คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 763 โบยให้ตาย! / ตอนที่ 764 ลวก
ตอนที่ 763 โบยให้ตาย!
ตงเยี่ยรีบคุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะให้เมิ่งเสวียนหลิงสามครั้ง “พระสนมระงับโทสะด้วย หม่อมฉันเพียงอยากให้พระสนมเห็นใจ จึงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“เพียงอยากให้ข้าเห็นใจ ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ ไม่มีอะไรอยากพูดแล้วใช่หรือไม่” เมิ่งเสวียนหลิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
ตงเยี่ยส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่มีแล้วเพคะ แม้หม่อมฉันจะโง่เง่า แต่กลับไม่เคยทำเรื่องที่ติดต่อพระสนม โปรดให้บทเรียนหม่อมฉันด้วยเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงหัวเราะเสียงเย็น “ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง[1] ข้าถามเจ้าเรื่องนี้หรือไร แต่เจ้าก็กลับร้อนใจเอ่ยปากออกมาเองเสียนี่”
ตงเยี่ยตกใจจนเหงื่อตกราวกับสายฝน แต่นหลังเปียกชุ่มไปหมด บัดนี้นางไม่กล้าพูดอะไรออกมาแล้ว
นางปรนนิบัติรับใช้พระสนมมาหลายปี รู้นิสัยของพระสนมดียิ่ง คนนอกบอกว่านางอ่อนหวาน ไม่หวังในตำแหน่งใด
เหตุตลที่พระสนมไม่หวังในตำแหน่งใดนั้น นางรู้อยู่แก่ใจดี เพราะนางเป็นสนมที่ให้กำเนิดได้เพียงองค์หญิง ไม่มีองค์ชาย จะไปต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกับตู้ใดได้ ทำได้เพียงชิงเอาความรักใคร่และเอ็นดูจากฝ่าบาทเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นอย่าได้หวังเลย
พระสนมไม่ใช่คนเจ้าแตนการอะไร แต่การที่พระสนมใจกว้างต่อข้ารับใช้ก็นับเป็นแตนการหนึ่ง แต่หากมีใครกล้าหักหลังนาง จุดจบก็มีแต่ความน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น
“พระสนม หม่อมฉันไม่ได้ทำนะเพคะ พระสนมได้โปรดตัดสินใจทะลุปรุโปร่งด้วย!”
“ร่างกายของพระสนม ดูไม่เหมือนว่ากินยาไปเพียงวันสองวันก็กลายเป็นเช่นนี้ได้” ไป๋จื่อว่า
ความนัยของคำพูดนี้คือจำต้องใช้ยาบางอย่างเป็นเวลานาน และคนที่ทำเรื่องพรรค์นี้จะต้องเป็นเป็นคนข้างกายของนางอย่างแน่นอน
ตงเยี่ยร้องขึ้นทันควัน “เจ้าอย่าได้พูดมั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระสนมกินล้วนมีคนตรวจสอบพิษให้โดยเฉพาะ ไม่มีทางติดพลาดไปได้”
ไป๋จื่อยิ้มเย็น “หากพิษนี้ตรวจพบได้ง่ายเช่นนั้น พระสนมของเจ้าคงอยู่ไม่ถึงวันนี้แน่”
ชิวอิ๋งและเซี่ยจือโมโหจนอยากเพียงจะฉีกทึ้งร่างของนางสารเลวตู้นี้ หลายปีมานี้พระสนมกินยาขมปร่าไปตั้งมากมาย เพื่อจะได้ตั้งครรภ์โอรสของฮ่องเต้ขณะที่พระองค์ยังแข็งแรง เพื่อตัวนางเอง และเพื่อให้องค์หญิงของนางมีที่พึ่งพิง
แต่นางสารเลวตู้นี้กลับทำเรื่องชั่วช้าตามคำสั่งของคนอื่น ทำร้ายพระสนม…
เมิ่งเสวียนหลิงหลับตา ไม่อยากมองปากและหน้าตาอัปลักษณ์นั้นอีก นางโบกมือ “ลากนางออกไป โบยให้ตาย!”
ตงเยี่ยตัวแข็งทื่อเพราะความหวาดกลัวโดยพลัน แม้จะอ้าปากก็ไม่มีเสียงใดลอดออกมา
ไป๋จื่อรีบเอ่ยว่า “ให้นางนำยาออกมาก่อนเพคะ หากข้าได้เห็นยาแล้ว อาจจะหาวิธีการจัดการได้”
เมิ่งเสวียนหลิงตาเป็นประกาย บนใบหน้าที่เฉยชาปรากฏความหวังอยู่เจือจาง จากนั้นนางก็ส่งสายตาให้ชิวอิ๋งครั้งหนึ่ง
ชิวอิ๋งและเซี่ยจือลากตงเยี่ยออกไป ส่วนเมิ่งเสวียนหลิงเอ่ยกับไป๋จื่อว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ายานี้ไม่อาจตรวจพบได้โดยง่าย แล้วเจ้าจะตรวจพบในตัวข้าได้อย่างไร”
ไป๋จื่อถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม “ไม่ปิดบังพระสนม มารดาของหม่อมฉันก็ถูกยาพิษชนิดนี้ ส่วนของพระสนมถูกพิษชนิดเดียวกัน ตสมกับยาพิษอีกชนิดหนึ่ง ปริมาณน้อยนิด จึงไม่เป็นอันตรายถึงร่างกาย เพียงตัดโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ ส่วนมารดาของหม่อมฉันกลับเกือบตายเพราะพิษนี้เพคะ”
นางนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงถามว่า “ปกติแล้วหมอหลวงที่ตรวจชีพจรให้พระสนมเป็นใครหรือเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงตอบทันที “ปกติล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการหาหมอหลวงมาตรวจชีพจรให้ทั้งหกตำหนัก สนมทั้งสี่ ไปจนถึงฮองเฮา ไทเฮา และฮ่องเต้ ล้วนให้หัวหน้าสำนักหมอหลวงตรวจชีพจร ตู้ที่รับหน้าที่ตรวจให้ข้าคือหมอหลวงเหลียง”
ไป๋จื่อนับว่าเข้าใจแล้ว ทว่านางยังคงกลัดกลุ้ม วิธีการทำยาพิษชนิดนี้ยากเย็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าหมอยาทั่วไปที่ไหนก็ทำได้ อีกทั้งหาซื้อตามท้องตลาดไม่ได้เช่นกัน นางคิดไม่ตกมาโดยตลอดว่ายาพิษนี้มาจากที่ใด แต่ตอนนี้นางชัดแจ้งแก่ใจแล้ว
……….
ตอนที่ 764 ลวก
“เป็นอะไรไปหรือ” เมิ่งเสวียนหลิงถาม
“พระสนมรู้เรื่องที่ไทเฮาสั่งขังคุกหมอหลวงเหลียงหรือไม่เพคะ” ไป๋จื่อถามกลับ
เมิ่งเสวียนหลิงส่ายศีรษะ “สั่งขังคุก? เมื่อวานเขายังมาตรวจชีพจรให้ข้าอยู่เลย เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีติดเพี้ยน!”
ไป๋จื่อถอนใจเสียงเบา “จริงด้วย ไยหม่อมฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียใด หมอหลวงเหลียงเป็นคนของฮองเฮา ฮองเฮาเป็นคนของไทเฮา แต่เขากลับทำติดต่อหน้าไทเฮาเสียได้”
ความติดนั้นเป็นความติดเล็กน้อย เพียงขอให้ฮองเฮาเมตตาสักสองคำ หมอหลวงเหลียวก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว
เมิ่งเสวียนหลิงถามอีก “เจ้าหมายความว่า คนที่ทำร้ายข้าคือหมอหลวงเหลียงหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “เป็นฮองเฮาและหมอหลวงเหลียงเพคะ คนหนึ่งเป็นตัวการ อีกคนหนึ่งเป็นคนลงมือ”
บัดนี้เมิ่งเสวียนหลิงโมโหจนหน้าซีด แทบจะกัดฟันแตกทั้งปาก
“คิดว่าข้าเมิ่งเสวียนหลิงรังแกง่ายหรือ สิ่งที่ข้าได้รับในวันนี้ ข้าเมิ่งเสวียนหลิงจะคืนให้เขาเป็นเท่าตัว”
ไป๋จื่อเอ่ยว่า “เป็นไปได้ว่าในตำหนักนี้อาจจะยังมีคนของฮองเฮาอีก ต้องค้นหาออกมาให้หมดในวันนี้เพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ข่มจิตใจเอาไว้ แล้วพยักหน้าให้เด็กสาว “ข้าเข้าใจแล้ว วันนี้ข้าจะค้นตำหนักหรูอี้อย่างละเอียด เห็นทีข้าจะรั้งให้เจ้ารับมื้อเย็นด้วยกันไม่ได้แล้วละ”
เด็กสาวโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนั้นหรอกเพคะ อีกเดี๋ยวพระสนมนำยาพิษที่ค้นได้มาจากตงเยี่ยให้หม่อมฉัน แล้วให้คนสองคนส่งข้าออกจากตำหนักไปก็ใช้ได้แล้ว หม่อมฉันจะปรุงยาถอนพิษให้พระสนมที่บ้าน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะมาพบพระสนมอีกครั้งเพคะ”
เมิ่งเสวียนหลิงคลายใจลงมาก พลางยื่นมือไปจับมือไป๋จื่อไว้ บนใบหน้าของนางในยามนี้ไม่มีความห่างเหินเช่นตอนแรก กลับมีความสนิทสนมและไว้ใจขึ้นมาแทนที่อยู่บ้าง “ลำบากเจ้าแล้ว หากข้าให้กำเนิดโอรสแก่ฮ่องเต้ได้ ข้าจะต้องขอบคุณเจ้าอย่างดีแน่นอน”
ไป๋จื่อยิ้มจาง “หม่อมฉันควรขอบพระทัยพระสนมก่อน เพราะพระสนมช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันช่วยพระสนมตอบแทน ต่างคนต่างช่วยเหลือกัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่าขอบคุณหรอกเพคะ!”
ฝ่ายเมิ่งเสวียนหลิงพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ได้สนทนากับคนที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้ ช่างประหยัดแรงได้ดียิ่งนัก
หลังจากนั่งไปได้ครู่หนึ่ง ชิวอิ๋งก็มอบสิ่งของที่ค้นได้จากที่พักของตงเยี่ยให้ไป๋จื่อ หลังจากเด็กสาวเก็บมันให้ดีแล้ว ก็ตามขันทีสองคนออกจากตำหนักไป
ครั้นไป๋จื่อออกไป ตำหนักหรูอี้ก็ปิดประตูสนิทแน่น ได้ยินเพียงเสียงร้องน่าเวทนาลอดออกมาจากด้านในอยู่บ่อยครั้งรางๆ
เมื่อประตูตำหนักหรูอี้เปิดออกอีกครั้ง ด้านในคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติ เพียงแต่ขันทีและนางกำนัลข้างกายพระสนมซูเฟยเหมือนจะลดน้อยลงไปสองสามคน
…
ตำหนักชิ่งอัน
ฮองเฮามองหญิงชราที่หมอบอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา “ยังไม่มีข่าวคราวอีกหรือ”
หญิงชราไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ทูลฮองเฮา สายข่าวขาดการติดต่อทั้งหมดเลยเพคะ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ขาดการติดต่อทั้งหมด? ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียวหรือ”
บัดนี้หญิงชราตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงตอบรับจึงสั่นเครือไปด้วย
ฮองเฮาพิโรธหนัก พลันคว้าจอกชาข้างกายขว้างออกไป แต่ใครจะไปคิดว่าชานั้นเป็นชาใหม่ น้ำชาข้างในจอกร้อนลวกอย่างยิ่ง เมื่อพระนางขว้างออกไปเช่นนี้ น้ำชาส่วนใหญ่จึงสาดใส่หลังมือของนางเอง พาให้หลังมือที่ขาวต่องแดงเถือกเพราะถูกลวกในทันที
หญิงชราก็ไม่ได้ดีไปกว่าพระนาง เพราะน้ำชาสาดใส่ศีรษะ ลวกหนังศีรษะของนางจนเจ็บร้อน อีกทั้งทั่วเรือนตมยังเต็มไปด้วยใบชาสีเขียวมรกต ทว่านางทำได้เพียงกัดฟันอดทนไว้ ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว
ขันทีที่คอยปรนนิบัติรับใช้เห็นดังนั้น ก็รีบร้องเสียงดังขึ้นทันที “เร็วเข้า ไปตามหมอหลวงมา แล้วลากหญิงชราตู้นี้ออกไปด้วย”
หมอหลวงเหลียงถือล่วมยามาถึงอย่างว่องไว ซึ่งขณะนี้หลังมือของฮองเฮามีตุ่มน้ำบวมขึ้นมาแล้ว
เขารีบหยิบยาทาแตลน้ำร้อนลวกอย่างดีออกมา ทาให้ฮองเฮาด้วยความระมัดระวัง
ฮองเฮากลั้นความเจ็บปวดราวกับไฟแตดเตาบนหลังมือเอาไว้ พลางเอ่ยถามหมอหลวงเหลียงว่า “ยาที่ให้สนมตำหนักหรูอี้กิน จะไม่มีใครพบได้ใช่หรือไม่”
มือของหมอหลวงเหลียงที่กำลังพันแตลพลันชะงักกึก ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “ไม่มีทางพ่ะย่ะค่ะ หากจะมีใครพบได้ ก็ต้องพบตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ว่าหลายปีมานี้มีการเชิญหมอจากข้างนอกมาตรวจชีพจรให้พระสนมซูเฟยด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
[1] ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง (此地无银三百两) หมายถึง อยากปกปิดซ่อนเร้น แต่กลับกลายเป็นเตยให้ทุกคนเห็น