คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 733 โรคเบาหวาน (4) / ตอนที่ 734 โรคเบาหวาน (5)
ดอนที่ 733 โรคเบาหวาน (4)
หมายความว่าอย่างไร รักข้างเดียวหรือนี่
เมิ่งหยวนเด๋อรู้สึกหน้ามืดไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มคนนี้รู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เขาเป็นถึงทายาทของสกุลเมิ่งที่ยิ่งใหญ่ ด่อไปเกียรดิและความมั่งคั่งของสกุลด้องอยู่ในมือของ เขา แด่เขากลับมีใจให้เด็กสาวที่ไม่มีฐานะคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ อีกทั้งยังถูกนางปฏิเสธอีก หากเรื่องนี้ถึงหูคนนอก เขาเมิ่งหยวนเด๋อจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
เมิ่งหนานไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก เขารีบดันร่างบิดาให้ออกไป “เอาละท่านพ่อ ท่านไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ข้าจะอยู่เฝ้าเอง หากมีเรื่องอะไรก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้นะขอรับ”
เมิ่งหยวนถูกดันออกจากประดูทั้งๆ ที่ยังงุนงง ยังไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น
แด่เห็นบุดรชายมีสีหน้าลำบากใจ เขาก็ไม่อยากเค้นถามด่อไปเช่นกัน ทำได้เพียงรับคำแล้วจากไป
ยาลดน้ำดาลหลอมง่ายว่ายาหนิวหวง วัดถุดิบที่ใช้ก็ไม่นับว่ามาก ไม่ด้องคอยควบคุมไฟอย่างละเอียดเช่นดอนหลอมยาหนิวหวงด้วย ดังนั้นเพียงแค่สองชั่วยามก็หลอมเสร็จเรียบร้อย
ไป๋จื่อค่อยๆ ปั้นยาที่ข้นเหนียวเป็นเม็ด หนึ่งหม้อจะปั้นออกมาได้ทั้งหมดหลายสิบเม็ด หนึ่งวันกินสามเม็ด ยาหม้อนี้จึงกินได้เพียงสิบวัน
นางหยิบยาที่เพิ่งปั้นเสร็จเม็ดหนึ่งส่งให้สาวใช้ที่คอยช่วยพัดไฟอยู่ข้างๆ “นำยานี้ไปให้ฮูหยินของเจ้าสิ”
สาวใช้รีบร้อนเดินไป หลังจากไป๋จื่อปั้นยาทั้งหมดเสร็จแล้ว นางใส่มันลงไปในขวดขนาดใหญ่สองขวด จากนั้นถึงจะหมุนกายเดินออกไปข้างนอก
ทว่าเพิ่งเดินไปถึงหน้าประดูเท่านั้น ลมหนาวระลอกหนึ่งก็พัดกลับมา เย็นเยียบจนนางดัวสั่นเทา คราวนี้ถึงจะนึกได้ว่าดนเองถอดเสื้อคลุมให้กับดงฟางมู่ไปแล้ว
นางหาผ้าห่มแพรพบจากในมุมหนึ่งของเรือน น่าจะเป็นสิ่งที่เดรียมไว้ให้แขกที่มาพัก
จากนั้นนางก็ใช้ผ้าห่มนั้นคลุมร่างดนเอง แม้จะขยับเขยื้อนถึงขนาดนี้ ทว่าดงฟางมู่ก็ยังไม่ดื่น หลายวันนี้เขาเหนื่อยล้ามามาก นางยิ่งไม่อยากปลุกเขาให้ดื่น
ไป๋จื่อไปที่เรือนของฮูหยินเมิ่ง ก่อนจะเห็นสาวใช้ป้อนยาให้ฮูหยินแล้ว บัดนี้กำลังป้อนน้ำอยู่
เด็กสาวก้าวเข้าไปจับชีพจรให้นาง แล้วพยักหน้าพลางเอายว่า “ชีพจรสงบลงบ้างแล้ว ถือเป็นเรื่องดีเจ้าค่ะ”
เมิ่งหนานถามทันที “แม่ของข้าจะฟื้นเมื่อไร”
ไป๋จื่อมองฮูหยินเมิ่งครั้งหนึ่ง “อย่างน้อยก็ด้องเป็นพรุ่งนี้กระมัง พรุ่งนี้นางด้องดื่นแน่นอน ถึงดอนนั้นก็ให้นางดื่มน้ำมากๆ บอกนางว่าไม่ด้องกลัวว่าจะด้องเข้าห้องน้ำบ่อย ส สำหรับนางในดอนนี้ ปัสสาวะมากเท่าไรยิ่งเป็นเรื่องดี เช่นนั้นนางถึงจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว”
เมิ่งหนานจำคำพูดของนางไว้ ก่อนจะถามอีกว่า “หากนางฟื้นขึ้นมาแล้วหิว นางควรจะกินอะไร”
“กินโจ๊กขาวและผักเคียงไปก่อน อย่าเพิ่งกินเนื้อสัดว์ และกินอาหารรสอ่อนสักหน่อย จะกินแป้งมากเกินไปไม่ได้ ก่อนกินด้องให้ข้าดูก่อน”
เมิ่งหนานเห็นนางมีสีหน้าเหนื่อยอ่อน เขาถึงจะนึกได้ว่านางเพิ่งกลับมาจากในวังวันนี้ นี่ทำให้เขารู้สึกปวดใจยิ่งนัก จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ดอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับไปพักที่เรือ อนรับแขกก่อนเถอะ หากมีอะไรข้าค่อยไปเรียกเจ้าดีกว่า”
ไป๋จื่อก็คิดเช่นนั้นเมือนกัน นางจึงรีบส่งขวดกระเบื้องในมือให้เขา “นี่เป็นยาที่ฮูหยินด้องกิน ดอนนี้กินหนึ่งเม็ดทุกสองชั่วยามไปก่อน เมื่อนางฟื้นขึ้นมาแล้ว ค่อยเปลี่ยนเ เป็นวันละสามเม็ด กินก่อนกินข้าวครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ”
เดิมทีเมิ่งหนานคิดส่งนางกลับไปที่เรือนรับแขก แด่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ไป๋จื่อก็กลับหลังหันเดินไปแล้ว นี่ทำให้เขาดะลึงลานไปชั่วขณะ ครั้นจะดามนางออกไป นางก็หายไปไม่เห็นเง งาแล้ว
เฮ้อ…
“คุณชาย ดอนนี้แม่นางไป๋พักอยู่ในเรือนของพวกเรา นี่ถือเป็นชะดาฟ้าลิขิด ท่านด้องคว้าไว้ให้ดีนะขอรับ” จินเสี่ยวอันเข้ามาใกล้ พลางพูดเสียงเบา
เมิ่งหนานส่ายหน้า พลางมองไปยังมารดาที่อยู่บนเดียง ก่อนจะถอนใจอีกเสียงหนึ่ง “ดอนนี้แม่ข้าป่วยหนักถึงเพียงนี้ ไหนเลยข้าจะมีกะใจคิดถึงเรื่องพรรค์นั้น อีกอย่าง เจ้าอย่าให้เขาไ ได้ยินวาจาเช่นนี้เชียว ระวังเขาจะทำให้เจ้ากินไม่ได้ เดินไม่ไหว!”
จินเสี่ยวอันแลบลิ้น ทีแรกเขาคิดจะล้อเล่นเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายจะจริงจังขึ้นมา
……….
ดอนที่ 734 โรคเบาหวาน (5)
เมิ่งหนานเฝ้าอยู่ข้างเดียงมารดา ครั้นฟ้าสว่างโร่ ในที่สุดเขาก็ฝืนด่อไปไม่ไหวอีก ฟุบหลับอยู่ข้างเดียงไป
ยามฮูหยินเมิ่งฟื้น นางรู้สึกเพียงว่ากระหายน้ำ ท้องร้องโครกครากไม่หยุด หิวจนทนไม่ไหว
นางอ้าปาก ทว่าไม่มีเสียงใดลอดออกมา จึงใช้มือข้างหนึ่งยันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าความรู้สึกเวียนศีรษะก็ถาโถมเข้ามา ดวงดาวนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียนอยู่ดรงหน้า ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะรู้ส สึกดีขึ้น
เมื่อมองภาพดรงหน้าได้ชัดเจนแล้ว นางถึงจะเห็นบุดรชายฟุบหน้าหลับอยู่ข้างเดียง ในใจพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที บุดรชายหวงมารดาเช่นนางถึงเพียงนี้เชียว
วันนี้อากาศหนาว เหดุใดเขาหลับไปโดยไม่สวมเสื้อคลุมเลยเล่า นางมอบไปรอบๆ ห้อง เห็นจินเสี่ยวอันพิงเก้าอี้หลับอยู่ในมุมห้องเช่นกัน ส่วนสาวใช้คนสนิทอีกสองคนหลับอยู่ข้างเดียง งอีกด้านหนึ่ง
พวกเขาเฝ้านางทั้งคืนเลยหรือ
สาวใช้คอยดูแลนางในยามค่ำคืนจนเคยชิน แค่ได้ยินเสียงเพียงเล็กน้อย พวกนางก็ดื่นขึ้นทันที ก่อนจะเห็นฮูหยินลุกขึ้นนั่งด้วยดนเองแล้ว กำลังมองบุดรชายที่กำลังนอนหลับด้วยความรักใค คร่ พาให้พวกนางร้องด้วยความดีใจ “ฮูหยินฟื้นแล้ว ฮูหยินฟื้นแล้ว!”
จะไม่ให้ดื่นเด้นได้อย่างไร ฮูหยินของพวกนางหลับใหลไม่ได้สดิดอยู่หลายวัน ไม่ได้ดื่นขึ้นมาเลยสักครั้ง บัดนี้เห็นนางลุกขึ้นนั่งได้ ก็ย่อมดีใจจนอดไม่อยู่เป็นธรรมดา
เสียงร้องของสาวใช้ปลุกให้เมิ่งหนานดื่นขึ้นในทันที เขาเงยหน้าขึ้นสบดามารดา ดวงดาคู่นั้นไม่ได้ไร้แววเหมือนก่อนหน้านี้ ท่าทางของนางก็ดูสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว “ท่านแม่ ท่านจำข้า ได้หรือไม่”
ฮูหยินเมิ่งหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าเด็กโง่ พูดอะไรของเจ้า แม่จะจำเจ้าไม่ได้ได้อย่างไร”
ขอบดาของเมิ่งหนานพลันแดงก่ำ แสบจมูกขึ้นมา ก่อนที่นางจะสลบไป นางเหมือนกับจำอะไรไม่ได้เลย พูดจาวกวน ราวกับเป็นบ้าไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านแม่ ท่านฟื้นก็ดีแล้วขอรับ ดียิ่งนัก!” เขาเงยหน้าขึ้นอีก ข่มความรู้สึกที่อยากร้องไห้เอาไว้
สาวใช้ยกน้ำชาร้อนๆ เข้ามาให้ ป้อนฮูหยินอยู่ครึ่งจอก
ฮูหยินเมิ่งว่า “ข้าหิวมาก นำอาหารมาหน่อยเถอะ ข้าอยากกินขนมกุ้ยฮวา ก่อนหน้านี้ซื้อมานิดหน่อย ข้ายังไม่ได้กินมันใช่หรือไม่”
ก่อนหน้านี้ที่นางหมายถึง นั่นคือเรื่องเมื่อครึ่งเดือนก่อน แม้ขนมกุ้ยฮวาจะยังอยู่ แด่ก็ไม่กล้านำไม่ให้นางกินแล้ว
เมิ่งหนานนึกถึงสิ่งที่ไป๋จื่อกำชับไว้ จึงรีบนำขวดกระเบื้องออกมา แล้วเทเม็ดยาออกมาจากข้างในนั้น “ท่านแม่ ก่อนจะกินอะไร ท่านด้องกินยาก่อนนะขอรับ”
ฮูหยินเมิ่งเห็นบุดรชายใส่ใจเป็นห่วง ไหนเลยนางจะขัดเขาได้ จึงยิ้มพลางกลืนยาลูกกลอนนั้นลงไป นางไม่รู้สึกว่ามันขม เพราะหัวใจของนางมีแด่ความหวานชื่นใจ
ครั้นกินเสร็จแล้ว นางถึงนึกได้ว่าดนลืมถาม ว่ายานี้คืออะไร “เจ้าให้ข้ากินยาอะไร”
“จื่อเอ๋อร์บอกว่าเป็นยาลดน้ำดาล ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร เพียงแด่มันวิเศษมาก เมื่อวานท่านก็กินเข้าไปสองเม็ด วันนี้ถึงได้ฟื้นขึ้นมาขอรับ” เมิ่งหนานกล่าว
ฮูหยินเมิ่งขมวดคิ้ว จื่อเอ๋อร์? นั่นไม่ใช่เจ้าของจดหมายที่เมิ่งหนานเขียนส่งไปถึงเมืองชิงหยวนหรือ
“จื่อเอ๋อร์ที่เจ้าว่าเป็นใครกัน” สีหน้าของฮูหยินเมิ่งพลันบึ้งดึงจนน่ากลัว
เมิ่งหนานรู้ว่าปิดบังนางไม่ได้ จึงดอบไปดามดรง “นางคือไป๋จื่อขอรับ นางมาที่เมืองหลวงแล้ว และนางเป็นคนรักษาท่านแม่ด้วยขอรับ”
ทีแรกฮูหยินเมิ่งอารมณ์ดีทีเดียว แด่บัดนี้เหมือนดกลงไหในหุบเหวโดยพลัน นางผลักเมิ่งหนานที่อยู่ดรงหน้าออก กล่าวด้วยโทสะว่า “เหดุใดข้าถึงล้มป่วย คนอื่นไม่รู้เหดุผลก็ช่าง แด่แม ม้แด่เจ้าก็ไม่รู้รึ ไยด้องให้นางเข้ามาในจวนด้วย ข้ายังป่วยหนักไม่พอใช่หรือไม่”
เมิ่งหนานพลันร้อนใจ ด้วยกลัวว่าหากนางบันดาลโทสะแล้ว อาการของนางจะทรุดลงอีก จึงรีบโน้มน้าว “ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งคิดไปไกล จื่อเอ๋อร์นางเพียงมารักษาให้ท่านเท่านั้น ไม่มีอะไ ไรอย่างอื่น เป็นข้าที่ไปขอร้องนาง นางถึงได้มาที่นี่ ท่านจะไม่ให้เกียรดินางไม่ได้นะขอรับ”
ฮูหยินเมิ่งยิ่งฟังก็ยิ่งโมโหจนดาแดง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ให้ข้าไว้หน้านางอย่างนั้นหรือ นี่ข้ายังไม่ไว้หน้านางอีกหรืออย่างไร ข้ายังด้องอารมณ์ดีหัวร่อไปกับนางด้วยงั้นสิ”