คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 761 โรคหวัด / ตอนที่ 762 นางกำนัลผู้ตื่นตระหนก
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 761 โรคหวัด / ตอนที่ 762 นางกำนัลผู้ตื่นตระหนก
ตอนที่ 761 โรคหวัด
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” นางรู้สึกว่าเสียกิริยา จึงรีบจัดท่าทางของตนเสียใหม่ แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้าที่บอกข้า พี่ใหญ่ไม่อยากรบกวนข้า จึงไม่เคยบอกข้าเวลาที่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น น”
ไป๋จื่อยิ้ม “ใต้เท้าเมิ่งกลัวว่าพระสนมจะคิดมาก ย่อมเลี่ยงที่จะบอกพระสนม มีพี่ชายเช่นนี้ น่าอิจฉาอย่างยิ่งเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงเลิกคิ้วถาม “เจ้าไม่มีพี่น้องหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่มีเพคะ ทว่าตอนนี้หม่อมฉันมีสมาชิกในครอบครัวมากมาย พวกเขาดีกับข้ายิ่ง”
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคล้ายกับเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง แต่บางครั้งก็สดใสเหมือนกับดวงดาว ราวกับเด็กสาวอายุสิบสองสิบสามปีคนหนึ่ง
เฮ้อ นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสามปีเท่านั้นนะ!
ไป๋จื่อมองใบหน้าของเมิ่งเสวียนหลิง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “พระสนม ขอหม่อมฉันจับชีพจรให้นะเพคะ”
“โอ้? ข้าดูเหมือนคนป่วยหรือ” เมิ่งเสวียนหลิงถาม
เมื่อได้ยินนางถามเช่นนั้น ไป๋จื่อก็พยักหน้าอย่างจริงใจ “เพคะ สีหน้าของพระสนมดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก”
นางกำนัลที่อยู่ข้างกายของเมิ่งเสวียนหลิงก็เอ่ยขึ้นเหมือนกัน “พระสนม ในเมื่อแม่นางไป๋มาที่นี่แล้ว มิสู้ให้นางจับชีพจนดูสักครั้งนะเพคะ หม่อมฉันได้ยินคนในตำหนักสือฝูเล่ากัน ว่าวิชาแพทย์ของแม่นางไป๋เลิศล้ำ หัวหน้าสำนักหมอหลวงยังเทียบไม่ได้เลยเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงยิ้มจาง “อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ แต่กลับเชี่ยวชาญวิชาแพทย์แล้วหรือนี่”
ไป๋จื่อก็ยิ้มเช่นกัน “หม่อมฉันก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นเพคะ”
“เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว” เมิ่งเสวียนหลิงกล่าว
เด็กสาวลุกขึ้นยืน แล้วก้าวไปถึงเบื้องหน้าหเมิ่งเสวียนหลิงอย่างเชื่องช้า นางนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มๆ ที่นางกำนัลยกมาให้ ก่อนจะจับมือที่นางยื่นมาให้อย่างเป็นธรรมชาติ นิ้วมือกลัด อยู่บนข้อมือของนาง
หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว คิ้วของไป๋จื่อที่เดิมทีคลายออกก็พลันขมวดเข้าหากัน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อนางชักมือกลับ เมิ่งเสวียนหลิงก็ถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง”
ไป๋จื่อตอบไปตามตรง “ตอนที่พระสนมให้กำเนิดบุตร เคยเป็นหวัดหรือไม่เพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงพยักหน้า “ข้าเคยเป็นหวัดตอนคลอดลูกจริงๆ เจ้ารู้ได้อย่างไร ข้าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครมาก่อน แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังไม่รู้”
“โรคหวัดของพระสนมไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เพราะถูกคนวางยา ข้าคิดว่าพระสนมน่าจะรู้ดีเพคะ” ไป๋จื่อว่า
บนใบหน้าของเมิ่งเสวียนหลิงยังคงเรียบเฉย และกล่าวด้วยเสียงที่เรียบนิ่งดังเดิม “แล้วอย่างไร ใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ หากไม่เคยถูกวางยาสิถึงจะแปลก!”
“ดังนั้น พระสนมก็รู้เหตุผลที่ไม่ตั้งครรภ์เลยมาตลอดหลายปีนี้เช่นกันใช่หรือไม่เพคะ” ไป๋จื่อถาม
ในที่สุดใบหน้าที่นิ่งสงบของเมิ่งเสวียนหลิงก็เปลี่ยนไป “เจ้าอยากจะพูดอะไร”
ดูท่าทางนางจะไม่รู้ คนวางยาไม่เพียงร้ายกาจ แต่ยังเจ้าเล่ห์มากด้วย
“หลายปีมานี้พระสนมร่างกายอ่อนแอ แต่ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร กินยาที่ถูกกับอาการก็สามารถฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาได้ ท่าทางหมอหลวงจะกล่าวเช่นนี้กับพระสนมเช่นกัน ใช่หรือไม่เพคะ ะ”
เมิ่งเสวียนหลิงพยักหน้า ความงดงามแต่เดิมในแววตาถูกแทนที่ด้วยความคมปลาบ
“พูดต่อไป!” นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือ เรียวคิ้วงามขมวดมุ่น
“หมอหลวงบอกกับพระสนมว่า แม้จะเป็นโรคหวัดแล้ว แต่ก็โชคดีที่พบโรคนี้ได้ทันกาล หากได้กินยาที่ถูกกับอาการก็สามารถขจัดโรคนี้ไปได้ หลังจากที่พระสนมกินยาแล้ว ก็ไม่มีอาการ รของโรคหวัดกำเริบขึ้นมาอีกจริงๆ หมอหลวงที่จับชีพจรให้พระสนมก็ตรวจไม่พบอาการใดในร่างกายอีก ด้วยเหตุนี้ทั้งพระสนมและหมอหลวงต่างก็เข้าใจว่าโรคหวัดนี้จากไปแล้ว แต่คนที่ว วางยายังไม่ถูกกำจัด พระสนมก็ดีใจไปก่อนเสียแล้ว”
เมิ่งเสวียนหลิงพยักหน้า “ถูกต้อง ที่เจ้าพูดทุกอย่างล้วนถูกต้อง เมื่อข้านึกถึงเรื่องในตอนนั้น ก็เป็นเช่นที่เจ้าว่าทุกคำพูดไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่เจ้าพูดออกมาตอนนี้ เพราะต้องก การบอกว่าหมอหลวงวินิจฉัยผิดอย่างนั้นหรือ” คนที่ตรวจอาการให้นางเป็นถึงหัวหน้าสำนักหมอหลวงเชียวนะ!
……….
ตอนที่ 762 นางกำนัลผู้ตื่นตระหนก
ไป๋จื่อส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้ต้องการบอกว่าหมอหลวงวินิจฉัยผิดเพคะ ตอนนั้นท่านถูกคนวางยาจนเป็นโรคหวัด เมื่อกินยาแล้วโรคก็คลายลงไปชั่วคราว ทว่าระหว่างนั้นพระสนมได้รับยาพิษ อีกชนิดหนึ่ง พิษชนิดนั้นอ่อนมาก ยากนักที่จะถูกตรวจพบได้ และไม่สร้างผลเสียต่อร่างกายอย่างชัดเจนอะไร แต่เมื่อพิษนี้สะสมปะปนอยู่ในภายในร่างกายแล้ว จะออกฤทธิ์เหมือนพิษอี กชนิดหนึ่ง พิษชนิดนี้ตรวจพบได้ยากเช่นกัน มันไม่อาจทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติอะไร แต่กลับมีความสามารถทำลายการทำงานบางอย่างภายในร่างกายได้เพคะ”
นางจ้องเขม็งไปยังแววตาสดสวยของเมิ่งเสวียนหลิง กล่าวย้ำชัดทุกคำ “อย่างเช่นการตั้งครรภ์”
ลมหายใจของเมิ่งเสวียนหลิงถี่กระชั้นอย่างต่อเนื่อง ดวงหน้าซีดขาว หลายปีมานี้นางขอรับการรักษา ขอหยูกยาอยู่เสมอ แต่กลับไม่มีวี่แววเลยสักนิด ทั้งยังคิดว่าเป็นปัญหาที่ตนเอง บัด ดนี้ได้ยินไป๋จื่อพูดเช่นนี้ นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หลายปีมานี้นางคิดหาทางทำทุกวิธีเพื่อให้ตนเองตั้งครรภ์ จึงไม่ได้สังเกตเรื่องอื่นใดเหล่านั้นเลย ตอนนี้ใคร่ครวญดูแล้วก็รู้สึกผิดปกติ
ใช้เท้าคิดก็รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายนาง แต่นางกลับคิดไม่ถึงมาก่อนเลย ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มทำร้ายนางมาหลายปีแล้วเช่นนี้
นางกำนัลที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเมิ่งเสวียนหลิงมีอยู่สามคน บนใบหน้าของสองคนในนั้นปรากฏแววโกรธแค้น ส่วนอีกคนหนึ่งกลับมีใบหน้าซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่ขมับ
แม้ภายในตำหนักข้างจะอบอุ่น ทว่าก็ไม่ถึงขั้นที่ทำให้ใครเหงื่อออกได้
เมิ่งเสวียนหลิงตกอยู่ในภวังค์ความคิด ย่อมไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของนางกำนัลผู้นี้ ไป๋จื่อจึงรู้สึกว่าตนเองต้องเตือนนางสักหน่อย
ไป๋จื่อกระแอมสองเสียง ดึงสายตาของเมิ่งเสวียนหลิงกลับมา นางเงยหน้ามองนางกำนัลที่ยืนอยู่เบื้องหลังที่ประทับของเมิ่งเสวียนหลิง “พี่สาวท่านนี้ ข้ากระหายน้ำ นำชาจอกใหม่มาให้ ข้าจะได้หรือไม่”
นางกำนัลผู้นั้นไม่คิดว่าจู่ๆ นางจะพูดด้วย จึงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ รับคำอย่างรวดเร็ว
นางกำนัลตื่นตระหนกอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลังจากไป๋จื่อเอ่ยปากว่าต้องการชา นางก็ยิ่งตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น ราวกับทำเรื่องอะไรไม่ดีแล้วถูกจับได้อย่างไรอย่างนั้น ระหว่างท ทางไปห้องชาจึงเกือบทำแจกันดอกไม้ใบหนึ่งร่วง
เมิ่งเสวียนหลิงเห็นความผิดปกติของนางกำนัลแล้ว นางมุ่นคิ้วเล็กน้อย พลางพินิจมองนางกำนัลผู้นั้น จากนั้นก็พยักหน้าให้กับไป๋จื่อ เป็นการขอบคุณที่เด็กสาวเตือนสตินาง
ไม่นานนัก นางกำนัลกลับมาพร้อมชา ไป๋จื่อกลับไปนั่งที่เดิมแล้ว นางวางจอกชาลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ ไป๋จื่ออย่างเบามือ ฝ่ายไป๋จื่อยิ้มถามว่า “มือของพี่สาวเป็นอะไรไปหรือ ไยถึงได ด้สั่นเช่นนี้”
นางกำนัลรีบชักมือกลับไปซ่อนที่ด้านหลัง ยิ้มเจื่อนตอบ “ละ ลวกมือเจ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวซุ่มซ่าม เรื่องแค่นี้ก็ยังทำให้ดีไม่ได้ ทำให้แม่นางไป๋หัวเราะเยาะแล้ว”
เมิ่งเสวียนหลิงมองนางคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม “มือของเจ้าถูกลวก เช่นนั้นก็รีบให้แม่นางไป๋ดูสักหน่อยเถอะ จะได้รู้ว่าต้องใส่ยาอะไรไม่ให้มีรอยแผลเป็นหลงเหลือ”
นางกำนัลส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องหรอกเพคะ ขอบพระทัยพระสนมที่เมตตา หม่อมฉันมือหยาบกร้าน ลวกมือเล็กน้อยไม่เป็นไรหรอกเพคะ ไม่เป็นไรจริงๆ”
“เช่นนั้นไม่ได้หรอก ต่อให้มือหยาบเพียงใด ถูกลวกจนเป็นแผลก็ต้องใส่ยา ไม่เช่นนั้นคนอื่นพบเห็นเข้าจะหาว่าข้าใจร้ายกับบ่าวของพวกเรา” นางกำนัลนามว่าชิวหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เม มิ่งเสวียนหลิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าว จับหมับเข้าที่มือของตงเยี่ย ก่อนจะกระชากออกมาอย่างแรง
ไป๋จื่อตั้งใจมองครั้งหนึ่ง มือนี้ขาวละเอียดนัก ไหนเลยจะมีรอยแผลจากการถูกลวก
ชิวหลิงเอ่ยถามด้วยโทสะ “เป็นอะไรไป เจ้ากล้าพูดปดต่อหน้าพระสนมหรือนี่ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร”