คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 759 เมิ่งเสวียนหลิง / ตอนที่ 760 ตำหนักหรูอี้
ตอนที่ 759 เมิ่งเสวียนหลิง
“เสด็จแม่ ถึงแม้นางจะหนีไป แต่ก็ยังอยู่ในวังหลวงแห่งนี้อยู่ดี หาตัวนางกลับมาก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงว่า
ซูฉุนพยักหน้า “ข้าส่งคนออกไปตามหาแล้ว อีกไม่นานน่าจะพบตัวนาง วันนี้ปล่อยนางไปก่อน แต่วันหน้าข้าจะเอาคืนเป็นสองเท่า” กล้าเล่นลูกไม้ในตำหนักชิ่งอันแห่งนี้ นางไม่เคยลิ้มลองคว วามร้ายการของนางซูฉุนสินะ
ฉู่เฟิงรีบเอ่ยว่า “เสด็จแม่ ตอนนี้อย่าเพิ่งฉีกหน้านางเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกเรายังต้องพึ่งพาตงฟางมู่ หากฉีกหน้านางแล้ว นั่นเท่ากับว่าฉีกหน้าตงฟางมู่ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเข้าใจดี ย่อมต้องโต้ตอบอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว ไม่ทำให้เสียเรื่องหรอก” ซูฉุนตอบหน้าเคร่ง
ทันใดนั้นก็มีขันทีเข้ามารายงาน “ฮองเฮา มีคนเห็นแม่นางไปเข้าไปในตำหนักหรูอี้พ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของซูฉุนยิ่งไม่น่ามอง “ตำหนักหรูอี้? นางเข้าไปในนั้นได้อย่างไร มีคนพานางไป หรือนางบุ่มบ่ามเข้าไปเอง”
“นางรออยู่ข้างนอกประตูวังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีคนนำทางนางเข้าไป จนถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีตอบ
ซูฉุนเขวี้ยงจอกชาลายครามทิ้ง “เมิ่งเสวียนหลิงนางสารเลว ข้าอดทนไม่หาโอกาสจัดการเจ้า แต่เจ้ากลับรนหาที่ตายเองแล้ว”
ฉู่เฟิงขมวดคิ้ว พลางมองสีหน้าท่าทางของเสด็จแม่ ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง จึงรีบเข้าไปไกล่เกลี่ย “เสด็จแม่ พระสนมซูเฟยเป็นคนที่เสด็จพ่อโปรดปราน อย่าแข็งกับนางนักเลย เสด ด็จแม่อย่าได้ลืมเชียวว่าเบื้องหลังของนางยังมีสกุลเมิ่งอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาตำหนักสนมทั้งหกในตอนนี้ ซูฉุนเกลียดชังเมิ่งเสวียนหลิงเป็นที่สุด ปกติแล้วนางสร้างปัญหาหรือหาเรื่องให้เมิ่งเสวียนหลิงอยู่ตลอด ทว่าเมิ่งเสวียนหลิงราวกับเป็นถุงผ้าฝ้าย ใบหนึ่ง ที่ไม่ว่าตนจะใช้วิธีการจู่โจมนางเช่นไร นางก็จะโต้ตอบอย่างนุ่มนวล จนท้ายที่สุดแล้วคนที่โมโหก็มีแต่ตัวนางซูฉุนเอง
นางแค่นหัวเราะ “ข้ารู้หนักเบาดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
ฉู่เฟิงกลัวว่านางจะทำเรื่องที่เลยเถิด ทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัย ผลเสียก็จะตกลงมาที่ตัวเขา เช่นนั้นแผนการใหญ่ที่วางเอาไว้ก็มีแต่จะต้องล่ม จึงโน้มน้าวว่า “เสด็จแม่ กระหม่อม เคยพบเมิ่งหยวนเต๋ออยู่หลายครั้ง เขาคล้ายจะต้องการเอนเอียงมาทางลูก แม้อำนาจในราชสำนักของสกุลเมิ่งจะไม่เท่าตงฟางมู่ แต่ก็ไม่อาจดูแคลนได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ บวกกับเสด็จพ่อโปรดปรา านพระสนมซูเฟยเสมอมา อาจจะมีสกุลเมิ่งเป็นเหตุด้วยก็ได้ หากแตะต้องนางในตอนนี้ กระหม่อมว่าไม่ดีแน่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทุกคนต่างก็มีครอบครัวคอยหนุนหลัง เมิ่งเสวียนหลิงมี ไป๋จื่อก็มีเช่นกัน ทว่าบ้านฝั่งมารดาของซูฉุนกลับตกต่ำลงเรื่อยๆ บ้านฝั่งมารดาของฮองเฮาผู้สง่างามยังต่ำต้ อยกว่าสกุลเมิ่งเล็กๆ ช่างน่าขันเสียจริง!
“หรือจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไป” พระนางกล้ำกลืนโทสะนี้ไม่ไหว นางเด็กน่าตายไป๋จื่อขวัญกล้าเทียมฟ้า เมิ่งเสวียนหลิงแต่ไหนแต่ไรไม่เคยยุ่งเกี่ยวในเรื่องใด แต่วันนี้กลับก้าวเท้าอ ออกมาขวาง แท้จริงแล้วนางคิดจะทำอะไรกันแน่
“เสด็จแม่ ท่านเป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้น มารดาของแผ่นดิน จะเทียบบารมีกับคนทั่วไปได้อย่างไร ครั้งนี้ปล่อยนางไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ แค่ตักเตือนสักหน่อยก็พอแล้ว ครั้งหน้าน่าจะได้รู้ว่าต ตนเองทำผิดที่ตรงไหน”
ไฟโทสะในอกของซูฉุนค่อยๆ สงบลง นางเห็นแววตาของฉู่ฟเงแปลกไปบ้าง “ฉู่เฟิง เจ้าพูดตั้งมากมายเพื่อเด็กสาวนางนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้ามีใจให้นางแล้ว”
ฉู่เฟิงเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้ตนเป็นอะไรไป ถึงไม่อยากให้เสด็จแม่ไปจัดการไป๋จื่อ และคอยขอความเมตตาให้นางครั้งแล้วครั้งเล่า หรือเขาจะมีใจให้นางเช่นที่เสด็จแม่ว่าจริงๆ
เขาส่ายหน้าทันควัน เป็นไปไม่ได้ นางเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น เขาจะมีใจให้นางได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เขากลัวแผนการใหญ่จะพังไม่เป็นท่า ถึงได้พูดแทนคนอื่นมากมายเช่นน นี้เป็นแน่
จากนั้นเขาก็ทำหน้าเคร่ง ประสานมือกล่าวกับซูฉุน “เสด็จแม่ กระหม่อมพูดแทนไป๋จื่อและพระสนมซูเฟย เพราะกลัวว่าแผนการใหญ่ของพวกเราจะไม่สำเร็จดังหวัง ขอเสด็จแม่อย่าได้คิดมาก กร ระหม่อมรู้ว่าอะไรสำคัญพ่ะย่ะค่ะ”
……….
ตอนที่ 760 ตำหนักหรูอี้
ซูฉุนพยักหน้า ข่มความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้ารู้ว่าอะไรสำคัญก็ดีแล้ว เรื่องนี้ในวันนี้ก็จัดการตามที่เจ้าว่า ข้าไม่อยากเอาเรื่องกับพวกนางแล้ว”
ฉู่เฟิงกล่าวอีกว่า “เสด็จแม่ ไป๋จื่อผู้นี้ไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา ใช้วิธีการเหล่านั้นจัดการนางไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ มิสู้กระหม่อมส่งคนไปจับตามองคฤหาสน์ตงฟางไว้ตั้งแต่วันนี้ ขอเพียงนา างออกมา กระหม่อมจะหาโอกาสเข้าใกล้นาง เช่นนั้นต้องสำเร็จแน่พ่ะย่ะค่ะ”
ซูฉันรับคำ “ก็ดีเหมือนกัน เจ้าจะทำอะไรต้องระมัดระวัง หากยั่วโมโหตงฟางมู่เข้า เขาผู้นั้นจะต้องบ้าคลั่ง ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้นเป็นแน่ ต่อให้เจ้าเป็นฮ่องเต้ เขาก็ยังคงไม่ไหวห หน้าเช่นเดิม”
“กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ!”
…
ตำหนักหรูอี้
ไป๋จื่อกลับไปที่ตำหนักข้างหลังจากเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย เมิ่งเสวียนหลิงสูงมาก สูงมากกว่าไป๋จื่อในตอนนี้ถึงหนึ่งศีรษะ กะด้วยสายตาดูแล้วน่าจะสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตร ส่ว วนไป๋จื่อเกรงว่าอย่างมากก็สูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้นางยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ยังสูงมากกว่านี้ได้อีก
นางสวมเสื้อผ้าของเมิ่งเสวียนหลิงไม่ได้ ลายดอกไม้ไม่เหมาะให้คนอายุเท่านางสวมใส่ นางกำนัลจึงเสาะหาเสื้อผ้าที่พวกนางใส่ในชีวิตประจำวันมาให้ นับว่าพอดีตัวแล้ว
“นั่งลงเถอะ” เมิ่งเสวียนหลิงเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ บอกกล่าวไป๋จื่อเสียงเรียบ
ไป๋จื่อนั่งลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยถามเมิ่งเสวียนหลิง “พระสนมซูเฟย ท่านไม่ถามข้าหรือเพคะ ว่าเหตุใดถึงกล้าใช้ชื่อของคุณชายเมิ่ง”
สายตาของเมิ่งเสวียนหลิงกลับไปจดจ้องอยู่บนหนังสืออีกครั้ง แผ่นหลังของนางหยัดตรง ราวกับว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ นางไม่ได้ขยับท่วงท่าเลยสักนิด ไม่รู้ว่านางเหนื่อยหรือไม่ ทว ว่าไป๋จื่อมองดูแล้วรู้สึกเหนื่อยทีเดียว
“ในเมื่อเจ้ากล้าใช้ชื่อของเข้า เจ้าย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่ ไยต้องถามให้มากความ”
ไป๋จื่อเข้าใจโดยพลัน ว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงชอบมาค้างแรมกับนางที่นี่
ขุนนางมากมายรบกวนฮ่องเต้ทั้งวี่วัน ตกกลางคืนย่อมอยากได้สถานที่ที่สงบเงียบ เพียงสนทนากันบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าสนุกสานและน่าสนใจ สตรีที่สะสวยและเข้าอกเข้าใจคนเช่นเมิ่งเสวีย ยนหลิง บุรุษที่ไหนเล่าจะไม่ชอบนาง
“เจ้ารู้จักเมิ่งหนานหรือ” เมิ่งเสวียนหลิงเห็นเด็กสาวไม่เอ่ยวาจา ในที่สุดนางก็วางหนังสือในมือลง แล้วเป็นฝ่ายถามเอง
ไป๋จื่อพยักหน้า “รู้จักเพคะ หม่อมฉันรู้จักกับเมิ่งหนานตั้งแต่เขาไปเป็นข้าราชการอยู่ที่เมืองชิงหยวนเมื่อปีที่แล้ว ข้ากับเขานับว่าเป็นสหายกันเพราะสถานการณ์จำเป็น วันนี้ข้าตกอ อยู่ในอันตราย ถึงได้คิดมาขอรบกวนพระสนมเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงถอนหายใจเสียงเบา เสียงนั้นดูเฉยชาและโดดเดี่ยว ราวกับดังออกมาจากหุบเขาที่มืดมิดก็ไม่ปาน
“ข้าไม่ได้พบหนานเอ๋อร์มาหลายปีแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาสบายดีหรือไม่”
ไป๋จื่อเห็นนางมีท่าทางเช่นนั้น นางคงยังไม่รู้เรื่องที่ฮูหยินเมิ่งป่วยหนักกระมัง
“พระสนม ความจริงแล้วเมื่อหลายวันก่อนข้าไปที่สกุลเมิ่งมาเพคะ เมิ่งหนานเขาผ่ายผอมลงไปมาก เพราะฮูหยินเมิ่งป่วยหนัก เขาและใต้เท้าเมิ่งจึงกังวลใจอย่างหนักเพคะ”
หัวใจของเมิ่งเสวียนหลิงพลันกระตกวูบ รีบถามทันควัน “ฮูหยินเมิ่งป่วยเป็นอะไร พี่ใหญ่เขาไม่ได้มาขอความเมตตาจากฝ่าบาท ให้ส่งหมอหลวงไปตรวจอาการดูหรือ”
“หมอหลวงจางไปตรวจดูแล้วเพคะ ทว่าโรคของฮูหยินเมิ่งเป็นโรคที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น ตอนนั้นมารดาของฮูหยินเมิ่งก็จากไปด้วยโรคนี้เช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งทอดมาถึงฮูหยินเมิ่งเพค คะ”
เมิ่งเสวียนหลิงรีบถามอีก “แล้วตอนนี้นางเป็นเช่นไรบ้าง”
“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วเพคะ พระสนมไม่จำเป็นต้องกังวล” ไป๋จื่อตอบ
เมิ่งเสวียนหลิงถอนใจโล่งอก นางไม่นับว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับสวี่ซื่อผู้นั้นสักเท่าไร เพียงแต่สกุลเมิ่งในตอนนี้อยู่ในช่วงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หากเมิ่งหนานไม่อาจยืนอย่างมั นคงในราชสำนักได้ ดูท่าอนาคตของสกุงเมิ่งก็ต้องตกต่ำแน่
หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับพี่สะใภ้ เมิ่งหนานก็ต้องออกจากงานเพื่อไว้ทุกข์นานถึงหนึ่งปี หลังจากหนึ่งปีผ่านไปแล้ว ตำแหน่งดั้งเดิมย่อมมีคนมาแทนที่ คิดจะไต่ขึ้นไปถึงตำแหน่งเดิมของตน น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเหมือนปากพูดอยู่แล้ว