คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 757 กับดักชิ่งอัน (7) / ตอนที่ 758 กับดักชิ่งอัน (8)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 757 กับดักชิ่งอัน (7) / ตอนที่ 758 กับดักชิ่งอัน (8)
ตอนที่ 757 กับดักชิ่งอัน (7)
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกับดัก!
วางยาไม่สำเร็จ ก็เปลี่ยนเป็นสาดชาเสียเลย อย่างไรก็ต้องหาโอกาสทำเรื่องที่พวกเขาวางแผนเอาไว้จนได้
สีหน้าของไป๋จื่อยังคงเรียบเฉย นางยิ้มพลางโค้งกาย “ขอบพระทัยฮองเฮา!”
เมื่อไป๋จื่อตามนางกำนัลออกไปแล้ว รอยยิ้มที่แขวนอยู่บนใบหน้าของซูฉุนมาตลอดก็ค่อยๆ แข็งค้าง มุมปากกระตุกยิ้มเย็น “ต่อให้เฉลียวฉลาดมากกว่านี้ ก็เป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าคนหนึ่ง งเท่านั้น จะต่อกรกับข้าได้หรือ ยังเร็วไปนะ!”
ไป๋จื่อออกจากตำหนักหน้า โดยมีนางกำนัลนำทางนางไปยังตำหนักหลัง จู่ๆ ไป๋จื่อก็กุมท้องบอกว่าเจ็บ ร้องขอไปเข้าห้องน้ำ นางกำนัลได้ยินดังนั้นก็จนใจ รีบพานางไปยังห้องน้ำ
ในห้องน้ำมีหน้าต่างระบายอากาศบานค่อนข้างใหญ่ ผนังทุกด้านล้วนมีหน้าต่างหนึ่งบาน ปกติแล้วยามมีคนเข้าไปทำธุระ ก็มักจะมีคนปิดหน้าต่างให้ เมื่อเสร็จกิจแล้วถึงค่อยเปิดหน้าต่าง งระบายอากาศ
ไป๋จื่อเปิดหน้าต่างที่ปิดอยู่ทันทีที่เข้าไปข้างใน หากำแพงด้านที่ไม่มีคนอยู่ข้างนอก แล้วเหยียบโถส้วมกระโดดออกไป
เดิมทีห้องน้ำถูกสร้างอยู่ในสถานที่ห่างไกลอยู่แล้ว หลังจากไป๋จื่อกระโดดออกไป ก็พยายามเลือกเดินบนเส้นทางขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีคน และโชคดีที่พบประตูข้างออกจากตำหนักชิ่งอันพอดิ บพอดี
นางนึกถึงสิ่งที่ตงฟางหว่านเอ๋อร์กำชับก่อนจะออกมาได้ ตอนนี้นางต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง จึงหวนรำลึกถึงเส้นทางที่จะพานางไปยังตำหนักหรูอี้ ตำหนักของพระสนมซูเฟย
มีขันทีเฝ้าอยู่ด้านหน้าวังถึงสองคน เมื่อเห็นว่านางเป็นคนแปลกหน้า จึงขวางนางไว้โดยปริยาย
“กงกงทั้งสอง ได้โปรดบอกกล่าวให้ข้าสักหน่อยเถอะ ข้าเป็นสหายของคุณชายสกุลเมิ่ง คุณชายเมิ่งฝากฝังข้ามาเจ้าค่ะ”
ขันทีทั้งสองได้ยินว่านางเป็นสหายของคุณชายเมิ่ง ก็พลันยิ้มแย้มแจ่มใส หนึ่งในขันทีเอ่ยว่า “แม่นางรอสักครู่ ข้าจะไปบอกพระสนมให้”
ขันทีกลับมาหลังจากนั้นไม่นาน และพาไป๋จื่อเข้าไปในตำหนักโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ตำหนักหรูอี้ย่อมไม่หรูหราและงดงามเท่าตำหนักชิ่งอัน แต่ก็สง่างามเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ สายหนึ่งตลบอบอวลอยู่ในอากาศ สดชื่นมากทีเดียว
“อากาศเช่นนี้ มีกลิ่นดอกไม้มาจากที่ไหนกัน” ไป๋จื่อถามขันทีผู้นำทาง
ขันทีตอบว่า “พระสนมซูเฟยไม่มีงานอดิเรกอื่นใด ชอบเพียงการปลูกดอกไม้และต้นไม้ ยามเมื่อมีดอกไม้บางชนิดใกล้ตาย พระสนมจะเก็บมาขึ้นมาตากเป็นดอกไม้แห้งด้วยตนเอง ในตำหนักจึงมีดอก กไม้แห้งวางอยู่จนทั่ว”
มิน่าเล่ากลิ่นหอมนี้ถึงเข้มข้นไม่เท่าดอกไม้สด แต่ดมแล้วสบายใจกว่าดอกไม้สดทีเดียว
ระหว่างที่สนทนากัน ขันทีนำนางเข้าไปในตำหนักข้างแล้ว ด้านในจุดเตาอุ่นเอาไว้ เมื่อเข้ามาจากด้านนอก ความอบอุ่นก็พลันเข้ามาโอบล้อม ความเย็นบริเวณหน้าอกและหน้าท้องของนางจึงทุ เลาลงบ้าง
ด้านในสุดของตำหนักมีเก้าอี้ตัวงาม นั่งไว้ด้วยสตรีในชุดราชวังที่ดูเรียบง่าย ในมือประคองหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้ กำลังเหม่อมองไปข้างนอก
ไป๋จื่อลอบชำเลืองไปพิจารณา เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของสตรีที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง แม้นางจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทว่าแผ่นหลังกลับเหยียดตรง คางเชิดขึ้นเล็กน้อย ลำคอระหงน่ามองยิ่ง งนัก ถึงไป๋จื่อจะเป็นสตรีเช่นเดียวกันกับนาง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองอยู่หลายครา
พระสนมซูเฟยผู้นี้ไม่อาจนับได้ว่างามเป็นเลิศ ทว่าท่วงท่าของนางกลับงามเหนือธรรมดา สง่างาม เป็นสตรีที่บุรุษในยุคปัจจุบันล้วนหมายปอง!
หากเทียบกันดูแล้ว ฉุนฮองเฮางดงามและน่าทะนุถนอมกว่าพระสนมซูเฟย แต่กลับขาดความสง่างามอยู่หลายส่วน มีความคมปลาบเข้ามาแทนที่ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ฮ่องเต้โปรดพระสนมซูเฟยมากกว ว่า
ขันทีก้าวเข้าไปรายงาน “พระสนม มีคนมาพบขอรับ”
ไป๋จื่อรีบก้าวเข้าไปทำความเคารพบ้าง ลอบกล่าวในใจว่าต้องเจ็บหัวเข่าอีกครั้งหนึ่งแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่านางยังไม่ทันได้คุกเข่าลง พระสนมซูเฟยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็พูดว่าตามสบายเสียแล้ว
ดีเหมือนกัน ในเมื่อบอกว่าตามสบายแล้ว เช่นนั้นนางก็จะไม่เกรงใจละ
“ขอบคุณพระสนม!”
คราวนี้เมิ่งเสวียนหลิงถึงเงยหน้าขึ้นมองนาง เห็นนางเป็นสตรีเยาว์วัยผู้หนึ่ง สวมชุดผ้าไหมสีอ่อน แต่มันกลับสกปรก หน้าตาของนางงดงามทีเดียว ดวงตาคู่นั้นสดใสและซุกซนเป็นอย่า างยิ่ง เหมือนสหายคนสนิทของนางในอดีตเหลือเกิน
……….
ตอนที่ 758 กับดักชิ่งอัน (8)
“เจ้าชื่อว่าอะไร” เมิ่งเสวี่ยนหลิงถาม
ไป๋จื่อชะงัก ด้วยคิดไม่ถึงว่าพระสนมซูเฟยจะเป็นฝ่ายถามนางก่อน หากเป็นเช่นนี้แล้ว นางคงไม่ถามว่าเมิ่งหนานฝากฝังอะไรมากระมัง
เด็กสาวคืนสติกลับมา รีบตอบว่า “ทูลพระสนม หม่อมฉันชื่อว่าไป๋จื่อเพคะ วันนี้ไทเฮาเรียกตัวข้าเข้าวังมาตรวจชีพจร ต่อมาถูกส่งไปตรวจชีพจรให้ฮองเฮาที่ตำหนักชิ่งอัน ทว่าหลังจากนั้น น…จากนั้น…” เรื่องบางเรื่องนางไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่ ทำได้เพียงเงียบ คิดว่าพระสนมซูเฟยน่าจะเข้าใจ
เมิ่งเสวียนหลิงเข้าใจในทันที “ที่แท้เจ้าก็คือหมอหญิงที่ช่วยชีวิตไทเฮาไว้ในงานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีนี่เอง” ในคืนงานเลี้ยงวันส่งท้ายปี นางรู้สึกไม่สบายกาย จึงไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเ เลี้ยง พลาดเรื่องสนุกไปเสียได้ แต่ต่อมาเรื่องนี้ก็มาถึงหูของนางเช่นกัน สิ่งที่ควรและไม่ควรรู้ จะมากจะน้อยอย่างไรก็ได้รู้ทั้งหมดแล้ว
ไป๋จื่อพยักหน้า “หม่อมฉันเองเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงมองเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มบนกายเด็กสาว ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าคิดจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตำหนักนี้หรือ”
“ขอพระสนมช่วยข้าด้วย!” ไป๋จื่อกล่าวไปตามตรง
เมิ่งเสวียนหลิงเลิกคิ้ว “หากข้าช่วยเจ้า ข้าต่างหากที่จะผิดใจกับไทเฮาและฮองเฮา เจ้ารู้หรือไม่”
ไป๋จื่อกล่าวอีกว่า “ท่านแม่ข้าบอกว่า หากพบเรื่องอึดอัดใจในวังหลวง ก็ให้มาหาพระสนม พระสนมช่วยข้าได้แน่นอนเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงมองดวงตาของนาง ถามทันที “มารดาเจ้าคือตงฟางหว่านเอ๋อร์จริงๆ หรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ถูกต้องเพคะ”
ดวงตาคู่นี้ของนางเหมือนกับตงฟางหว่านเอ๋อร์อย่างกับแกะ ส่วนจมูกและปากกลับคล้ายคลึงเผยชิงหานเป็นอย่างยิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นบุตรีของคนทั้งคู่ จะผิดไปได้อย่างไร
“ช่วยเจ้าแล้วผิดใจกับไทเฮาและฮองเฮา เพื่อมิตรภาพในวันวานอันน้อยนิด เจ้าคิดว่าคุ้มกันแล้วหรือ”
ไป๋จื่อรีบเอ่ย “ไม่เพียงเพื่อมิตรภาพในวันวานอันน้อยนิดนะเพคะ หากพระสนมช่วยหม่อมฉันในวันนี้ ท่านตาของข้าจะต้องจดจำเป็นบุญคุณแน่นอน หลังจากจิ้นอ๋องกลับวังแล้ว เขาย่อมต้อ องขอบคุณพระสนมเช่นกันเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงยกยิ้มที่มุมปาก ช่างเป็นเด็กสาวที่มีไหวพริบยิ่งนัก
“ชิวอิ๋ง พาแม่นางไป๋ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เมิ่งเสวียนหลิงไม่พูดมากความอีก บางอย่างเมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง
ขณะที่ไป๋จื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่วังหรูอี้ ทางด้านฮองเฮากำลังพิโรธอยู่ที่ตำหนักชิ่งอัน นางโมโหเสียจนโยนเตาอุ่นที่ข้างมือใส่นางกำลังผู้นำทาง พาให้เลือดสดๆ อาบใบหน้า นางกำนัลคุกเข่าลงบนพื้นทันควัน ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้สักนิด
“ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น มีพวกเจ้าแล้วจะใช้ประโยชน์อะไรได้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ พวกเจ้าไปตายให้สิ้นเรื่องเสียดีกว่า!”
ฉู่เฟิงเข้ามาในตำหนัก เห็นเสด็จแม่พิโรธหนักจนเป็นเช่นนี้ ในใจพลันชาวาบไปกึ่งหนึ่ง ด้วยรู้ว่าผิดแผนไปหมดแล้วอย่างแน่นอน
“เสด็จแม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ นางไปไหนแล้วเล่า” เขารออยู่ที่ตำหนักหลังตั้งนมนาน เงาคนแม้แต่ครึ่งร่างก็ไม่เห็น จนสุดท้ายเขาทนไม่ไหว ถึงได้มาถามไถ่ แต่กลับไม่คาดค คิดเลยว่าจะพบภาพฉากนี้
ซูฉุนโกรธไม่น้อย พวงแก้มปรากฏสีแดงระเรื่อ ครั้นเห็นโอรสมาถึง นางถึงได้ใจเย็นลงบ้าง ถอนหายใจเอ่ยว่า “นางหายไปแล้ว นางเด็กนั่นร้ายกาจมาก ปีนหน้าต่างห้องน้ำหนีไปแล้ว”
ฉู่เฟิงชะงักงัน หมายความว่าอย่างไร ปีนหนีไปทางหน้าต่างห้องน้ำอย่างนั้นหรือ
จู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา หัวเราะจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาด้วย เด็กสาวนางนี้น่าสนใจยิ่งนัก กล้าปีนหน้าต่างห้องน้ำโดยไม่กลัวสกปรกเลยหรือนี่
“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าอย่าโมโหไปเลยนะ วันนี้ทำไม่สำเร็จก็ยังมีพรุ่งนี้ มีมะรืนนี้อยู่อีก ต้องมีสักวันที่สำเร็จจนได้”
ฉู่เฟิงโบกมือ “กระหม่อมไม่ได้โมโหพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่รู้สึกว่าน่าขันนัก เด็กสาวผู้นี้ไม่เพียงฉลาดเฉียบแหลม แต่ยังใจกล้าบ้าบิ่น นางหนีไปโดยไม่กลัวผิดใจกับเสด็จแม่เลยหรือพ่ะย่ะค ค่ะ”
ซูฉุนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ข้าว่าตงฟางมู่กับฉู่เยี่ยนคอยให้ท้ายนางมากกว่า นางถึงได้กล้าหาญโดยที่ไม่กลัวเกรงฟ้าดินเช่นนี้”