คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 737 โรคเบาหวาน (8) / ตอนที่ 738 โรคเบาหวาน (9)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 737 โรคเบาหวาน (8) / ตอนที่ 738 โรคเบาหวาน (9)
ตอนที่ 737 โรคเบาหวาน (8)
จู่ๆ ฮูหยินก็หน้าบึ้ง หมอหลวงจางจึงยิ้มว่า “ฮูหยินอย่าเพิ่งคิดมากเลย โรคปัสสาวะร่วงไม่เหมือนกับโรคอื่น แม่นางไป๋มีวิธีรักษาโรคนี้จริงๆ ท่านทำตามที่นางบอกเถอะ ต้องไม่มีทางผ ผิดพลาดแน่นอน”
ฮูหยินเมิ่งชังหมอหลวงจางผู้นี้มาก เขาเป็นถึงหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง แต่กลับเล่นละครร่วมกับเมิ่งหนานเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อย ผลัดกันเอ่ยปากชมนางเช่นนี้ ใครมาได้ยินเข้าคงจะคิด ว่าไป๋จื่อผู้นั้นเป็นหมอเทวดาที่ลงมาจุติจริงๆ
เมิ่งหนานกลัวว่ามารดาจะกระหาย เขาคำนวณเวลาดู แล้วจึงสั่งสาวใช้ว่า “เจ้าเตรียมอาหารเช้าตามที่แม่นางไป๋บอกเถอะ นำไปให้นางดูก่อน แล้วอีกเดี๋ยวค่อยนำมาให้ฮูหยิน”
บัดนี้ฮูหยินเมิ่งทนไม่ไหวแล้ว นางแหวเสียงแหลม “ข้างนอกหิมะตกหนักปานนั้น กลับไปกลับมาเช่นนี้ คิดจะให้ข้ากินน้ำแข็งหรือไร”
สาวใช้รีบกล่าวทันควัน “ฮูหยินวางใจเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะใช้เตาเล็กอุ่นมันไว้ ไม่ให้มันแข็งแน่นอน”
เมิ่งหนานโบกมือเป็นการบอกให้ไปทำตามนั้น ตอนนี้มารดาอารมณ์ไม่ดี พูดอะไรกับนางไปก็ไร้ประโยชน์
…
ไป๋จื่อยังคงหลับอยู่ในห้องพักแขก แต่ตงฟางมู่กลับลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้ว กำลังฝึกมวยในลานท่ามกลางหิมะ เขาชินเสียแล้ว หลายสิบปีมานี้ล้วนฝึกมวยทุกวันไม่เว้นว่าง ไม่เคยเปลี ยนแปลง
สาวใช้ยกอาหารเช้ามาเคาะประตู ตงฟางมู่คิดว่าเป็นอาหารเช้าที่ส่งมาให้พวกตน จึงเรียกสาวใช้ไว้ “นางเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน กินสายกว่านี้สักหน่อยก็ได้ เจ้าอย่าเผลอไปปลุกนางเสียล ละ”
สาวใช้พลันทำหน้าลำบากใจ “นี่ไม่ใช่อาหารเช้าของแม่นางไป๋เจ้าค่ะ เป็นของฮูหยินของพวกข้าต่างหาก แม่นางไป๋บอกไว้ว่าต้องให้นางดูอาหารของฮูหยินก่อน”
ตงฟางมู่ขมวดคิ้ว ไยต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้ รักษาโรคได้ก็เพียงพอแล้ว ป่วยเป็นโรคอะไรก็ใช้ยารักษาเป็นพอ ยังต้องสนใจว่านางจะกินอะไรด้วยหรือนี่
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก ไป๋จื่อคลุมเสื้อบุนวมยืนอยู่ที่หน้าประตู พลางกวาดสายตามองถาดอาหารในมือสาวใช้ ก่อนจะเปิดฝาออกดูทีละอย่าง กล่าวว่า “ลดลงกึ่งหนึ่งเป็นอันใช้ได้ ”
สาวใช้ตะลึงลาน นาถามในทันที “ลดลงกึ่งหนึ่ง? ทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ”
ไป๋จื่อโบกมือ “ลดข้าวลงกึ่งหนึ่ง เครื่องเคียงก็ลดลงกึ่งหนึ่ง เพิ่มผักให้มากหน่อย ไม่ต้องมากเกินไป”
สาวใช้มองข้าวของในมือ คิดในใจว่านี่เป็นอาหารกระต่ายหรือไร ปกติแล้วฮูหยินมักจะอยากอาหาร เล็กน้อยเท่านี้จะไปพอยาไส้นางได้อย่างไร
ไป๋จื่อเห็นสาวใช้งงงัน จึงกล่าวเพิ่มว่า “นี่ก็เพื่อฮูหยินของเจ้าทั้งนั้นแหละ หากไม่ควบคุมอาหาร โรคของฮูหยินเจ้าก็จะกำเริบขึ้นมาอีก ทุกครั้งที่อาการกำเริบ ล้วนส่งผลร้ายต่อร่ างกายของนางมากยิ่งขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด”
สาวใช้รีบพยักหน้า “บ่าวเข้าใจแล้ว ขอลาเจ้าค่ะ!”
หลังจากสาวใช้ไปแล้ว ไป๋จื่อก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง จึงไปล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนชุดเสียเลย
สาวใช้ที่คอยท่าอยู่ในเรือนเห็นดังนั้น ก็รีบไปนำอาหารเช้าที่อุ่นร้อนไว้จากห้องครัวมาให้พวกเขา ขนมต่างๆ หรือโจ๊กล้วนครบครัน แค่เครื่องเคียงก็มีถึงแปดอย่างแล้ว แต่ละอย่างเ เลิศรสทั้งสิ้น
ไป๋จื่อมองอาหารเต็มโต๊ะ ถอนใจกล่าวว่า “น่าเสียดาย!”
ตงฟางมู่กำลังเพลิดเพลินกับอาหาร แม้อาหารที่บ้านตนเองจะไม่เลวเช่นกัน ส่วนไป๋จื่อลงครัวเองบางครั้งบางคราว ปกติแล้วทำแค่อาหารกลางวันและอาหารเย็นเท่านั้น อาหารเช้าล้วนเป็นฝีมือขอ องพ่อครัว แต่ละอย่างเรียบง่าย กระทั่งมีอยู่ไม่กี่อย่าง เทียบกับสกุลเมิ่งที่นี่แล้ว ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
เขากลืนหงถังฮวาจ่วน[1]ไปคำหนึ่ง แล้วเงยหน้ามองไป๋จื่อ ถามว่า “เสียดายอะไรหรือ”
ไป๋จื่อคีบถังสุ่ยเกา[2]เข้าปาก เคี้ยวกลืนแล้วถึงเอ่ย “ฮูหยินเมิ่งเป็นคนที่ชอบกินของหวานเป็นอย่างยิ่ง พ่อครัวในครัวจึงมีฝีมือในด้านนี้ยิ่งนัก ดูของหวานพวกนี้ที่เขาทำสิเจ จ้าคะ อย่างกับผัดโป๊ยเซียนก็ไม่ปาน น่าเสียดายที่ตอนนี้นางป่วยเป็นโรคนี้ ไม่อาจกินของหวานเหล่านี้ลงท้องได้อีก ต่อให้อยากกินสักเพียงใด ก็ลิ้มรสชาติของมันได้เพียงหนึ่งหรือ สองคำเท่านั้น”
……….
ตอนที่ 738 โรคเบาหวาน (9)
ตงฟางมู่เลิกคิ้ว ร้องอ๋อเสียงหนึ่ง “เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ แป้งทอดโรยน้ำตาลพวกนี้อร่อยไม่หยอก”
ไป๋จื่อแทบจะพ่นโจ๊กในปากออกมา ตงฟางมู่พูดจาเย้าหยอกเสียจริง หากฮูหยินเมิ่งได้ยินเข้าจะไม่โมโหแย่หรือ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ไป๋จื่อต้องการไปเยี่ยมดูฮูหยินเมิ่ง นางถามตงฟางมู่ว่าอยากไปด้วยกันหรือไม่ แต่ตงฟางมู่ปฏิเสธ “ข้ากินมากเกินไป ว่าจะย่อยอาหารก่อน เจ้าไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยว วข้าจะตามไป”
ตอนไป๋จื่อไปถึงเรือนของฮูหยินเมิ่ง อีกฝ่ายกำลังกินข้าวเช้าร่วมกับเมิ่งหนาน ฝ่ายเมิ่งหนานกลัวว่ามารดาจะอยากกินของหวาน อาหารเช้าของเขาในวันนี้จึงไม่มีของหวานด้วยเช่นกัน กินทุกอ อย่างเหมือนมารดาไม่มีผิดเพี้ยน
ใต้เท้าเมิ่งเห็นไป๋จื่อเข้ามาในเรือน ก็รีบวางถ้วยในมือลง รีบร้อนออกไปต้อนรับที่หน้าประตู “แม่นางไป๋มาแล้ว!” บนใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้ม ปากเหมือนพูดกับนาง แต่ดวงตากลับม มองไปข้างหลังนาง
ไป๋จื่อพยักหน้าให้เขา แล้วตรงเข้าไปหาฮูหยินเมิ่ง
ฮูหยินเมิ่งพิจารณานางด้วยสายตาเย็นชา แววตานั้นไม่ต่างอะไรกับมีดที่กำลังเฉือนเสื้อผ้าบนร่างกายของนาง อยากจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่งจากข้างนอกไปถึงข้างใน
ไป๋จื่อเตรียมใจไว้แล้ว ฮูหยินผู้นี้ไม่ชอบนางมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งยังคิดว่านางยั่วยวนเมิ่งหนาน ถึงได้ส่งหญิงอาวุโสไปถามหานางที่หมู่บ้านหวงถัว เรื่องนี้นางไม่มีทางลืม จดจำไว้ ในใจเสมอมา
ดวงหน้าของนางยังคงมีรอยยิ้ม ไม่ได้สบตาฮูหยินเมิ่ง เพียงกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ฮูหยิน ข้าจะจับชีพจรให้ท่านนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินเมิ่งไม่ขยับเขยื้อน ยังคงใช้สายตาเย็นชามองไป๋จื่อ อีกทั้งเอ่ยเสียงเย็นว่า “หน้าตาสะสวยดีทีเดียว มิน่าเล่าหนานเอ๋อร์ของข้าถึงได้…”
ทว่านางยังพูดไม่ทันจบ เมิ่งหนานก็ขัดจังหวะขึ้นมาโดยพลัน “ท่านแม่ ท่านพูดอะไรขอรับ”
ใต้เท้าเมิ่งกำลังรอคอยตงฟางมู่ เขายื่นตัวออกไปข้างนอกเพื่อสอดส่องดู ทว่าก็ยังไม่เห็นวี่แววของตงฟางมู่ ครั้นหดกายกลับเข้ามา เขาได้ยินวาจาของฮูหยินพอดี จึงรีบขมวดคิ้วโดยพลั น
หากเป็นเด็กสาวจากครอบครัวธรรมดา ฮูหยินพูดเช่นนี้เขาคงไม่ว่าอะไร ทว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา หากตงฟางมู่ได้ยินวาจาของนางเข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
“ขอฮูหยินอย่าพูดไปเรื่อยเปื่อย แม่นางไป๋เพียงมารักษาเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด” ใต้เท้าเมิ่งรีบส่งสายตาให้ภรรยา
น่าเสียดายนักที่ฮูหยินของเขาไม่เห็นโดยสิ้นเชิง ดวงตาเอาแต่จับจ้องไปที่ร่างของไป๋จื่อ
“เจ้าเคยบอกไว้ว่าจะไม่มาเมืองหลวงไม่ใช่หรือ ไยถึงมาได้เล่า ในที่สุดก็ต้านทานควมเย้ายวนของความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งไม่ได้กระมัง”
แววตาของฮูหยินเมิ่งแหลมคมนัก คำพูดก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ไป๋จื่อตอบกลับเสียงเรียบ “ข้าจะมาหรือไม่มาเมืองหลวง ล้วนเป็นความต้องการของข้าเอง ข้าอยากมาจึงมา อยากไปจึงไป ไม่มีใครสั่งข้าได้ ส่วนความเย้ายวนของความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งที่ท่า านว่า ข้าไป๋จื่อไม่สนใจเลยสักนิด หากข้าต้องการสิ่งเหล่านั้น สำหรับข้าเป็นเรื่องง่ายเหมือนการพลิกฝ่ามือ อาศัยแค่ความร่ำรวยที่ได้รับการตกทอดมาจากบรรพบุรุษ จะยืนยาวหรือไม่ก็พูด ดยากนัก!”
“จะ..เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ฮูหยินเมิ่งโมโหหนัก พร้อมกับยื่นนิ้วไปชี้หน้าไป๋จื่อ
เดิมทีไป๋จื่อไม่ได้อยากพูดเช่นนั้น แต่หากไม่พูดออกไป ไม่ให้ฮูหยินเมิ่งผู้นี้รู้ว่านางไป๋จื่อไม่ใช่คนที่จะรังแกกันได้ง่ายๆ ครั้งหน้าพบกันอาจจะยังพูดจาไม่น่าฟังมากกว่านี้อี ก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แก้ปัญหาให้จบภายในครั้งเดียวยังจะดีเสียกว่า จะได้ไม่ต้องผิดใจกันอีก
เมิ่งหนานรีบถลันไปถึงข้างกายมารดา ร้อนใจจนเหงื่อตก “ท่านแม่ จื่อเอ๋อร์ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านอย่าคิดมากนะขอรับ!”
“ไม่ได้หมายความเช่นนั้น? ข้าคิดมากไปเองงั้นสิ? เจ้าได้ฟังที่นางพูดหรือไม่ นางหัวเราะเยาะที่พวกเราสกุลเมิ่งอาศัยบุญเก่าของสกุลอยู่นะ”
……….
[1] หงถังฮวาจ่วน (红糖花卷) คือแป้งสาลีผสมกับแป้งหมัก นวดจนเป็นแผ่นบาง แล้วทาด้วยน้ำตาลทรายแดง บางสูตรผสมงาดำลงไปด้วย จากนั้นม้วนขึ้นเป็นแถวยาวๆ แล้วตัดแบ่งก่อนนำไปนึ่ง หน้าตาที่ได้จะคล้ายๆ กับซินนามอนโรล
[2] ถังสุ่ยเกา (糖水糕) คือก้อนแป้งในน้ำเชื่อมอุ่นๆ