรอบ แต่กลับไม่เคยทำออกมาจริงๆ สักครั้ง หลังจากเสร็จงานต้อนรับทูตในครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้นางรู้ความร้ายกาจของเขาสักหน่อยแล้ว
……….
ตอนที่ 710 โทษไม่ถึงตาย
หูเฟิงเพิ่งจากไปไม่เท่าไร ฮ่องเต้ก็ส่งคนมาสอบถาม เมื่อได้ยินว่าไทเฮาอาการดีขึ้นแล้ว พระองค์ก็อยากเสด็จมาเยี่ยมด้วยตนเอง ทั้งยังตรัสว่าขอเพียงไป๋จื่อรักษาไทเฮาจนหายได้ จะพระราชทานรางวัลให้อย่างงามอีกด้วย
ตงฟางมู่อยู่เบื้องหน้าของฮ่องเต้ ครั้นได้ยินเช่นนั้นก็โบกมือในทันที “ไม่ต้องมอบรางวัลให้หรอกพ่ะย่ะค่ะ ข้าเพียงหวังให้หลายวันที่จื่อเอ๋อร์อยู่ในวังนี้ อย่าได้ให้นางได้รับความไม่เป็นธรรม ได้ออกจากวังแห่งนี้ไปอย่างปลอดภัยต่างหากถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ”
ฮ่องเต้ยิ้มเขื่อน “ดูเจ้าพูดเข้าสิ ราวกับว่าวังฉู่แห่งนี้เป็นถ้ำปีศาจกินคนอย่างไรอย่างนั้น”
ตงฟางมู่แค่นหัวเราะ “แม้จะเทียบไม่ได้กับถ้ำปีศาจ ทว่าภายในนั้นซ่อนปีศาจไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ข้ามีหลานสาวเพียงคนเดียว นางเป็นแก้วตาดวงใจของพวกข้าสกุลตงฟาง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้ากับหว่านเอ๋อร์คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
วาจานี้รุนแรงนัก แต่ก็ถือได้ว่าตงฟางมู่เอ่ยเรื่องที่สำคัญที่สุดต่อหน้าฮ่องเต้แล้ว เท่ากับอยู่ในความเสี่ยงก็ว่าได้
ฮ่องเต้ยิ่งรู้ว่าไป๋จื่อสำคัญต่อสกุลตงฟาง แม้ปกติแล้วตงฟางมู่จะเอ่ยวาจาตรงไปตรงมากับพระองค์เสมอ แต่กลับไม่เคยมีสีหน้าเย็นชาเช่นนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าเขากังวลที่หลานสาวจะต้องอยู่ในวังหลังเพียงใด
“เจ้าวางใจเถอะ มีข้าอยู่ทั้งคน ไป๋จื่อจะไม่มีทางเป็นอะไรแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจะส่งองครักษ์เงาไปคอยคุ้มครองอยู่รอบตัวนางเอง”
สิ่งที่ตงฟางมู่ต้องการก็คือคำพูดนี้ องครักษ์เงาก็คือยอดฝีมือชั้นหนึ่ง นอกจากจะถนัดซ่อนตัวในเงามืดแล้ว ยังต่อสู้จนตัวตายเพื่อปกป้องเจ้านายได้อีกต่างหาก
“ตกลงตามนั้น” ในที่สุดบนใบหน้าของตงฟางมู่ก็ปรากฏรอยยิ้ม ฮ่องเต้เองก็พลอยคลายใจไปด้วย เอาใจชายชราผู้นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!
…
เผยชิงหานฟื้นขึ้นมาตอนกลางดึก สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติข้างกายจึงยกชาร้อนๆ เข้ามาให้ “ท่านโหว ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ท่านสลบไปตั้งหนึ่งวันเต็มๆ เชียวนะเจ้าคะ”
หลังจากเผยชิงหานตั้งสติได้ เรื่องราวมากมายก็ผุดขึ้นในห้วงสมอง หว่านเอ๋อร์ที่ต้องการแยกทางกับเขา เด็กสาวที่พบในตำหนักวันนั้น ซ่งเหอเซียงที่ถูกขังอยู่ในโรงฟืน ไป๋เจินจูที่สวมรอยเป็นบุตรีตระกูลสูงศักดิ์…
ทำอย่างไรดี ตอนนี้เขาควรต้องทำเช่นไร
เผยชิงหานเงยหน้าขึ้น เห็นข้างนอกยังคงมีแสงสว่าง อีกทั้งยังคล้ายกับมีเงาคน จึงเอ่ยถามว่า “ข้างนอกนั่นคือใคร”
“เรียนท่านโหว เป็นคุณหนูรองและคุณชายน้อยทั้งสองเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบรายงาน
ซ่งเหอเซียงให้กำเนิดบุตรีเพียงเผยเซี่ยเฉินเท่านั้น คุณชายใหญ่และคุณชายรองนั้น คนหนึ่งอายุสี่ปี อีกคนหนึ่งอายุสามปี ทั้งสองเป็นบุตรที่เกิดจากอี๋เหนียงอีกสองคน ต่างก็คลอดยากทั้งสิ้น พวกนางตายจากไปตอนที่พวกเขาอายุได้ไม่ถึงเดือน ซึ่งบัดนี้อยู่ในความดูแลของซ่งเหอเซียง
ก่อนหน้านี้เผยชิงหานไม่สนใจเรื่องในเรือนหลัง จึงไม่มีความรักใดให้อี๋เหนียงสองคนนั้น และไม่เคยถามเรื่องที่เกี่ยวกับพวกนาง หากตายก็แค่ฝัง แต่เห็นทีตอนนี้เรื่องราวชักจะน่าสงสัยขึ้นมาแล้ว แม้กระทั่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสตรีชั่วช้าอย่างซ่งเหอเซียงก็เป็นได้
“พวกเขาทำอะไรอยู่ข้างนอก” เผยชิงหานมุ่นคิ้วถาม
สาวใช้ตอบว่า “คุณหนูรอง คุณชายใหญ่ และคุณชายรองคุกเข่าอยู่ข้างนอก ต้องการขอความเมตตาให้ฮูหยินเซียง ทว่าก่อนหน้านี้ท่านโหวยังไม่ฟื้น พวกเขาจึงคุกเข่าอยู่ข้างนอกตลอดเลยเจ้าค่ะ”
เผยชิงหานเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็เลิกผ้าห่มลงจากเตียง สาวใช้จึงรีบนำเสื้อคลุมพาดลงบนไหล่ของเขาให้
เมื่อประตูห้องเปิดออก ก็พบทั้งสามคนคุกเข่าอยู่ข้างนอก เผยเซี่ยเฉินเหม่อลอย ส่วนร่างกายเล็กๆ อีกสองร่างกำลังโงนเงนสัปหงก หากไม่มีแม่นมคอยดูแลอยู่ข้างๆ เกรงว่าพวกเขาจะหน้าทิ่ม หลับอยู่บนพื้นไปแล้ว
เผยชิงหานตะคอกเสียงขรึม “ไร้สาระ!”
เผยเซี่ยเฉินพลันดึงสติกลับมา นางเห็นบิดากำลังโกรธเกรี้ยว จึงรีบคลานเข่าไปข้างหน้าโดยไม่สนใจความเจ็บปวด ดึงชายเสื้อของบิดาพลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าขอร้องท่านนะเจ้าคะ ปล่อยท่านแม่ของข้าเถอะ แม้นางจะมีความผิด แต่ก็ไม่ใช่โทษถึงตาย ท่านปล่อยนางเถอะนะเจ้าคะ!”