คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 755 กับดักชิ่งอัน (5) / ตอนที่ 756 กับดักชิ่งอัน (6)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 755 กับดักชิ่งอัน (5) / ตอนที่ 756 กับดักชิ่งอัน (6)
ตอนที่ 755 กับดักชิ่งอัน (5)
ซูฉุนโบกมือ “ไยต้องรีบร้อนตรวจชีพจรด้วยเล่า อีกเดี๋ยวค่อยตรวจก็ได้ ไม่ค่อยมีแขกมาเยี่ยมเยือนข้าที่ตำหนักชิงอันแห่งนี้นานแล้ว วันนี้ได้พบเจ้าถือว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต อยู่คุ ยเล่นเป็นเพื่อนข้าเถอะ!”
ฮองเฮาพูดเช่นนี้ แล้วเด็กสาวเช่นไป๋จื่อจะพูดอะไรได้
ไป๋จื่อนั่งลง ก่อนที่นางกำนัลผู้นั้นจะยกชาเข้ามาให้ นางยิ้มพลางเอ่ยว่า “นี่เป็นชาต้าหงเผา[1]ที่ฮองเฮาโปรดปรานเป็นที่สุด แม่นางลองชิมดูนะเจ้าคะ”
หลังจากนางกำนัลวางชาลง ก็มีนางกำนัลอีกคนหนึ่งยกขนมสองถาดเข้ามา ถาดหนึ่งเป็นขนมโก๋ที่งดงามประณีต อีกจานหนึ่งเป็นซิ่งเริ่นซู[2] มองดูแล้วน่าอร่อยยิ่งนัก
ครั้นนางกำนัลวางขนมลง นางก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “นี่เป็นขนมที่ฮองเฮาลงมือทำด้วยตนเอง แม่นางต้องชิมดูนะเจ้าคะ”
กลิ่นของขนมโก๋เบาบางมาก แทบจะไม่ได้กลิ่นของมันของด้วยซ้ำ แต่กลิ่นหอมของซิ่งเริ่นซูกลับเข้มข้นมาก ได้กลิ่นกรอบและหอมมาจากในนั้นได้เลยทีเดียว
แน่นอนว่ายังมีกลิ่นที่ไม่ควรปรากฏอยู่ในนั้นด้วย หากไม่ใช่เพราะไป๋จื่อเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เมื่อกลิ่นนี้ปะปนอยู่ในซิ่งเริ่นซูแล้ว ง่ายนักที่คนทั่วไปจะมองข้ามมันไป
นางยกชาต้าหงเผาขึ้น เปิดฝาจอกกระเบื้องที่สวยงามออก เป่าลมอยู่สองครา กลิ่นหอมเฉพาะของชาต้าหงเผาก็โชยมาเตะจมูกแล้ว
กลิ่นของมันหอมมาก ไม่มีกลิ่นแปลกๆ อะไรแทรกอยู่ นางจึงยกจอกชาขึ้นชิดริมฝีปาก ทว่าเพิ่งคิดจะลองดื่มเข้าไปสักคำ จู่ๆ นางก็วางมันลง
ฉุนฮองเฮาและนางกำนัลที่ยกชามาให้มองจนตาแทบถลนออกมาแล้ว นางยกจอกชาขึ้นถึงปากแล้ว ไยถึงวางลงไปอีกเล่า
ซูฉุนถามว่า “ไม่ชอบชาต้าหงเผาหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ เพียงแต่มันร้อนลวกเกินไป รอให้มันเย็นสักหน่อยก็ยังไม่สาย”
ซูฉุนพยักหน้า สบายใจขึ้นได้เสียที ถูกของนาง แม่นางเช่นนางเมื่อเกิดมาก็ตกระกำลำบากอยู่ข้างนอก น่าจะไม่ได้มีโอกาสได้จิบชาเท่าไรนัก โดยเฉพาะชาดีๆ เช่นนี้ ปกติแล้วนางเพียงดื่ มชาเพื่อดับกระหาย ย่อมชอบชาเย็นๆ มากกว่ากระมัง
แต่ก็ไม่เป็นไร ต่อให้เย็นแล้วก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
“เช่นนั้นก็กินนมสักหน่อยเถอะ ขนมสองชนิดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นที่สุด ข้าเรียนทำตั้งนานถึงจะทำเป็น เจ้าต้องลองชิมดูให้ได้นะ”
ไป๋จื่อพยักหน้า หยิบขนมโก๋ขึ้นชิ้นหนึ่ง ดมมันที่ปลายจมูก ก่อนจะยิ้มเอ่ยว่า “หอมยิ่งนัก ต้องอร่อยมากเป็นแน่” นางกัดขนมโก๋อย่างแผ่วเบา มันแตกสลายอยู่ในปาก รสชาติหวานแต่ ไม่เลี่ยน อร่อยมากจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในขนมไม่ได้ใส่ยาอะไรเอาไว้
ซูฉุนมองนางกำนัลคนนั้นครั้งหนึ่ง ก่อนที่นางจะรีบเอ่ยขึ้นว่า “แม่นางต้องชิมขนมซิ่งเริ่นซูด้วยสิเจ้าคะ มันเป็นขนมที่ฮองเฮาทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก”
ไป๋จื่อกลับวางขนมโก๋อีกครึ่งชิ้นในมือลง ยิ้มว่า “ขอพูดตามตรงไม่ปิดบัง หม่อมฉันไม่อาจกินขนมประเภทซิ่งเริ่นซูได้ เพราะกินเข้าไปแล้วจะเกิดอาการแพ้ ผื่นขึ้นไปทั่วทั้งตัว น่ากลัวยิ่งเพคะ”
ฮองเฮารู้สึกมึนงง หมายความว่าอย่างไร กินขนมซิ่งเริ่นซูแล้วป่วยได้หรือ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ
แต่ในเมื่อนางพูดเช่นนั้น พระนางย่อมไม่อาจฝืนใจต่อไปได้อีก ทำได้เพียงยิ้มถามว่า “เช่นนั้นเจ้าชอบขนมอะไรหรือ ข้าจะให้คนทำมาให้”
ไป๋จื่อโบกมือ “หม่อมฉันไม่ชอบกินของหวาน กินคำหนึ่งอาจเลี่ยนไปได้ถึงสามวัน แต่ขนมโก๋ในวันนี้อร่อยจริงๆ เพคะ หม่อมฉันตะกละกินไปตั้งสามคำ จึงไม่อาจกินได้อีกแล้วเพคะ”
หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นขนมอะไร นางก็ล้วนไม่กินเช่นนั้นหรือ
เด็กสาวผู้นี้ดูไม่มีพิษภัย แต่พูดจาอะไรล้วนเป็นเหตุเป็นผล มีจังหวะบุกและถอย ทำให้ฮองเฮารับมือไม่ไหวไปชั่วขณะหนึ่ง
ช่างเถอะ ยังมีเวลาอีกมาก อย่างไรก็ต้องสบโอกาส
ทั้งสองคนคุยเรื่อยเปื่อยไปได้ครู่ใหญ่ ไป๋จื่อก็ไม่ได้แตะต้องชาต้าหงเผาอีกเลย ซูฉุนเห็นดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจมาก ดูท่าเด็กสาวผู้นี้จะรู้อะไรเข้าแล้ว
……….
ตอนที่ 756 กับดักชิ่งอัน (6)
หรือว่าเพียงแค่ใช้จมูกดม นางก็รู้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติแล้วหรือ
หลังจากคุยเรื่องสัพเพเหระไปได้อีกครู่หนึ่ง ไป๋จื่อก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงผุดกายลุกขึ้น “ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันตรวจชีพจรให้พระนางดีกว่า”
ซูฉุนไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีก จึงพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน”
ไป๋จื่อเดินไปข้างหน้า มือเรียวบางสัมผัสลงบนข้อมือของซูฉุน ก่อนจะตั้งใจฟังอย่างละเอียด
ครั้นตรวจดูได้รอบหนึ่งแล้ว ไป๋จื่อก็ดึงมือกลับ นางเอ่ยถามซูฉุนอยู่สองสามคำถาม พร้อมทั้งรอคอยอีกฝ่ายตอบกลับทีละคำถาม นางก็เข้าใจสถานการณ์สุขภาพของพระนางโดยรวมแล้ว
ซูฉุนถาม “ช่วงนี้ข้านอนไม่ค่อยหลับ ฝันร้ายทำให้ข้าตกใจตื่นกลางดึกอยู่บ่อยๆ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็ทำใจหลับไม่ลง มีสูตรยาสงบใจดีๆ ใดช่วยได้บ้างหรือไม่”
หากเป็นแค่การสงบใจ ดึงตัวหมอหลวงสักคนจากสำนักหมอหลวง ให้เขาเขียนใบสั่งยาให้นางก็ใช้ได้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าคำถามของนางนี้ ไม่ได้ต้องการแค่ยาสงบใจแน่ๆ
นางไม่ได้ป่วยที่กาย แต่ป่วยที่ใจต่างหาก
กลางวันมีเรื่องต้องคิด ตกกลางคืนก็หลับฝัน มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าพระนางขบคิดเรื่องอะไรบ้างในตอนกลางวัน คิดจะทำร้ายผู้อื่น สุดท้ายถูกแก้แค้นในความฝันในตอนกลางคืน ทำให้นางไม่ สบายอกสบายใจเช่นนี้
แน่นอนว่าไป๋จื่อไม่อาจพูดออกไปได้ เพียงแค่คิดในใจก็พอแล้ว
“มียาสงบใจอยู่แล้วเพคะ หม่อมฉันจะเขียนใบสั่งยาให้พระนางเอง” นางตอบ ‘เกรงว่าเจ้าจะไม่ได้ห่วงเรื่องนอนไม่หลับเท่านั้นกระมัง แต่ในเมื่อเจ้าไม่พูด ข้าก็จะทำเป็นไม่รู้ จะได้ไม่เป ป็นการหาเหาใส่หัว’
หญิงหม้ายแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งคือสามียังมีชีวิตอยู่ สองคือสามีตายจากไปแล้ว
ตอนนี้ฮองเฮาเป็นหญิงหม้ายประเภทที่สามียังมีชีวิตอยู่
หญิงหม้ายเช่นนี้ยังคงมีความคิดต่างๆ นานาต่อบุรุษ ต้องการความอบอุ่นและความรักจากบุรุษ ดังนั้นสตรีเช่นนี้จึงเป็นดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง[3]ได้ง่ายที่สุด
ส่วนหญิงหม้ายที่สามีตายไปแล้ว หลังจากเสียเขาแล้ว หัวใจของนางก็เหมือนกับตายไปด้วย ย่อมไม่เหลือความคิดใดให้บุรุษอื่น หากจะมีความคิดเช่นนั้น ก็สามารถคบหาบุรุษคนใหม่ แต่งงาน นใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องคบชู้
บนร่างกายของซูฉุนมีอาการป่วยอยู่บ้าง แต่เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการผิดหวังต่อบุรุษซ้ำๆ ซากๆ ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่กลับทำให้พระนางไม่สบายใจ และแน่นอนว่าต่อให้พระนางไม่สบายใ ใจเพียงไร ก็ไม่อาจพูดออกมาโดยง่าย
“ช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอด มีอะไรร้ายแรงหรือไม่” พระนางมองไป๋จื่ออย่างคาดหวัง
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ฮองเฮาร่างกายแข็งแรง ไม่มีอะไรร้ายแรงเพคะ”
คนมักจะชอบฟังคนอื่นบอกว่าตนเองร่างกายแข็งแรง ฮองเฮาก็เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่เชี่ยวชาญในวิชาแพทย์เป็นอย่างยิ่ง
ฮองเฮาส่งสายตาให้คนที่อยู่ข้างกาย นางกำนัลเองรู้เจตนาของพระนาง จึงก้าวเข้าไปยกชาต้าหงเผาที่เย็นชืดขึ้น ครั้นหมุนกายจะออกไป ก็ชนเข้ากับร่างของไป๋จื่ออย่าง ‘พอดิบพอดี’ ชาต ต้าหงเผาจอกหนึ่งจึงสาดเข้าใส่เสื้อผ้าของนางจนหมด
“หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันสมควรตายเพคะ!” นางกำนัลรีบคุกเข่าร้องขอชีวิต
“ทำอะไรของเจ้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำให้ดีไม่ได้หรืออย่างไร ออกไปรับโทษเองเสีย!” ฮองเฮาต่อว่าด้วยโทสะ ก่อนที่นางกำนัลจะถอยออกไปโดยพลัน
ทว่าชุดผ้าใหม่ตัวใหม่ที่ไป๋จื่อใส่มาในวันนี้กลับเปียกชุ่ม ชุดคลุมเป็นสีอ่อน ส่วนชาต้าหงเผามีสีเข้ม มันเปื้อนเป็นวงกว้างจึงดูไม่น่ามองเท่าไรนัก
ซูฉุนพลันมีสีหน้า ‘รู้สึกผิด’ “ดูสิ น่าเสียกายเสื้อผ้าชุดนี้นัก”
ไป๋จื่อยิ้มว่า “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันกลับไปซักสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“ไหนเลยจะให้เจ้ากลับไปเช่นนี้ได้ อีกอย่าง เดี๋ยวเจ้ายังต้องกลับไปรายงานไทเฮาอีก สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ไปย่อมดูไม่ดีแน่ เอาอย่างนี้ดีกว่า เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดที่ตำหนักหลัง ง ข้าจะให้คนจากโรงซักผ้าซักเสื้อผ้าสกปรกส่งกลับไปให้ที่จวน เป็นอย่างไร” ซูฉุนรีบกล่าว
ไป๋จื่อเข้าใจในทันที ว่าเหตุใดไป๋เจินจูเพียงเข้ามาในวังครั้งเดียว ฉู่เฟิงก็กล้าไปสู่ขอนางถึงบ้านแล้ว
……….
[1] ชาต้าหงเผา (大红袍) คือ ชาอู่หลงชนิดหนึ่ง ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ราชาแห่งชาจีน’
[2] ซิ่งเริ่นซู (杏仁酥) คือ ขนมแป้งอบกรอบ โรยหน้าด้วยอัลมอนด์
[3] ดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง (红杏出墙) หมายถึง นอกใจ คบชู้