คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 71 ทำลายชื่อเสียงตนเอง / ตอนที่ 72 โชคดี
ตอนที่ 71 ทำลายชื่อเสียงตนเอง
“จื่อยาโถว? เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่” ท่านหมอลู่เห็นนางขวางรถ จึงกล่าวถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ไป๋จื่อยิ้มกล่าว “ท่านหมอลู่ เดินไปคุยไปจะได้หรือไม่ ข้ามีธุระจะพูดกับท่านเล็กน้อย”
ท่านหมอลู่คิดว่านางต้องการพูดเรื่องโสมภูเขา บัดนี้โสมภูเขาอยู่ในย่ามบนมือเขาแล้ว หรือว่านางอยากจะนำกลับไป?
ด้วยความสงสัย ท่านหมอลู่จึงลงจากรถ เดินตามไป๋จื่อไปใต้ร่มไม้ ก่อนจะเอ่ยถาม “จื่อยาโถว มีเรื่องอะไรกันแน่”
เด็กสาวเข้าไปใกล้ กระซิบที่ข้างหูของเขาอยู่หลายประโยค
ท่านหมอลู่มีสีหน้าตกใจ เขารีบโบกมือ “ไม่ได้หรอก หากส่งข่าวลือออกไปเช่นนี้ ต่อไปเจ้าจะยังแต่งให้ผู้ใดได้? ชื่อเสียงของเจ้าป่นปี้หมดพอดี”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “เรื่องในวันข้างหน้าก็ไว้ค่อยว่ากัน สรุปเป็นว่าตอนนี้ข้าไม่อยากถูกท่านย่าและท่านป้าสะใภ้ใหญ่ขาย วันนี้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่จะไปเป็นแม่สื่อให้ข้าที่หมู่บ้างไป๋หยาง พูดให้น่าฟังหน่อยคือการแต่งงาน แต่หากพูดไม่น่าฟังล่ะก็ นางต้องการขายข้า เวลานี้ข้าเพียงอยากอยู่ข้างกายท่านแม่ ตอบแทนท่านแม่ที่เลี้ยงดูข้า”
ครั้นท่านหมอลู่ได้ยินคำพูดนี้ เขาพลันโมโหจนต้องกัดฟันกรอด “คนสกุลไป๋ช่างใจไม้ไส้ระกำนัก เรื่องขาดศีลธรรมใดล้วนทำออกมาได้ เสียดายที่แม่เจ้าทำงานแทบตายเพื่อหาเลี้ยงพวกเขาอยู่ทุกวัน ช่างไม่คุ้มกันเลย”
เขาหันกลับมามองไป๋จื่อ “จื่อยาโถว เจ้าต้องคิดให้ดีนะ เรื่องทำลายชื่อเสียงพรรค์นี้ เมื่อทำขึ้นมาจริงๆ แล้ว ก็ไม่มีทางหวนกลับได้อีก”
ไป๋จื่อส่ายหน้าอีก “ข้าคิดดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ใส่ใจเรื่องชื่อเสียงอะไรนั่น ขอเพียงได้มีชีวิตที่ดีอยู่กับท่านแม่ ข้าก็พอใจแล้ว”
ท่านหมอลู่พอจะเข้าใจความรู้สึกของนางในตอนนี้ได้ เรื่องชื่อเสียงนี้แม้จะสำคัญมาก ทว่าเมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว สักเหวินเดียวก็ไม่คุ้มกัน สถานที่เช่นหมู่บ้านไป๋หยาง เขาคุ้นเคยยิ่งนัก ในหมู่บ้านมีชายโสดมากมาย หลายคนไม่ได้แต่งงาน เพราะว่าหาเงินได้ไม่มากพอ ส่วนหลายคนมีเงิน แต่กลับแต่งภรรยาไม่ได้
คนโสดเหล่านั้น รอบกายมีเงินทอง ทว่าเหตุใดไม่มีสตรีคนใดยอมแต่งให้พวกเขาเล่า?
นอกจากฮวงจุ้ยในหมู่บ้านจะไม่ดีแล้ว ยังมีเหตุผลที่ใหญ่มากอีกข้อหนึ่ง ก็คือคนโสดพวกนี้มีนิสัยโหดเหี้ยมนัก ลงไม้ลงมือกับสตรีนับเป็นเรื่องธรรมดา ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวถูกพวกเขาทรมานจนตายไปแล้วกี่คน และมีหญิงสาวแอบหนีไปเพราะทนรับความโหดร้ายของพวกเขาไม่ไหวไม่น้อย ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของหนุ่มโสดพวกนี้ในหมู่บ้านไป๋หยาง ก็มีที่มาด้วยเหตุนี้ ดังนั้นพวกเขาอยากจะหาภรรยาจึงยากยิ่งกว่ายาก ถึงได้เพิ่มเงินแล้ว เพิ่มเงินอีก ตอนนี้หญิงสาวที่ยินยอมแต่งงานเข้าหมู่บ้านไป๋หยาง ส่วนมากก็เพื่อเงิน
ท่านหมอลู่มองรถเทียมวัวที่รอเขาอยู่ใต้ร่มไม้ไม่ไกล ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “จื่อยาโถว เจ้าวางใจเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง อีกเดี๋ยวยังมีหญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนต้องการไปในเมืองด้วย ระหว่างทางข้าจะหาโอกาสปล่อยข่าวลือ อาศัยปากของพวกนางนี่แหละ คาดว่าไม่เกินหนึ่งวัน เรื่องนี้จะต้องแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านหวงถัวของพวกเรา”
ไป๋จื่อยิ้มไม่หุบ “เช่นนั้นดียิ่งนัก เรื่องนี้แพร่กระจายไปยิ่งเร็วยิ่งดีเจ้าค่ะ วันนี้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ไปที่หมู่บ้านไป๋หยางแล้ว เมื่อตกลงได้แล้ว คาดว่าสองวันนี้จะมีคนมาสอบถามสถานการณ์ของข้าที่หมู่บ้านของพวกเรา”
ทั้งสองคนคุยพึมพำกันอีกสองสามคำ ครั้นเห็นมีคนเดินมาทางพวกเขา คราวนี้ถึงจะแยกย้าย
ท่านหมอลู่นั่งรถเทียมวัวจากไปแล้ว จ้าวหลานจึงรั้งไป๋จื่อเพื่อถามว่า “จื่อเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าพูดพึมพำอะไรกับท่านหมอลู่น่ะ”
เด็กสาวย่อมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจปิดบังจ้าวหลาน จึงกล่าวกับนางตามตรง
จ้าวหลานร้อนใจจนจะก้าวขาตามท่านหมอลู่ไป ทว่าไป๋จื่อกลับดึงนางไว้ “ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฟังข้าก่อน”
“ข้าไม่ร้อนใจได้หรือ? บนโลกนี้มีเด็กสาวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นเจ้าที่ไหนกัน ชื่อเสียงของสตรีสำคัญเพียงใดเจ้ารู้หรือไม่? หากเรื่องนี้แพร่กระจายไปจริง ต่อไปเจ้าจะแต่งงานได้อย่างไร?”
……….
ตอนที่ 72 โชคดี
“ท่านแม่ เรื่องแต่งงานในอนาคตไว้ค่อยว่ากัน สิ่งสำคัญคือสถานการณ์ในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะพวกนางบีบบังคับ ข้าก็ไม่อยากทำถึงขั้นนี้เช่นกัน แต่หากไม่ทำถึงขั้นนี้ ท่านแม่จะมองข้าแต่งให้กับนักเลงในหมู่บ้านไป๋หยางได้หรือ? ข้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือ?”
อารมณ์ของจ้าวหลานค่อยๆ สงบลง นางรู้สึกได้ถึงความจนใจที่ไป๋จื่อต้องทำถึงเพียงนี้เช่นกัน หากไป๋จื่อถูกขายให้หมู่บ้านไป๋หยางจริง เช่นนั้นเกรงว่าพวกนางสองแม่ลูกคงไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีกแล้ว
“ท่านแม่ ข้ามั่นใจ วันนี้ข้ายังเด็ก มีข่าวลือเช่นนี้แพร่สะพัดไปก็ไม่เป็นไร ผ่านไปสองสามปี ข้าค่อยให้ท่านหมอลู่กู้ชื่อเสียงให้ข้าก็ได้กระมัง? ไม่น่ามีผลกระทบใด ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ”
จ้าวหลานถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง “ต้องโทษที่แม่ไร้ประโยชน์ ปกป้องเจ้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่ต้องทำเรื่องเช่นนี้”
“จ้าวหลาน? จื่อยาโถว? เหตุใดพวกเจ้าถึงมาล่ะ”
สองแม่ลูกเดินมาถึงหน้าบ้านสกุลหูโดยไม่รู้ตัว หูจ่างหลินกำลังยืนกวาดพื้นอยู่หน้าประตู ครั้นเห็นพวกนางมา เขาก็รีบเข้ามาต้อนรับ
จ้าวหลานเห็นสภาพที่ต้องใช้ผ้าคล้องแขนของหูจ่างหลิน นางพลันรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเขาก็บาดเจ็บเพราะนาง
“พี่หู ข้าขอโทษจริงๆ ทำให้ท่านลำบากแล้ว”
หูจ่างหลินวางไม้กวาดในมือลง แล้วโบกมือให้จ้าวหลาน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่เจ็บแล้ว หมอลู่บอกกับข้าว่าแผลนี้ไม่หนัก พักสักเจ็ดแปดวันก็หายแล้ว เจ้าต่างหาก มือของเจ้าบาดเจ็บซ้ำสอง เกรงว่าจะสาหัสกว่าเดิมกระมัง?”
จ้าวหลานก็รีบโบกมือเช่นกัน “ข้าไม่เป็นไร พักสักพักก็น่าจะหาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
หูจ่างหลินนำพวกนางเข้าไปในลานบ้าน ที่เละเทะจากฝีมือของสองพี่น้องสกุลไป๋เมื่อวาน บัดนี้เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
“พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าสินะ กินที่นี่เสียสิ หูเฟิงกำลังต้มน้ำ ข้าจะให้เขาต้มไข่ไก่เพิ่มสักสองลูก”
ไป๋จื่อยิ้มพลางกล่าว “ดียิ่งนักเจ้าค่ะ พวกข้าหิ้วท้องเพราะถูกท่านป้าสะใภ้ใหญ่ไล่ออกมา นางกล่าวว่าหากขุดผักป่าได้ไม่มากพอก็ไม่ให้ข้ากลับไป เดิมทีข้าก็คิดจะมาขอข้าวกินจากท่านลุงหูอยู่แล้วด้วย”
“นางเด็กโง่คนนี้ ขอข้าวกินอะไรกัน บ้านของลุงหูผู้นี้ เจ้าอยากมาก็มา อยากอยู่ก็อยู่ เวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น ได้ยินหรือไม่?” ท่านลุงหูถลึงตามองเด็กสาว
นางพยักหน้าอย่างแรง รู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดแม้สักนิด กลับดีกับนางเช่นนี้ เมื่อคิดถึงพ่อแม่ในชาติก่อน รวมถึงคนสกุลไป๋ บางทีนางอาจจะไม่นับว่าโชคร้ายจริงๆ ความจริงแล้วยังโชคดีที่มีแม่ที่ทุ่มเทจิตใจปกป้องนาง ทั้งยังมีคนดีเช่นท่านลุงหูคอยดูแล นางเชื่อว่าวันข้างหน้าจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
จากนั้นนางก็ประคองจ้าวหลานนั่งลงด้านข้างโต๊ะในเรือน ก่อนจะหันไปกล่าวกับท่านลุงหู “ข้าไปเองเจ้าค่ะ ถือโอกาสช่วยด้วยเลย”
ท่านลุงหูพยักหน้า “ได้ เจ้าไปเถิด ข้าจะเทน้ำให้แม่เจ้า”
ไป๋จื่อไปถึงหลังครัว เห็นหูเฟิงกำลังต้มไข่ไก่สี่ฟองและมันเทศสี่หัวอยู่ในหม้อ
“ใช้ได้ มีไหวพริบ” ไป๋จื่อยิ้มกริ่มพลางเข้าไปใกล้ ครั้นเห็นไฟในเตาเจิดจ้านัก ไม่ต้องเติมฟืน น้ำในหม้อก็เพียงพอ ยิ่งไม่จำเป็นต้องเติมน้ำ “ดูท่าทางเจ้าไม่ต้องให้ข้าช่วยแล้ว”
หูเฟิงปิดฝาหม้อ แล้วหันหน้าไปมองไป๋จื่อร่างเล็กจ้อยที่อยู่เบื้องหน้า เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “จะเริ่มรักษาให้ข้าเมื่อใด”
เด็กสาวตะลึงงัน ด้วยคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามในเวลานี้ จึงตอบตามสัญชาตญาณว่า “เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ พวกเราต้องหาสมุนไพรที่เหมาะสมให้เจอก่อน ดื่มยาพร้อมกับฝังเข็ม และไม่ใช่ว่ายาจะขจัดอาการป่วยได้ เพราะในสมองของเจ้ามีเลือดคั่งมานานแล้ว ไม่ได้กำจัดออกไปง่ายดายเช่นนั้น ยังต้องรักษาและฟื้นฟูอีกนาน ถึงจะเห็นผลอย่างช้าๆ”