คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 727 ลมระลอกหนึ่งมาแล้วก็ผ่านไป / ตอนที่ 728 โรคปัสสาวะร่วง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 727 ลมระลอกหนึ่งมาแล้วก็ผ่านไป / ตอนที่ 728 โรคปัสสาวะร่วง
ตอนที่ 727 ลมระลอกหนึ่งมาแล้วก็ผ่านไป
ตงฟางมู่มองไป๋จื่อที่มีสีหน้าเหนื่อยล้า พลันรู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ได้พบเจ้าตั้งหลายวัน เจ้ากลับมีสภาพเช่นนี้แล้ว ไยถึงเหนื่อยจนเป็นเช่นนี้ไปได้”
ไป๋จื่อรู้สึกอบอุ่นหัวใจทีเดียว จึงฉีกยิ้มว่า “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่นอนน้อยเท่านั้นเอง ตอนนี้ไทเฮาดีขึ้นแล้ว ข้าเองมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ไม่นานก็จะกลับมาสดใสดังเดิมเจ้าค่ะ”
ตงฟางมู่ส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ ไหนเลยข้าจะไม่รู้นิสัยของไทเฮา นางชอบสร้างปัญหาเป็นที่สุด ทั้งยังชอบให้ทุกคนรุมล้อมตัวนาง ไม่เคยเอ่ยขอบคุณผู้ใด เจ้าอยู่ที่นี่ข้าไม่วางใจยิ่งนัก รอก่อนนะ ข้าจะไปพบฝ่าบาท อีกเดี๋ยวจะมารับเจ้าออกจากวัง หากมีเรื่องอะไรห็ให้นางไปที่สำนักหมอหลวง หรือหากสำนักหมอหลวงทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นค่อยมาตามเจ้าก็ยังไม่สาย”
เขาพูดราวกับจุดประทัด กล่าวเสียงดังฟังชัดรวดเดียวจนจบ ไม่สนใจว่าไป๋จื่อจะตกลงหรือไม่ ก็หมุนกายมุ่งหน้าไปยังห้องทรงอักษรของฮ่องเต้เสียแล้ว
ไป๋จื่ออ้าปาก อยากพูดก็ไม่ทันได้พูด เพราะตงฟางมู่หายไปไม่เห็นเงาแล้ว เหมือมระลอกหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
นางยิ้มพลางส่ายหน้า แล้วกลับหลังหันไปหาพวกชิงเหลียน ถือโอกาสตอนที่ยังมีเวลา กำชับสิ่งที่ควรกำชับกับพวกนาง เมื่อนางกลับไปแล้ว ไทเฮาจะได้ไม่ต้องส่งคนไปเรียกนางกลับมาอีก
หลังจากไป๋จื่อฝากฝังเรื่องที่จำเป็นแล้ว ขณะกำลังบอกลาพวกชิงเหลียนอยู่นั้น ตงฟางมู่ก็รีบร้อนกลับมา เขาเข้ามาภายในตำหนักไม่ได้ ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นบุรุษ ทำได้เพียงส่งทอด คำพูดให้นางกำนัลเท่านั้น
ไป๋จื่อจับมือของชิงเหลียนเอาไว้ เห็นอีกฝ่ายขอบตาแดง จึงเอ่ยว่า “อย่าทำเช่นนี้สิ ข้าจะกลับมา ถึงตอนนั้นจะนำของอร่อยมาให้พวกท่านด้วย”
ชิงเหลียนที่อยู่ข้างกายดล่าว “เจ้าอย่าหลอกข้านะ ของอร่อยเหล่านั้นจะน้อยไม่ได้เป็นอันขาด!”
ทุกคนพากันหัวเราะ ก่อนจะส่งไป๋จื่อออกไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ไป๋จื่อและตงฟางมู่เพิ่งก้าวออกไป ไทเฮาก็รับสั่งให้คนเรียกตัวไป๋จื่อเข้าไปในตำหนัก
ชิงเหลียนรีบร้อนเข้าไป รายงานไทเฮาว่า “ไทเฮา ท่านตงฟางเพิ่งรับตัวแม่นางไป๋ไปเพคะ บอกว่าเป็นพระบัญชาของฝ่าบาท อนุญาตให้เขาพาแม่นางไป๋กลับไปพักผ่อนที่บ้าน หากมีเรื่องอะไรท ทรงรับสั่งกับสำนักหมอหลวงได้โดยตรงเลยเพคะ”
หมายความว่าอย่างไร ตงฟางมู่รับนางไปแล้ว?
ไทเฮาโมโหจนหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะส่ายหน้า “ตงฟางมู่ผู้นี้นับวันยิ่งเหิมเกริม ตอนนี้เขาไม่เห็นแม้แต่ข้าอยู่ในสายตา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงเหยียบแม้กระทั่งเท้าของฮ่องเต้ แล้ว”
เมื่อพระนางพูดออกมาเช่นนี้ เหล่านางกำนัลและขันทีในตำหนัก รวมถึงฮองเฮาเองต่างก็คุกเข่าลงบนพื้น ขอให้นางระงับโทสะ
ระงับโทสะ? นางจะระงับโทสะนี้ได้อย่างไร ตนเป็นถึงไทเฮาผู้สง่างาม มารดาของแว่นแคว้น ทว่ารั้งเด็กสาวคนเดียวไว้ไม่ได้อย่างนั้นหรือนี่ หากข่าวลือนี้เล็ดรอดออกไป นางจะเอาหน้าไป ปไว้ที่ไหน
ฮองเฮากลัวว่านางจะโมโหจนไปฉีกหน้าตงฟางมู่ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่มหันต์ จึงรีบโน้มน้าวว่า “เสด็จแม่ แน่นอนว่าตงฟางมู่น่ารังเกียจ แต่ก็เป็นเพราะเขามีฝ่าบาทคอยให้ท้ายเท่านั้น นเอง พระนางเป็นถึงไทเฮาของแคว้น สูงส่งหาใดเปรียบ เหตุใดต้องกริ้วเพราะคนชั้นต่ำเช่นเขาด้วยเล่าเพคะ อีกอย่างฝ่าบาทตอบรับคำขอของเขา ก็เพราะให้เกียรติเขาเท่านั้น หากพระนางอยา ากรับสั่งให้เด็กสาวคนนั้นเข้าวัง ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สกุลตงฟางพวกเขาขัดพระบัญชาได้หรือเพคะ”
ครั้นได้ฟังวาจาโน้มน้าวของฮองเฮา เพลิงโทสะที่สุมทรวงอยู่ก็คลายลงไปไม่น้อย ช่างเถิด เห็นแก่หน้าของเฟิงเอ๋อร์ก็แล้วกัน อย่าเพิ่งคิดบัญชีเรื่องพวกนี้กับเขาเลย ไทเฮาผู้นี้จะบ บันทึกบัญชีเหล่านี้ไว้ก่อน อย่างไรเสียก็ต้องมีโอกาสได้ชำระ
ฮองเฮาโล่งอก ไทเฮาไม่ได้เพิ่งเห็นตงฟางมู่เป็นหนามตำตาเพียงหนึ่งหรือสองวัน อย่าเพิ่งหักหน้ากันในเวลานี้เลย
……….
ตอนที่ 728 โรคปัสสาวะร่วง
จวนสกุลเมิ่ง
ปีใหม่ของสกุลเมิ่งวุ่นวายนัก หลังจากฮูหยินเมิ่งแกล้งป่วยเมื่อครั้งก่อน นางล้มป่วยจริงๆ อีกครั้งหนึ่ง จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่หายดี ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงทั้งวัน สีหน้าซีดเห หลือง กินอะไรล้วนอาเจียนออกมาทั้งสิ้น บางครั้งแม้กระทั่งคนรู้จักก็จำไม่ได้
หมอมาจับชีพจรให้นางอยู่หลายครั้ง ทว่าก็ไม่อาจรักษาให้หาย
ใต้เท้าเมิ่งกัดฟัน ขอพระราชทานอนุญาตจากฮ่องเต้ ได้หมอคนหนึ่งจากสำนักหมอหลวงมาดูอาการให้ฮูหยิน ด้วยวิชาแพทย์ของหมอหลวงย่อมสูงส่งกว่าหมอธรรมดาสามัญมาก ไม่นานนักก็ตรวจพบสาเ เหตุของอาการป่วย บอกว่าฮูหยินเมิ่งเป็นโรคปัสสาวะร่วง
เขาดึงตัวหมอหลวงมาที่ด้านหนึ่ง ก่อนจะซักถามอย่างละเอียด “หมอหลวงจาง โรคปัสสาวะร่วงคือโรคอะไร มียารักษาให้หายหรือไม่”
หมอหลวงจางถอนใจเสียงหนึ่ง เอ่ย “ใต้เท้าเมิ่ง ข้าขอพูดตามตรงไม่ปิดบัง ปู่ของข้าจากโลกนี้ไปเพราะโรคนี้ พี่ชายของข้าก็เป็นโรคนี้เช่นกัน ทุกวันนี้เอาแต่นอนอยู่บนเตียง เฮ้อ. …ครั้นข้าเห็นอาการของฮูหยินเมิ่ง ข้าถึงวินิจฉัยออกมาได้ทันที”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ฮูหยินของข้าเป็นโรคปัสสาวะร่วงแล้ว ทว่าไม่มีทางรักษาหรือ” ใต้เท้าเมิ่งร้อนใจแล้ว
“ในตอนนั้นปู่ของข้าก็เป็นหมอหลวงของสำนักหมอหลวง หลังจากเป็นโรคปัสสาวะร่วงแล้ว เขาฝังเข็มให้ตนเอง จัดยาให้ตนเองก็หลายชนิด ทว่ามีเพียงทางเดียวที่ได้ผลยามที่โรคนี้กำเริบ บขึ้นมาได้บ้าง รักษาชีวิตไว้ได้ชั่วคราว แต่ถึงแม้จะรอดตายมาได้ โรคนี้ก็กัดกินร่างกายของเขาไปจนสิ้น จะทนได้นานเพียงใดขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว” หมอหลวงจางว่า
เมิ่งหนานยืนฟังอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด ยิ่งฟังก็ยิ่งแปลกใจ เขารีบเอ่ยขึ้น “จะเป็นไปได้อย่างไร แม่ของข้าแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนที่จะมีอาการก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เจ้าจะบอกว่านางป่วยห หนักได้อย่างไร คงไม่ได้วินิจฉัยผิดหรอกกระมัง”
หากเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ หมอหลวงจางต้องถกแขนเสื้อเข้าไปหาเรื่องแน่ ทว่าครอบครัวของเขามีคนเป็นโรคนี้เช่นกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของเมิ่งหนานในขณะนี้อย่างยิ่ง เขาตอบอย่างอดทน นว่า “คุณชายเมิ่ง โรคนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในหนึ่งหรือสองวัน แต่เกิดขึ้นมานานมากแล้วแน่นอน เพียงแต่พวกเจ้าไม่รู้เท่านั้นเอง ส่วนฮูหยินเมิ่งเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก จึงพลาด ดจังหวะที่ดีที่สุดในการรักษาไป หากพบโรคนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ใช้ยารักษาเร็วกว่านี้ นางคงไม่มีทางเป็นถึงขั้นนี้เช่นกัน”
เมิ่งหนานส่ายหน้า “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ แม่ของข้ายังแข็งแรงอยู่แท้ๆ เหตุใดจู่ๆ ถึงเป็นโรคร้ายขนาดนี้ได้”
หมอหลวงจางว่า “โรคชนิดนี้ส่งทอดกันผ่านรุ่นสู่รุ่น พวกเจ้าลองคิดดูให้ดีเป็นอย่างไร ว่าภายในครอบครัวของฮูหยินเมิ่ง มีใครเป็นโรคเดียวกับนางบ้างหรือไม่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใต้เท้าเมิ่งก็พลันนึกถึงแม่ยายของตนเอง แม่ยายจากไปตั้งแต่อายุสี่สิบต้นๆ ตอนนั้นนางเป็นโรคแปลกประหลาดโรคหนึ่งเช่นกัน ปกติแล้วนางแข็งแรงดี แต่จู่ๆ ก็ผ่า านผอมลงจนมีแต่เนื้อหุ้มกระดูก เวียนศีรษะ สายตาฝ้าฟาง ทำอะไรไม่ค่อยได้ กินสิ่งใดก็มักจะอาเจียนออกมา คิดๆ แล้วคล้ายคลึงกับอาการของฮูหยินเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเขาได้ยินอี กว่าแม่ยายผู้นี้จากไปภายในหนึ่งเดือน
ดูจากอายุของแม่ยายแล้ว นางอายุใกล้เคียงกับฮูหยินในตอนนี้ เขายิ่งคิดจึงยิ่งหวั่นใจ
เมิ่งหนานเป็นบิดามีท่าทางเช่นนั้นจึงรีบถามว่า “ท่านพ่อ ครอบครัวของท่านแม่มีใครเป็นโรคชนิดนี้หรือไม่”
ใต้เท้าเมิ่งพยักหน้า “ยายของเจ้าจากไปเพราะโรคนี้ ทนอยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็จากไป”
หมอหลวงจางถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะหมุนกายไปเขียนใบสั่งยาที่หน้าโต๊ะ ใบสั่งยานี้ของเขาจะทำให้ฮูหยินกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้ช่วงสั้นๆ ทว่าผ่านไปไม่กี่วันก็จะทรุดลงดังเดิม เมื่อ อกินยานี้ไปเรื่อยๆ ประสิทธิภาพของยาจะค่อยๆ ลดลง ตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาก็อยู่ในอาการนี้เช่นกัน กินยาอะไรล้วนไม่มีประโยชน์ เรียกได้ว่าถึงขั้นรอความตายแล้วก็ว่าได้ ครอบครัวขอ องเขาให้เตรียมจัดการเรื่องราวหลังจากนี้แล้วเช่นกัน คิดดูแล้วน่าปวดใจนัก