คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 713 ขอพบ / ตอนที่ 714 โทษที่ไม่มีเหตุผล
ตอนที่ 713 ขอพบ
เผยเซี่ยเฉินส่ายหน้า ร้องไห้หนักยิ่งขึ้น “ไม่ ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น ข้าต้องการให้ท่านอยู่กับข้าตลอดไป ข้าไม่ต้องการแยกจากท่าน ยิ่งไม่ต้องการตัดความสัมพันธ์กับท่าน”
สุดท้ายแล้วนางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสองปี ต่อให้นางฉลาดเฉลียวเพียงใด เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้ก็ทำได้เพียงใช้น้ำตามาแสดงความรู้สึกเท่านั้น
สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อยู่พักหนึ่งแล้ว ซ่องเหอเซียงก็ดื่มชาเย็นชืด และกินอาการที่เผยเซี่ยเฉินนำมาเล็กน้อย จากนั้นนางถึงห่มผ้าห่มหนา นับว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว
เผยเซี่ยเฉินเงยหน้ามองท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง อีกไม่นานนักก็จะเป็นยามรุ่งสางแล้ว นางกล่าวกับซ่งเหอเซียงว่า “ท่านแม่ ท่านพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะต้องหาทางช่วยทางให้ได้ ตอนนี้ท่านพ่อก็แค่กำลังมีน้ำโห ขอเพียงโทสะคลายลง เขาต้องปล่อยท่านออกมาแน่เจ้าค่ะ”
ซ่งเหอเซียงพยักหน้า เรื่องบางเรื่องนั้น นางไม่รู้ว่าควรบอกกับบุตรีเช่นไร หากเรื่องทุกอย่างเป็นเช่นที่บุตรีกล่าวได้ เช่นนั้นก็ย่อมดีที่สุด
…
ฟ้าเพิ่งเผยให้เห็นแสงสลัว เผยชิงหานก็ไปจัดการตามหาแม่ลูกหลิวซื่อที่หนีไปแล้ว เขาไม่สนใจไต่สวนไป๋เจินจู เพียงรีบร้อนให้คนประคองเขาออกจากจวนโหว เร่งไปยังคฤหาสน์ตงฟางโดยพล ลัน
นายทวารขวางเขาไว้
ข้ารับใช้ที่ประคองเผยชิงหานอยู่เพิ่งเคยมาที่คฤหาสน์ตงฟางเป็นครั้งแรก รู้สึกไม่คุ้นชินเป็นอย่างมาก คิดเพียงว่านายท่านของตนเป็นผู้ดีมีสกุล จึงเลิกคิ้วขึ้นสูง ตะคอกใส่นายทวาร ว่า “เจ้าตาบอดหรือไร นี่คือท่านโหว บุตรเขยของสกุลตงฟางพวกเจ้า เจ้ากล้าขวางหรือนี่”
ฉับพลันนั้นนายทวารก็กวาดสายตามองเผยชิงหาน แล้วมองไปยังข้ารับใช้ที่ส่งเสียงดังผู้นั้น แค่นหัวเราะว่า “ก็ว่าเสียงสุนัขเห่าจากที่ใด ที่แท้ก็วิ่งมาจากจวนชางหยวนโหวนี้เอง ง ช่างหนวกหูยิ่งนัก”
ข้ารับใช้ผู้นั้นเคืองไม่น้อย เขาเป็นข้ารับใช้ของจวนชางหยวนโหว บัดนี้กำลังประคองชางหยวนโหวอยู่ จะตีสุนัขต้องดูเจ้าของ แค่สุนัขเฝ้าประตูต่ำต้อย กลับกล้าวางท่าต่อหน้าท่านโ โหวของเขา ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าเสียเหลือเกิน
เผยชิงหานมองตาขวางใส่เขา เอ่ยด้วยความโมโหทันควัน “หุบปาก ที่นี่ใช่ที่ที่เจ้าจะแหกปากได้หรือไร ไม่มีมารยาท!”
ไม่รู้ว่าเผยชิงหานต่อว่าใคร ทว่าผู้เฝ้าประตูทำหูทวนลม กลอกตามองไปทางอื่น
เผยชิงหานกล่าวกับเขาว่า “น้องชาย รบกวนเจ้าเข้าไปรายงานที ข้าอยากพบนายใหญ่และคุณหนูของพวกเจ้า”
ทว่าผู้เฝ้าประตูกลับส่ายหน้า “ขออภัยด้วยจริงๆ นายใหญ่บอกไว้ว่าวันนี้ไม่รับแขก ท่านโหวเชิญกลับไปเถอะขอรับ!”
มีหรือเผยชิงหานจะยอมกลับ เขาร้อนใจดั่งไฟสุมทรวง อยากพบเพียงเด็กสาวคนนั้นอีกครั้ง และอยากถามตงฟางหว่านเอ๋อร์ว่านางใช่บุตรีของเขาหรือไม่!
“น้องชาย ข้ามีเรื่องด่วนต้องพบนายใหญ่และคุณหนูของเจ้าจริงๆ ข้าจะรออยู่ตรงนี้ เจ้าเข้าไปรายงานเถอะ บอกว่าหากวันนี้ไม่ได้พบพวกเขา ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!
นานทวารกวาดสายตามองเขาอีกครั้ง ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “เช่นนั้นก็ตามใจท่าน!” เขาเอ่ยจบก็กลับเข้าไปในประตู ปิดประตูสีแดงใส่หน้าเขาดังปัง
ขณะนี้ตงฟางมู่กำลังรำมวยอยู่ในลานบ้าน นายทวารเห็นดังนั้นก็ไม่กล้ารบกวน ได้แต่ชะเง้อคอมองอยู่ข้างนอก
ตงฟางมู่รำมวยอีกสองสามกระบวนท่า ในที่สุดเขาก็เก็บหมัด ข้ารับใช้ที่คอยปรนนิบัติจึงรีบนำผ้าขนหนูเข้ามาให้ เขาเช็ดเหงื่อไปพลาง มองไปทางผู้เฝ้าประตูข้างนอกลานบ้านไปพลาง ก่อนจ จะกล่าวเสียงขรึม “มีอะไรก็เข้ามาพูด จะชะเง้อมองทำอะไร”
นายทวารรีบเข้าไปในลานบ้าน รายงานตงฟางมู่ว่า “นายใหญ่ ชางหยวนโหวมาขอรับ เขาบอกว่ามีเรื่องด่วนอยากพบท่านกับคุณหนูใหญ่ หากวันนี้ไม่ได้พบพวกท่าน เขาจะไม่ยอมไปไหนขอรับ”
ตงฟางมู่โยนผ้าขนหนูในมือให้ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “ให้เขารอไป!”
……….
ตอนที่ 714 โทษที่ไม่มีเหตุผล
ได้พบจื่อเอ๋อร์ในงานเลี้ยงวันส่งท้ายปีเก่า เขาก็เดาได้ว่าคนผู้นั้นต้องมาถามให้กระจ่าง เดิมทีคิดว่าจะมาเมื่อวาน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะระงับอารมณ์ไว้จนถึงวันนี้
ในเมื่อระงับอารมณ์ได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ระงับมันต่อไปอีกสักสองสามวันเถอะ รอให้อาการป่วยของไทเฮาดีขึ้นก่อน เขาจะไปทูลเรื่องหย่าร้างกับฮ่องเต้ จนถึงตอนนั้นพบหน้ากันก็ย ยังไม่สาย ถึงอย่างไรเสียพบหน้ากันตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี
เรื่องที่เผยชิงหานตากลมตะวันตกอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ไปถึงหูของตงฟางหว่านเอ๋อร์ ตอนนี้นางกำลังทำเสื้อผ้าอยู่กับจ้าวหลาน มาดหมายว่าจะทำเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิให้ไป๋จื่อสักตัวหนึ่ง ง
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ได้ยินสาวใช้รายงานแล้ว นางไม่แม้กระทั่งจะเงยหน้าขึ้น มีเพียงมุมปากที่ยกรอยยิ้มจางๆ ดวงตาของนางเฉยชาผิดจากปกติ “ให้เขารอต่อไปเถอะ เกี่ยวอะไรกับข้ากัน”
จ้าวหลานหยุดปักผ้าในมือ แล้วเงยหน้ามองตงฟางหว่านเอ๋อร์ กล่าวด้วยความแปลกใจว่า “อย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน จะไม่พบเขาจริงๆ หรือ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์หยุดงานในมือเช่นกัน ทว่าก็ยังคงไม่เงยหน้า เอาแต่จ้องมองดอกเหมยที่อยู่บนผ้าแพรสีอ่อน เอ่ยเสียงเรียบ “ระหว่างข้ากับเขาไม่มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันแล้ว เขาเกลียดข้า ข้าชังเขา สิบกว่าปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หากวันนี้จะพูดเรื่องความรักของสามีภรรยาระหว่างข้ากับเขาอีก มันไม่น่าขันไปหน่อยหรือ”
จ้าวหลานพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก ไป๋จื่อเคยบอกกับนางไว้ว่าแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน บางคนชอบใช้ความโกรธตอบแทนความดี บางคนชอบใช้ความดีตอบแทนความโกรธ และมีบางคนนิสัยเย็นชา ไ ไม่สนใจเรื่องราวภายนอก นางไม่รู้ว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์เป็นคนประเภทใด แต่ในเมื่อทำเช่นนี้แล้วก็ต้องมีเหตุผลแน่ ไม่มีเหตุผลที่ไม่ดีอะไร เคารพทางเลือกของอีกฝ่ายจึงดีที่สุด
ทั้งสองคนทำงานเย็บปักกันต่อไป ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น พวกนางสนทนากัน พร้อมกับจิบชาหอมๆ ไปด้วย
…
เผยชิงหานให้ข้ารับใช้ประคองร่าง ขณะเดียวกันก็โซเซยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ มองคนแวะเวียนมาอวยพรปีใหม่ไม่หยุดหย่อน เข้าๆ ออกๆ คึกคักทีเดียว ส่วนเขาเหมือนกับหินแกะสลักที่ถูกล ลืม
“นายท่าน ดูท่าท่านตงฟางและฮูหยินคงจะไม่พบท่านแล้ว ตอนนี้ท่านร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สู้กลับไปก่อนดีกว่าหรือขอรับ!” ข้ารับใช้เห็นสีหน้าของเขาย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบไถ่ถาม
แต่เผยชิงหานกลับสายหน้า “ไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่ หว่านเอ๋อร์นางไม่มีทางใจร้ายขนาดนี้ นางจะต้องพบข้าแน่นอน”
หว่านเอ๋อร์!! หว่านเอ๋อร์!!
เขาไม่ได้เรียกชื่อนี้มานานเท่าไรแล้วนะ
ไม่มีใครรู้ว่าสิบกว่าปีมานี้เขาชังน้ำหน้าตงฟางหว่านเอ๋อร์เพียงใด เช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าในหัวใจของเขารักนางเพียงใด!
ตอนที่เขาพาซ่งเหอเซียงไปแสดงความรักกันต่อหน้านาง ยามที่เห็นท่าทางทุกข์ใจของนาง เขายิ่งทุกข์ใจยิ่งกว่า เขาใช้วิธีเช่นนี้ทรมานนาง ขณะเดียวกันก็เป็นการทรมานตนเองด้วย
ซ่งเหอเซียงกล่าวว่ามียาชนิดหนึ่ง เมื่อใส่ลงไปในอาหารและเครื่องดื่มแล้วจะไม่แสดงพิษสง และไม่ถึงขั้นทำให้ตาย เพียงทำให้เรี่ยวแรงลดลง คล้ายกับคนป่วยเท่านั้นเอง
เขารู้เป้าหมายของซ่งเหอเซียง นางต้องการตำแหน่งในเรือนหลัง เขาเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย แม้กระทั่งมีเป้าหมายของตนเองเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นตงฟางหว่านเอ๋อร์ไม่มีทางออกจากจวนโ โหวได้ ไม่มีทางพบชู้รักของตนเองได้อีกเช่นกัน
ขณะนั้นเขาไม่สามารถเรียกหรือกอดนางได้อย่างอ่อนโอน ทำได้เพียงใช้วิธีเช่นนี้รั้งนางเอาไว้ ถึงแม้จะรั้งหัวใจนางไว้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็รั้งตัวนางไว้ได้
พริบตาเดียวก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว เขาบรรลุเป้าหมายของตนเอง แต่กลับพบว่าร่างกายของนางอ่อนแอลงเรื่อยๆ เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เขาเคยนึกเสียดายที่ทำเช่นนั้น แต่ที่ มากกว่านั้นคือความเกลียดชัง ต่อให้ท้ายที่สุดแล้วนางต้องจากโลกนี้ไป นางก็ต้องตายในจวนแห่งนี้พร้อมกับชื่อฮูหยินของเขา
แต่ใครจะคาดคิดว่าจะมีวันนี้ได้
วันนี้เขาเพิ่งรู้ว่าตนเองเลวร้ายเพียงใด ความโกรธแค้นที่มีมาตลอดกลับเป็นความบุ่มบ่ามที่ไม่มีเหตุผล เขาถูกสตรีชั่วคนหนึ่งจูงจมูก ทำลายชีวิตแต่งของเขาจนไม่มีเหลือ