คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 741 กับดักจินหยาง (2) / ตอนที่ 742 กับดักจินหยาง (3)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 741 กับดักจินหยาง (2) / ตอนที่ 742 กับดักจินหยาง (3)
ตอนที่ 741 กับดักจินหยาง (2)
หูเฟิงรับจอกชามาจิบเบาๆ คำหนึ่ง ร่างกายที่หนาวจนแข็งพลันสบายขึ้นมาก
โจวกังกล่าวอีกว่า “ข้าว่าข้านำคนจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าไปตรวจสอบดู หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะได้จัดการทันกาลขอรับ”
หูเฟิงพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน เจ้ารีบไปเถอะ แบ่งกันตรวจสอบสามเส้นทาง ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จงอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ให้กลับมารายงานข้าก่อน”
โจวกังรับคำสั่ง สั่งการนายทหารให้เตรียมออกจากค่าย แต่กลับเห็นทหารสอดแนมที่ส่งไปก็รีบร้อนกลับมา เขาจึงขวางอีกฝ่ายเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้น”
ทหารสอดแนมตอบอย่างเร่งรีบ “เรียนท่านแม่ทัพ เกิดเรื่องใหญ่ทีเดียวขอรับ ทูตแคว้นจินถูกซุ่มโจมตีที่เมืองจินหยาง องค์ชายแคว้นจินบาดเจ็บและหนีไปขณะที่ต่อสู้กับนักฆ่า บัดนี้อย ยู่ที่ใดยังไม่แน่ชัด องค์หญิงแคว้นฉู่ถูกวางยาพิษ ไม่ได้สติอยู่หลายวัน เกรงว่าจะไม่รอดแล้ว องครักษ์และนางกำนัลที่ติดตามมาด้วยก็ตายไปนับไม่ถ้วนขอรับ”
โจวกังพลันหน้าเปลี่ยนสี “อะไรนะ เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น เหตุใดไม่เห็นคนของสถานพักม้ามารายงาน”
ทหารสอดแนมกล่าวอีกว่า “หัวหน้าและคนสถานพักม้าล้วนถูกฆ่า จึงไม่มีใครมารายงานขอรับ”
โจวกังทิ้งม้าไว้ แล้วพาทหารสอดแนมไปพบหูเฟิง
ครั้นหูเฟิงฟังจบ เขาก็รู้สึกหนักใจเช่นเดียวกัน
หลังจากทหารสอดแนมออกไปแล้ว เขาก็ถามโจวกังว่า “เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร”
“ข้าคิดว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ คนกลุ่มหนึ่งถูกซุ่มจู่โจม องค์ชายบาดเจ็บหนักและหายตัวไป แต่องค์หญิงกลับถูกพิษ คนในสถานพักม้าล้วนตายสิ้น แม้แต่จดหมายรายงานก็ไม่มี ที่น่าแปล ลกใจที่สุดก็คือ ที่เดินทางมาด้วยในคราวนี้ยังมีทูตแคว้นจิน หรือว่าเขาจะตายด้วยเช่นกัน แต่ต่อให้เขาตาย ในสถานพักม้าก็เกิดเรื่องใหญ่โตเช่นกัน เจ้าเมืองจินหยางจะไม่รู้เลยหรื อ ข้าว่ามันผิดปกติยิ่งนัก” โจวกังกล่าว
หูเฟิงพยักหน้า “ไม่เพียงเท่านั้น จินหยางอยู่ห่างจากชิงหยางไม่ถึงหกสิบลี้ พวกเราตั้งค่ายอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน ทางเมืองชิงหยางไม่มีทางไม่รู้”
โจวกังเห็นด้วย “ถูกต้องขอรับ แคว้นจินมาเยือนแคว้นเรา ต้องเดินทางผ่านเมืองจินหยาง เส้นทางนี้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นฮ่องเต้ยังมีราชโองการลงมา รับสั่งให้ขุนนางในแต่ละเข ขตบนเส้นทางนี้เตรียมการต้อนรับ สถานพักม้าก็แต่งตั้งใหม่ทั้งหมด ในฐานะที่เป็นเจ้าเมือง ย่อมต้องมีจิตใจจดจ่ออยู่กับทิศทางของกลุ่มทูตตลอดเวลา พูดอีกอย่างก็คือไม่ควรไม่รู้ว ว่าสถานพักม้าเกิดเรื่อง”
“ไปดูที่จินหยางก่อน พวกเราล่วงหน้าไปที่นั่น ส่วนทหารที่เหลือค่อยไปอีกสองวันให้หลัง”
โจวกังเข้าใจในทันที ถึงอย่างไรเขาก็รับใช้หูเฟิงมาเนิ่นนาน เพียงหูเฟิงเอ่ยปาก เขาก็เดาได้แล้วว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากหนึ่งชั่วยามให้หลัง หูเฟิงและโจวกังสวมเสื้อผ้าธรรมดา เดินทางด้วยถนนเล็กๆ เมื่อเข้าใกล้จินหยางแล้ว พวกเขาถึงจะเดินทางบนถนนหลวง
สถานพักม้าของเมืองชิงหยางมีอยู่สองแห่ง แห่งหนึ่งตั้งอยู่นอกเมือง มีไว้เพื่อให้ทหารลาดตระเวนกะกลางคืนพักเท้าชั่วคราว อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในเมือง เหมือนกับโรงเตี๊ยมอย่างไรอย่ างนั้น เพียงแต่ใหญ่โตกว่าโรงเตี๊ยมทั่วไปเท่านั้นเอง การแต่งกายของผู้ดูแลและพนักงานของสถานพักม้าล้วนมีกฎเกณฑ์ชัดเจน พวกเขาล้วนเป็นคนที่เจ้าเมืองจัดหามา ไว้รับรองขุนนางสูงกว่า าระดับหกไปจนถึงคณะทูต
หูเฟิงและโจวกังมุ่งหน้าเข้าเมืองไป ทูตจากแคว้นจินถูกจัดให้พักแรมที่สถานพักม้าภายในเมืองจินหยางตั้งแต่ทีแรก เดิมทีจะพักอยู่เพียงคืนเดียว เช้าวันต่อมาก็จะออกเดินทางไปที่ เมืองหลวง หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันใด วันที่หกก็จะไปถึงเมืองชิงหยาง
แต่วันนี้เป็นวันที่เจ็ดแล้ว
ทั้งสองคนไปถึงด้านหน้าของสถานพักม้า เห็นเพียงประตูที่ปิดสนิท บนประตูคล้ายกับยังมีรอยมือที่เปื้อนเลือด ทว่ามันแห้งกรังไปแล้ว บนบันไดหินด้านนอกประตูปกคลุมไปด้วยหิมะแข็งๆ ๆ ทว่าก็ยังคงมองเห็นหยดเลือดอยู่ใต้นั้นได้รางๆ
โจวกังก้าวขึ้นไปเคาะประตู รออยู่เนิ่นนานก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงถีบประตูเข้าไปเสียเลย
……….
ตอนที่ 742 กับดักจินหยาง (3)
ร่างไร้วิญญาณกระจัดกระจายอยู่ทั่วลาน บ้างก็ถูกหิมะปกคลุมไปแล้ว บ้างก็เผยให้เห็นขาแค่เพียงครึ่งข้าง ที่น่าแปลกก็คือ บนทางเดินคดเคี้ยวมีคราบเลือดอยู่เต็มไปหมด แต่กลับไม่ม มีศพเลยสักศพเดียว
บนพื้นยังมีรอยเลือดจากการถูกลากอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าที่นี่ได้รับการทำความสะอาดเป็นพิเศษ โยนคนตายไปไว้ในลานโล่งทั้งหมด ส่วนพวกเขารีบร้อนเช็ดเลือดจากศพบนทางเดินนี้ก่อน นที่มันจะแข็งตัว ชัดเจนว่ามีคนสำคัญต้องเดินบนทางเดินนี้ พวกเขาถึงได้รีบร้อนทำความสะอาดเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างเดินบนทางเดินยาว หูเฟิงและโจวกังไม่พบใครสักคน พวกเขาเห็นด้านในประตูขนาดใหญ่เปิดอ้าซ่า จึงเดินตรงเข้าไปทันที มือของโจวกังเริ่มจับด้ามดาบแล้ว ฝีเท้าแผ่วเบาขึ้นอย ย่างอดไม่อยู่ ขณะเดียวกันก็สอดส่องสายตา คอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
ภายในเรือนก็มีคนตายเช่นกัน ทว่าแตกต่างกับด้านนอก เพราะคนตายที่นี่ล้วนรวมกันอยู่สองฝั่ง ตรงกลางมีทางเดินที่ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง ตรงไปสู่บันได
นี่เหมือนกับการชี้ทางให้พวกเขาเดินไปทางนั้น
คนตายเหล่านี้น่าจะเป็นพนักงานภายในหน่วยไปรษณีย์ ทั้งยังมีองครักษ์ของแคว้นจินด้วย
พวกเขาหยุดยืนอยู่ในโถง ไม่ได้เดินไปตรงบันได จู่ๆ ก็มีเสียงลงบันไดตึกตักดังลงมาจากด้านบน โชคดีที่พวกเขาสองคนเป็นบุรุษ อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ หากเปลี่ยนเป็นส สตรีสองคนยืนอยู่ท่ามกลางกองคนตาย ได้ยินเสียงเช่นนี้ดังขึ้นกะทันหันคงจะต้องกรีดร้องเสียงหลงอย่างแน่นอน
เงาร่างสีขาวสายหนึ่งเลี้ยวตรงมุมบันได สายตาสบเข้ากับสองคนที่ยืนอยู่เบื้องล่าง นางเป็นสตรีนางหนึ่ง หลังจากเห็นพวกเขาแล้ว นางก็พลันมีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง หมุนกายเตรียมว วิ่งขึ้นบันไดไปอีกครั้ง
โจวกังอยากตามไป ทว่าหูเฟิงห้ามเขาไว้ ชายหนุ่มส่ายหน้าทว่าไม่ได้พูดอะไร เพียงดึงโจวกังให้ถอยออกไปเท่านั้น
“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ตามไปหรือขอรับ” โจวกังถามเสียงเบา
“แม่นางผู้นั้นถูกส่งมาล่อพวกเราชัดๆ บันไดนั่นจะต้องมีอะไรแน่ๆ พวกเราเปลี่ยนเส้นทาง ดูว่าพวกเขาวางกับดักอะไรไว้ดีกว่า” หูเฟิงว่า
โจวกังเข้าใจในทันที ครั้นตรองดูอย่างละเอียดแล้วก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาถีบประตูเสียงดังมาก แม่นางผู้นั้นไม่เห็นปรากฏตัวออกมาตั้งแต่แรก กลับรอพวกเขามาถึงตรงนี้แล้วค่อยออกมา ชั ดเจนว่าเป็นการล่อพวกเขาให้ตามไป หากไม่ใช่เพราะจิ้นอ๋องคิดอ่านรอบคอบ เขาคงต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่แท้
หูเฟิงนำโจวกังเดินไปถึงด้านหน้ากองศพในลาน เอ่ยว่า “หน้าต่างบนนั้นพังเสียหาย พวกเราขึ้นไปจากตรงนี้เถอะ”
ครั้นพูดจบ หูเฟิงก็ดีดตัวกระโดดขึ้น พุ่งตัวเข้าไปในหน้าต่างบานนั้น
โจวกังตามไปติดๆ หลังจากลอดหน้าต่างเข้าไปแล้ว เขากลิ้งบนพื้นครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะหยุดอยู่ในอ้อมอกของศพหนึ่งพอดี เขาเอ่ยในใจว่าแย่แล้ว ก่อนจะรีบลุกขึ้นปัดผุ่นบน ร่างกาย
เงาร่างสีขาวกำลังยืนมองลงไปข้างล่างจากปากบันไดด้านหนึ่ง นางพลันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของพวกเขา เมื่อหมุนกายกลับมากลับเห็นสองคนที่นางเห็นอยู่ข้างล่างเมื่อครู่ บัดนี้ ยืนอยู่ที่ปลายทางเดินแล้วเรียบร้อย
“แม่นาง เหตุใดถึงล่อพวกข้ามาที่นี่” หูเฟิงถาม
สตรีนางนั้นหน้าซีดขาว ร่างกายถอยหลังอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถอยไปถึงมุมกำแพง
โจวกังหมายจะเข้าไปจับนางไว้ ทว่าหูเฟิงห้ามเขาไว้อีกครั้ง “อย่าเข้าไป สตรีนางนี้อันตรายมาก ตรงนั้นต้องมีอะไรอยู่แน่นอน นางถึงได้ล่อให้พวกเราเข้ามา”
หูเฟิงเป็นวรยุทธ์ จึงไวต่อการพิจารณาบุคคนที่ได้พบเห็นค่อนข้างมาก ภายในประตูห้องที่ปิดสนิทด้านข้างนั้น มีเสียงลมหายใจแผ่วเบาอยู่ด้วย
เขาดึงโจวกังมาที่ข้างกายตนเอง พลางส่งสายตาให้ครั้งหนึ่ง โจวกังรู้กัน จึงหมุนกายไปถีบประตูบานนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะเคลื่อนกายไปที่ด้านข้างอย่างว่องไว ภายในประตูไม่มีกับ ดับหรือใครซุ่มอยู่ เสียงลมหายใจนั้นยังคงเบาบาง ราวกับว่าไม่ได้ตกใจเพราะเสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเลย แม้กระทั่งไม่ได้รับผลกระทบใดเลยสักนิด