คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 711 ถูกสตรีคนหนึ่งชักจูง / ตอนที่ 712 ซ่งเหอเซียงในโรงฟืน
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 711 ถูกสตรีคนหนึ่งชักจูง / ตอนที่ 712 ซ่งเหอเซียงในโรงฟืน
ตอนที่ 711 ถูกสตรีคนหนึ่งชักจูง
“โทษไม่ถึงตาย? เจ้ารู้หรือว่ามารดาของเจ้าทำอะไรไว้ เรื่องชั่วที่นางทำ นางตายเสียร้อยหนก็ยังไม่พอ!” เผยชิงหานเอ่ยอย่างหัวเสีย
เผยเซี่ยเฉินไม่เคยเห็นบิดาเป็นเช่นนี้มาก่อน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ ยามพูดถึงมารดาของนางก็มีแต่ความเกลียดชังและเคืองแค้นอยู่เต็มใบหน้า
นางกลัวจนต้องหดมือกลับ ทว่าก็ไม่คิดจะยอมแพ้ นางเอ่ยอย่างกริ่งเกรงว่า “ท่านพ่อ แม้นางจะมีความผิด แต่ท่านก็ต้องเห็นแก่ที่นางทุ่มเทแรงกายแรงใจปรนนิบัติท่านมาหลายปี ช่วยท่า านจัดการเรือนหลัง ไว้ชีวิตนางด้วยนะเจ้าคะ!”
“ทุ่มเทแรงกายแรงใจปรนนิบัติข้า? จัดการเรือนหลัง?” จู่ๆ เผยชิงหานก็หัวเราะขึ้นมา เสียงของเขาน่าขนลุกยิ่งนัก เขานึกถึงเรื่องมากมาย คนเคียงหมอนผู้งดงามที่จากโลกนี้ไปเหล่านั้ นเคยพูดกับเขา ทว่าแต่ก่อนเขาล้วนเห็นมันเป็นเพียงลมผ่านหู คิดว่าเป็นเพียงคำนินทาว่าร้ายระหว่างสตรีในบ้าน ที่เกิดขึ้นจากการที่เขารักและเอ็นดูซ่งเหอเซียงเท่านั้น ถึงไ ได้คอยใส่ร้ายป้ายสีซ่งเหอเซียงไม่ยอมหยุดหย่อน
เขาไม่เพียงไม่ฟังวาจาเหล่านั้น แม้กระทั่งเย็นชาต่อสตรีทั้งหลายด้วยเหตุนี้ ผลสุดท้ายแล้วไม่ถึงสองปี พวกนางก็ทยอยกันตายจากไป ไม่ว่าจะเป็นการตายเพราะคลอดบุตรยาก หรือตายเพราะป่ วยหนักก็ตามที จนเรือนหลังของจวนโหวที่โอ่โถงก็เหลือเพียงซ่งเหอเซียงผู้เดียว ไปจนถึงตงฟางหว่านเอ๋อร์ที่ล้มป่วยอยู่นานปี
น่าหัวร่อนัก!
บุรุษผู้สง่างามเช่นเขา ถูกสตรีคนหนึ่งชักจูงเสียตั้งหลายปี
เผยชิงหานไม่มองเด็กสามคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอีก เขาหมุนกายกลับเข้าไปในห้อง ประตูปิดลงอีกครั้ง ปิดกั้นแววตาเศร้าโศกของเผยเซี่ยเฉิน
คุณชายน้อยทั้งสองคนถูกแม่นมพาตัวไป ส่วนเผยเซี่ยเฉินก็มีสาวใช้ประคองออกจาเรือนซื่อหรงเช่นกัน
เผยเซี่ยเฉินได้รับการเลี้ยงดูจากซ่งเหอเซียงมาตั้งแต่เล็ก ถูกสั่งสอนด้วยกฎเกณฑ์ของคุณหนูใหญ่ผู้สืบทอดสายตรงของจวน จึงผูกสมัครรักใคร่มารดาของตนเองเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินว ว่ามารดาถูกขังอยู่ในโรงฟืน นางจึงมาคุกเข่าร้องขอความเมตตาที่หน้าห้องของผู้เป็ยบิดาทันที
“คุณหนู ตอนนี้พวกเจ้าจะไปที่ใดดีเจ้าคะ” สาวใช้ถาม
สีหน้าห่อเหี่ยวของเผยเซี่ยเฉินพลันจางหาย นางหันไปมองทางโรงฟืน เอ่ยอย่างขื่นขม “ไปนำอาหารร้อนๆ มาสักหน่อย แล้วไปนำผ้าห่มหนาๆ มาด้วย”
สาวใช้เข้าใจในทันที จึงรีบหมุนกายไปกำชับสาวใช้อีกคนที่ตามมาด้านหลัง
หลังจากหนึ่งเค่อผ่านไป เผยเซี่ยเฉินก็นำอาหารและผ้าห่มไปยังด้านนอกโรงฟืน สถานที่ที่ซ่งเหอเซียงถูกขังเอาไว้
กลางดึกหนาวยะเยือก แต่ละคนล้วนตัวสั่นด้วยความหนาว พวกนางเดินอยู่บนทางเดินตลอดเวลา แค่คิดก็รู้แล้วว่าตอนนี้ผู้เป็นมารดาที่ถูกขังอยู่ด้านในโรงฟืนจะหนาวเหน็บจนมีสภาพเป็น นเช่นไร
“เปิดประตูเร็ว!” เผยเซี่ยเฉินร้อนใจมาก นางตะโกนบอกหญิงชราที่เฝ้าประตูอยู่
ฝ่ายหญิงชรารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ทว่าบนใบหน้าก็ยังมีความระแวดระวัง นางกล่าวด้วยความลำบากใจว่า “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้ทำให้บ่าวลำบากใจเลยเจ้าค่ะ ท่านโหวกำชับไว้แล้วว่าไม ม่อนุญาตให้ใครเข้าไป และไม่อนุญาตให้คนข้างในออกมาเจ้าค่ะ”
เผยเซี่ยเฉินเหมือนมีเพลิงแผดเผาอยู่ในหัวใจ หญิงชราพวกนี้มักใหญ่ฝาสูงจนเคยชิน วันนี้เห็นมารดาของนางต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว พวกนางก็เปลี่ยนไปในทันที หากเป็นเมื่อ อก่อน…หากเป็นเมื่อก่อนละก็…
ยังจะเอ่ยถึงอดีตอีก ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน พูดถึงอดีตแล้วยังจะมีประโยชน์อะไร
นางตัดสินใจแน่วแน่ แล้วส่งสายตาให้สาวใช้ที่อยู่ข้างกาย ฝ่ายสาวใช้ก็รู้กัน ปลดถุงเงินที่อยู่ข้างเอวโดยพลัน ภายในนั้นมีเงินอยู่อย่างน้อยยี่สิบตำลึง
สาวใช้ยัดถุงเงินใส่ในมือของหญิงชรา ปั้นหน้ายิ้มว่า “ท่านยายอำนวยความสะดวกหน่อยเถอะ บัดนี้เป็นเวลาสามเกิงแล้ว ท่านโหวหลับไปแล้วนะเจ้าคะ ท่านไม่พูดเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้ เ เงินเล็กน้อยนี้มอบให้ท่านไว้ดื่มน้ำชา อย่ารังเกียจที่มันมีจำนวนน้อยนิดเลยนะเจ้าคะ”
ถุงเงินที่บรรจุเงินจำนวนยี่สิบตำลึงย่อมหนักอึ้ง เมื่ออยู่ในมือแล้วหญิงชราก็รู้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นมา
……….
ตอนที่ 712 ซ่งเหอเซียงในโรงฟืน
หญิงชรากล่าวกับสาวใช้อย่างวางตัวไม่ถูก “เช่นนั้นก็อย่าได้อยู่นาน หากท่านโหวสั่งลงโทษลงมา ข้าคงจะรับไม่ไหว” นางพูดพลางยัดถุงเงินเข้าไปในอกเสื้อ แล้วหยิบกุญแจที่ข้างเอ อวออกมาไขกลอนบนบานประตู ปล่อยให้เผยเซี่ยเฉินเข้าไป
เผยเซี่ยเฉินเห็นประตูเปิดแล้ว ก็ถลันเข้าไปอย่างไม่รอช้า ภายในโรงฟืนมืดมาก ไม่มีแสงตะเกียง กลิ่นเหม็นสายหนึ่งพลันโชยเข้าจมูก โชคดีที่ในนี้มีลมโกรกมากพอ ไม่เช่นนั้นกลิ่นค คงจะเข้มข้นกว่านี้
นางอาศัยแสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาจากหน้าต่าง มองเห็นมารดาขดตัวอยู่ในมุมของโรงฟืน ตัวสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา แม้จะเห็นสีหน้าไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะจินตนาการได้ถึงความทรุดโทรมของซ่งเหอเ เซียงในตอนนี้
“ท่านแม่…” นางก้าวเข้าไปพร้อมเสียงสะอื้นไห้ โผไปถึงตรงหน้าของมารดา ก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้แน่นขนัด แล้วร้องไห้โฮออกมา
เมื่อนางร้องไห้ได้ครู่หนึ่ง เสียงที่คลุมเครือสายหนึ่งก็พลันดังขึ้น “คุณหนูรองจำผิดแล้ว ข้าไม่มีค่าพอให้ท่านเรียกว่าแม่หรอก” นางเกลียดแค้นซ่งเหอเซียงมาก หากไม่ใช่เพราะคำสั งและการยุยงของซ่งเหอเซียงในปีนั้น นางก็คงไม่ต้องมารับโทษหนักเช่นนี้
ครั้นเพิ่งเกิดเรื่องในปีนั้น นางก็ไม่ได้วางใจ ต่อมาถึงได้รู้ว่าฮูหยินของชางหยวนโหวผู้นี้ไม่ใช่บุตรีจากตระกูลธรรมดา บิดาของนางคือตงฟางมู่ ขุนนางผู้จงรักภักดีของสองราชวงศ์ เขาทำอะไรเด็ดขาดนัก อีกทั้งคุณหนูตงฟางผู้นี้ก็เป็นบุตรีคนเดียวของตงฟางมู่ เขารักนางดุจแก้วตาดวงใจ เมื่อเรื่องนี้แดงขึ้นมา ไม่เพียงชางหยวนโหวเท่านั้น ตงฟางมู่ย่อมถลกหนั ง ถอดเส้นเอ็นของนางได้ นางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียดาย ไยตอนนั้นนางถึงโลภสิบตำลึงทองนั้น หากนางไม่โลภในเงินตรา วันนี้นางคงไม่ต้องรับโทษหนัก
เผยเซี่ยเฉินหยุดร้องได้ นางเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายกลับไม่ใช่มารดาของนาง แต่เป็นหญิงชราที่ใบหน้ามีแต่ริ้วรอย
“เฉินเอ๋อร์ ข้าอยู่ตรงนี้!” อีกมุมหนึ่งของโรงฟืน เสียงที่แหบพร่าและอ่อนล้าของซ่งเหอเซียงดังมารางๆ
คราวนี้เผยเซี่ยเฉินรีบย้ายร่างไปยังตรงหน้าของซ่งเหอเซียง จับมือนางไว้พลางร้องไห้ “ท่านแม่ ท่านเป็นเช่นไรบ้าง สบายดีหรือไม่”
ซ่งเหอเซียงยิ้มขื่น “จนป่านนี้แล้ว จะยังมีตรงไหนสบายอยู่อีกเล่า” นางพลันเงยหน้าขึ้น จับจ้องไปยังบุตรี “เฉินเอ๋อร์ เจ้าได้พบบิดาของเจ้าหรือไม่”
เผยเซี่ยเฉินพยักหน้า เช็ดน้ำตาอย่างต่อเนื่อง “พบแล้วเจ้าค่ะ ข้าพาน้องชายสองคนไปคุกเข่าอยู่ที่หน้าห้องของท่านพ่อทั้งวัน ท่านพ่อโมโหไม่น้อย ได้ยินมาว่าเขากระอักเลือดแล้วก็ สลบไป เมื่อครู่นี้เพิ่งจะฟื้นเจ้าค่ะ”
ซ่งเหอเซียงรู้สึกปวดใจนัก เหตุใดนางไม่เคยคาดคิดเลย ว่าเผยชิงหานจะโกรธเกรี้ยวถึงขั้นกระอักเลือดออกมา ความเกลียดชังที่ปกติแล้วเขาแสดงออกมาต่อหน้าตงฟางหว่านเอ๋อร์ หรือว่าล้วน นเป็นเรื่องลวงทั้งสิ้น
“บิดาของเจ้าว่าอย่างไรบ้าง” นางจับมือบุตรีไว้ เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
เผยเซี่ยเฉินส่ายหน้า ร้องไห้หนักกว่าเดิม “ท่านพ่อไม่ยอมปล่อยท่าน ทั้งยังบอกว่าท่านทำผิดมหันต์ ท่านแม่ แท้จริงท่านทำผิดเรื่องอะไรกันแน่ เหตุใดท่านพ่อถึงได้มีโทสะเช่นนี้”
ซ่งเหอเซียงก้มหน้าไม่พูดจา เรื่องบางเรื่องนางไม่คิดจะบอกเฉินเอ๋อร์ เพราะเฉินเอ๋อร์ยังไร้เดียงสา เผยชิงหานชังตงฟางหว่านเอ๋อร์ นั่นเป็นเพราะตงฟางหว่านเอ๋อร์น่ารังเกียจ ดังนั้น ถึงได้ถูกเขาทั้งเกลียดทั้งชัง นางยิ่งไม่รู้ว่าลูกคนเดียวของเผยชิงหานในปีนั้นไม่ได้ป่วยตาย แต่ผู้เป็นมารดาของนางต่างหาก ที่จ้างวานคนให้ไปสังหารทิ้ง
บัดนี้กรรมตามสนอง นางขอเพียงกรรมนั้นตกอยู่ที่ตัวนาง อย่าได้เกี่ยวพันไปถึงเฉินเอ๋อร์เลย
“เฉินเอ๋อร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าอย่าได้มาพบข้าอีก ตัดขาดความสัมพันธ์กับข้าเสีย และไม่ต้องไปขอความเมตตาให้ข้าแล้ว มีเพียงทำเช่นนี้ พ่อของเจ้าถึงจะไม่พาลไปลงกับเจ้าด้วย ย เจ้าจะได้มีอนาคตที่ดี ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้น…” นางสะอื้นไห้จนพูดต่อไปไม่ได้ เฉินเอ๋อร์คือชีวิตของนาง นางอยากจะอยู่เคียงข้างบุตรีคนนี้ตลอดไป มอบชีวิตที่ดีให้ อีกทั้ง ส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวด้วยมือของตนเอง ได้มองนางมีชีวิตแต่งงานที่เป็นสุข