คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 715 บันดาลโทสะ / ตอนที่ 716 รีบร้อนหลบเลี่ยง
ตอนที่ 715 บันดาลโทสะ
เผยชิงหานในตอนนี้เหมือนกับใบไม้ร่วงที่ขาดชีวิต กำลังร่วงหล่นท่ามกลางลมหนาว ตกลงสู่โคลนเลนที่เย็นยะเยือก จิตวิญญาณดับสูญ
ยามม่านราตรีโรยตัวลงมา เขาล้มลง สลบไปอีกครั้ง ข้ารับใช้จึงเร่งนำตัวเขากลับจวนโหวไป
นายทวารคฤหาสน์ตงฟางเห็นทุกอย่างผ่านช่องอย่างชัดเจน พลันเร่งฝีเท้าไปรายงานต่อหน้าตงฟางหว่านเอ๋อร์และตงฟางมู่
พกเขากำลังล้อมโต๊ะอาหารกินข้าว ตงฟางหว่านเอ๋อร์กินน้ำแกงอย่างสงบเสงี่ยม สีหน้าคงเดิม ราวกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
ตงฟางมู่กวาดสายตามองบุตรีครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าราบเรียบคล้ายไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ จึงคลายใจลงได้ แล้วกล่าวเสียงเคร่งว่า “ช่างเขาปะไร ต่อจากนี้ไม่ต้องรายงานเรื่องของเขาอีก ก!”
นายทวารคารวะพลางถอยออกไป ในห้องอาหารจึงตกสู่ความเงียบงัน บรรยากาศแข็งค้างอยู่บ้าง
ตงฟางมู่ยกจอกสุราบนโต๊ะขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด เสียง ‘ปัก’ ดังขึ้นยามเขาวางจอกนั้นกลับลงบนโต๊ะ สาวใช้ข้างๆ จึงรีบเข้ามาเติมสุราทันที แต่เขากลับไม่ยกจอกขึ้นอีก เพียงช ชำเลืองมองตงฟางหว่านเอ๋อร์ แล้วกล่าวด้วยเสียงอันอ่อนโยน “หว่านเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องสนใจความรู้สึกของข้า หากเจ้าอยากพบเขาก็พบเถอะ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์วางช้อนตักน้ำแกงในมือลง จากนั้นก็รับผ้าที่สาวใช้ยื่นให้มาเช็ดปาก แล้วถึงยิ้มจางๆ “ท่านพ่อ ข้าบอกแล้วว่าจะหย่า นั่นหมายความว่าข้าต้องการตัดความสัมพันธ์กั บเขา เรื่องของเขาไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีก ไยข้าต้องพบเขาอีกด้วยเล่า”
“เจ้าไม่อยากถามเขาหรือ ว่าเหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้น” ตงฟางมู่ถาม
นางยิ้มจางเช่นเดิม “สักวันต้องมีโอกาสถามเจ้าค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หลังจากหย่ากันแล้วย่อมได้พบกันอีก ถึงตอนนั้นค่อยถามก็ยังไม่สาย”
ตงฟางมู่เข้าใจในทันที ที่แท้นางก็คิดเช่นนี้นี่เอง นับว่าดีแล้วกระมัง
จ้าวหลานเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงรีบเปลี่ยนประเด็น เอ่ยถามตงฟางมู่ขึ้นมา “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ นางชินกับการอยู่ในวังหรือยัง”
ตงฟางมู่ส่ายหน้า “วันนี้เผยชิงหานมาที่นี่ ข้าจึงอยู่ในจวนทั้งวัน ไม่ได้เข้าวังไปสอบถาม พรุ่งนี้เช้าข้าจะเข้าวังไปดูนางสักหน่อย หากไม่คุ้นชินกับการอยู่ในวัง ข้าจะรับนางกล ลับมาเร็วหน่อย ฝ่าบาทน่าจะอนุญาต”
จ้าวหลานพยักหน้า ในใจนางกลัดกลุ้มทีเดียว ตั้งแต่มาที่เมืองหลวงแห่งนี้ นางได้พบคนมากมาย ทว่านางกลับรู้สึกเหงากว่าเมื่อก่อน
หูเฟิงรับหูจ่างหลินกลับไปอยู่ที่จวนอ๋องแล้ว หรูเอ๋อร์เองไปอยู่กับบิดามารดาของนาง พ่อของเสี่ยวเฟิงรับเขากลับไปแล้วเช่นกัน บัดนี้ข้างกายนางเหลือเพียงจื่อเอ๋อร์ ทว่าก็ไม ม่ได้ฉลองปีใหม่ด้วยกัน เดิมทีคิดว่าปีใหม่นี้จะสนุกสนานคึกคัก แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เวลานี้จะพบตัวเด็กสาวคนนี้ยิ่งเป็นเรื่องยาก
…
วังฉู่
ฉู่เฟิงเข้ามาที่ตำหนักสือฝูด้วยข้ออ้างต้องการเยี่ยมไทเฮา ครั้นกำลังคิดจะเข้าไปในห้องบรรทมของไทเฮา ก็ถูกขันทีที่เฝ้าประตูขวางเอาไว้ “ท่านอ๋อง เข้าไปตอนนี้ไม่ได้ขอรับ”
ทันใดนั้น ฉู่เฟิงมุ่นคิ้ว แววตาเย็นชาและคมปลาบ เขาหรี่ตามองขันทีน้อยตรงหน้า “เพราะเหตุใด ตำหนักสือฝูนี้ไม่ใช่ที่ที่ข้าเข้าไปได้หรือ”
ขันทีรีบคุกเข่าลง โขกศีรษะก่อนครั้งหนึ่ง จากนั้นถึงจะรายงานว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะด้วย ข้าเพียงรับคำสั่งหมอไป๋ว่าให้เฝ้าอยู่ตรงนี้ขอรับ”
เมื่อพูดถึงหมอไป๋ ฉู่เฟิงก็สนใจขึ้นมาทันที เขาพลันถามว่า “หมอไป๋อยู่ข้างในหรือ”
“เรียนท่านอ๋อง หมอไป๋กำลังฝังเข็มให้ไทเฮาขอรับ ตอนนี้ท่านเข้าไปไม่ได้จริงๆ ได้โปรดรออยู่ข้างนอกสักครู่” ขันทีกล่าว
ในเมื่อกำลังฝังเข็ม เขาก็ไม่มีเหตุผลใดให้บุ่มบ่ามเข้าไป จึงพยักหน้าให้ขันที “ตกลง ข้าจะรออยู่ในลานก่อน เมื่อเสร็จเรื่องข้างในแล้ว เจ้าค่อยมาเรียกข้าก็แล้วกัน!”
ขันทีรีบกล่าวขอบคุณ รู้สึกโล่งอกในทันที โชคดีที่วันนี้เขาไม่บันดาลโทสะใส่ตน
……….
ตอนที่ 716 รีบร้อนหลบเลี่ยง
ไป๋จื่อฝังเข็มให้ไทเฮาอยู่ข้างใน หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว เหล่านางกำนัลก็เร่งเปลี่ยนอาภรณ์ให้ไทเฮาเป็นชุดผ้าไหมงดงาม พวกนางละลายยาในอุณหภูมิน้ำที่พอดิบพอดี ทุกอย่างเป็นระเ เบียบเรียบร้อย ชัดเจนว่ารอบกกายไทเฮามีแต่คนมีความสามารถ นางอบรมเหล่านางกำนัลในวังได้อย่างดียิ่ง
นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาใกล้ไป๋จื่อ ถามเสียงหวานว่า “หมอไป๋ เซียวอ๋องมาเจ้าค่ะ เขารออยู่ในสวนข้างนอก เชิญเขาเข้ามาได้หรือไม่เจ้าคะ”
ครั้งก่อนนางพบเซียวอ๋องที่ศาลาว่าการเมืองเพียงไม่นาน หน้าตาของเขาคล้ายกับหูเฟิงอยู่หลายส่วน แค่ดวงตาของเขาก็ทำให้นางจำเขาได้แม่น เป็นดวงตาที่เหมือนกับหูเฟิงอย่างยิ่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและมืดสลัว ไม่ได้เป็นประกายสดใสเหมือนกับหูเฟิง
สรุปแล้วว่าสู้หูเฟิงไม่ได้สักอย่าง
ครั้นคิดถึงความสัมพันธ์ของฉู่เฟิงกับไป๋เจินจู นางก็นึกรังเกียจขึ้นมาอยู่บ้าง จึงเอ่ยกับนางกำนัลว่า “ข้าจะไปหลอมยาที่ตำหนักหลัง หากมีเรื่องอะไรก็ค่อยมาเรียกข้า”
นางกำนัลที่สามารถปรนนิบัติไทเฮาได้ ไหนเลยจะคิดอ่านไม่เป็นบ้าง เมื่อเห็นท่าทางของไป๋จื่อ ก็รู้ว่านางไม่อยากพบเซียวอ๋อง ถึงได้รีบร้อนหลบเลี่ยงเช่นนี้
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ หมอไป๋ไปหลอมยาที่ห้องทางใต้ก็ได้นะเจ้าคะ ที่นั้นเป็นห้องดอกไม้เขตอบอุ่นของไทเฮา บุรุษเข้าไปข้างในไม่ได้เจ้าค่ะ” นางกำนัลยิ้ม
ไป๋จื่อขยิบตาให้นางกำนัล “ขอบคุณพี่สาว!”
ครั้นไป๋จื่อออกไปแล้ว นางกำนัลถึงจะหมุนกายออกไป เชิญฉู่เฟิงเข้ามา
เมื่อฉู่เฟิงเข้าประตูตำหนักมา เขาไม่ได้มองไปยังไทเฮาที่นอนอยู่บนเตียงเป็นอันดับแรก สองตาของเขากวาดมองภายในตำหนักรอบหนึ่ง เมื่อไม่พบคนที่เขาอยากพบ จึงเอ่ยถามขึ้นทันควัน น “หมอไป๋เล่า”
นางกำนัลก้มหน้าตอบว่า “เรียนท่านอ๋อง หมอไป๋บอกว่าต้องเตรียมยาให้ฮองเฮา จึงไปที่ตำหนักหลังแล้วเจ้าค่ะ”
ฉู่เฟิงมุ่นคิ้ว กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “นางไม่รู้ว่าข้ามาหรือ”
“หมอไป๋บอกว่าไทเฮาต้องรีบใช้ยาโดยเร็วที่สุด ชักช้าไม่ได้เจ้าค่ะ!” นางกำนัลตอบอีกครั้ง แม้นางจะเพิ่งรู้จักหมอไป๋ได้ไม่ดี่วัน แต่หมอไป๋กลับปฏิบัติต่อพวกนางกำนัลในตำหนักสือฝู อย่างดี ครั้นเห็นพวกนางเฝ้ายามเวลากลางคืน ก็จะให้พวกนางหมุนเวียนกันไปพักผ่อน ทั้งแบ่งอาหารมื้อดึกที่โรงครัวส่งมาให้พวกนางด้วย ถึงปีใหม่นี้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ความใจดีของ หมอไป๋กลับทำให้หัวใจของพวกนางอบอุ่นจริงๆ
ช่วยนางปกปิดต่อหน้าเซียวอ๋องสักสองสามคำ จึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
แม้จะถูกนางกำนัลขวางไว้ ฉู่เฟิงก็ไม่ได้บันดาลโทสะแต่อย่างใด
เทียบกับสุขภาพของไทเฮาแล้ว การลบหลู่เช่นนี้เป็นเรื่องน้อยนิดนัก เขาไม่อาจกล่าวโทษนางเพราะทำการรักษาให้ไทเฮาได้กระมัง
ฉู่เฟิงคิดว่านางไปหลอมยา อย่างไรเสียก็ต้องกลับมาที่นี่ เขาคอยท่าอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ได้พบนางแน่
…
ไป๋จื่อเอนกายตากแดดอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาที่งดงามปิดสนิท วงกลมสีดำปรากฏอยู่ใต้เปลือกตา ในมือของนางถือพัดขนาดเล็กที่ใช้สำหรับพัดไฟในเตา มันใกล้จะหลุดมือนางอยู่รอมร่อ ชิงเห หลียนจึงก้าวเข้ามารับมันไว้
ชิงเหลียนไม่อยากรบกวนไป๋จื่อ แต่ก็กลัวว่านางจะจับไข้เพราะนอนหลับไปเช่นนี้ จึงถอดเสื้อคลุมของตนเองคลุมตัวนางไว้ ส่วนตัวนางเองไปนั่งพัดไฟรับความอบอุ่นอยู่ข้างๆ เตาขนาดเล็ก
หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป บนต้นไม้ในลานพลันมีเสียงนกร้องดังมา ปลุกให้ไป๋จื่อตื่นจากนิทรา
นางสะบัดศีรษะ ก่อนจะหยัดกายขึ้นจากเก้าอี้เอน คราวนี้ถึงรู้ตัวว่าตนเองห่มเสื้อผ้าของชิงเหลียน ส่วนชิงเหลียนนั่งยองพัดไฟอยู่ข้างๆ
“ดูข้าสิ หลับไปได้อย่างไรก็ไม่รู้” ข้าลุกขึ้น นำเสื้อพาดกลับไปที่ร่างของชิงเหลียน
ชิงเหลียนยิ้มว่า “เจ้าคงจะเหนื่อยมาก ตั้งแต่คืนวันส่งท้ายปีเก่าจนมาอยู่ที่ตำหนักสือฝู เจ้าไม่ค่อยจะได้นอนเต็มอิ่มเท่าไรนัก ขอบตาของเจ้าดำไปหมดแล้ว หากจิ้นอ๋องเห็นเข้า คงจ จะต่อว่าพวกข้าไม่ดูแลเจ้าให้ดีแล้วละ”