คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 767 คู่ควรเป็นมารดาแห่งแว่นแคว้นได้อย่างไร / ตอนที่ 768 เลือกข้าง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 767 คู่ควรเป็นมารดาแห่งแว่นแคว้นได้อย่างไร / ตอนที่ 768 เลือกข้าง
ตอนที่ 767 คู่ควรเป็นมารดาแห่งแว่นแคว้นได้อย่างไร
ไป๋จื่อถอนใจเสียงดัง ก่อนจะหาเก้าอี้นั่งลง แล้วพูดโพล่งออกไปอย่างจนใจว่า “ท่านแม่ของข้าทั้งสอง ให้ข้าได้พักหายใจหน่อยไม่ได้หรือ”
ครั้นเห็นนางมีทีท่าเหนื่อยล้าเหมือนหญิงชรา จ้าวหลานและตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็คลายใจลงได้บ้าง เพราะท่าทางจะไม่มีเรื่องใหญ่อะไร หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ นางจะใจเย็นเช่นตอนนี้ไ ได้หรือ
หลังจากไป๋จื่อพักหายใจได้ครู่หนึ่งแล้ว นางถึงเปิดปากเอ่ยออกมา เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวังวันนี้ให้จ้าวหลานและตงฟางหว่านเอ๋อร์ฟัง ทั้งสองได้ฟังแล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ขึ้นมา
ตงฟางหว่านเอ๋อร์เอ่ยด้วยโทสะ “ซูฉุนกล้าไม่น้อยเลยนะ คิดว่าตอนนี้ตนเองเป็นฮองเฮาแล้วจะทำอะไรตามใจก็ได้งั้นสิ โชคดีที่วันนี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า หากนางกล้าสร้า างเรื่องที่ผิดศีลธรรมขึ้นจริงๆ ข้านี่แหละจะไปเอาชีวิตนาง”
จ้าวหลานเองก็กล่าวว่า “เป็นถึงฮองเฮา คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าใช้วิธีสกปรก นางคู่ควรเป็นมารดาแห่งแว่นแคว้นได้อย่างไรกัน”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์แค่นหัวเราะเสียงเย็น “มารดาแห่งแว่นแคว้น? นางจะคู่ควรได้อย่างไร คอยดูไปเถอะว่านางจะนั่งอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาได้อีกนานเท่าไร”
ตงฟางมู่กลับมาในเวลากลางคืน ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็พาบิดาไปซุบซิบพูดคุยกันที่โถงข้างอยู่เนิ่นนาน
ครั้นตงฟางมู่ฟังเรื่องนี้จบแล้ว เขาโมโหจนแทบจะพังโต๊ะตัวหนึ่งทิ้ง อยากจะเข้าวังไปขอคำอธิบายจากฮ่องเต้ในทันที
ทว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์รั้งเขาไว้ รีบเอ่ยว่า “จื่อเอ๋อร์ไม่ให้ข้าบอกท่าน ด้วยกลัวว่าท่าจะบุ่มบ่ามไปพบฮ่องเต้ ข้าเองก็ขอร้องให้ท่านใจเย็นลงก่อน ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรบอกท่า านเลยจริงๆ”
ตงฟางมู่มุ่นคิ้ว “จื่อเอ๋อร์ไม่ให้เจ้าบอกข้า? นางพูดเช่นนั้นจริงหรือ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร นางบอกว่าท่านตารักนางยิ่งนัก และรู้ว่านางเคยได้รับความอดสูมาก่อน ท่านย่อมไม่ยอมใจเย็นอยู่เฉยแน่ แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่าย ยก็เป็นถึงฮ่องเต้ ไปขอคำอธิบายจากพระองค์โดยไม่มีหลักฐานรับรอง เกรงว่ายากนักจะพูดจากันได้ อีกทั้งจะผิดใจกับฮ่องเต้อีกต่างหาก”
ตงฟางมู่คิดตามบุตรี และพยักหน้าในที่สุด “จื่อเอ๋อร์พูดถูกต้อง ตอนนี้ในมือพวกเราไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ไปพบฮ่องเต้ก็ไม่อาจเอาผิดพวกเขาได้ เพราะพวกเขาล้วนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ป แต่จะให้ข้ากลั้นโทสะนี้เอาไว้หรือ” เขามุ่นคิ้วเข้าหากันจนแน่น บนใบหน้ามีแต่ความโกรธเกรี้ยว
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ส่ายศีรษะ “จื่อเอ๋อร์เหมือนจะมีแผนการแล้ว พวกเราทำตามนางก็ใช้ได้เจ้าค่ะ”
ไหนเลยตงฟางมู่จะรอไหว เขาไปที่เรือนของไป๋จื่อในทันใด โชคดีที่ไป๋จื่อยังไม่เข้านอน ขณะนี้นางกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้แสงตะเกียง
“จื่อเอ๋อร์ เจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เจ้าเล่าแผนการมาให้ข้าสบายใจเถอะ ตาผู้นี้จะจัดการตามที่เจ้าว่าเอง!”
ไป๋จื่อรู้สึกอบอุ่นใจนัก นี่สิถึงจะเป็นครอบครัว คนที่ก้าวออกมาปกป้องนางยามที่ถูกรังแก เกิดโทสะแทนนางโดยที่ไม่มีเงื่อนไงเช่นนี้ มีเพียงครอบครัวของนางเท่านั้นแหละ
เด็กสาวยิ้มตาหยีมองเขานั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเทน้ำชาให้เขาจอกหนึ่ง ถึงจะเอ่ยปากได้ “ท่านตา วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับข้าทั้งนั้น ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าทุกครั้งที่ข้า เสี่ยงอันตรายก็ได้เจ้าค่ะ”
ตงฟางมู่โบกมือ “ไม่ได้หรอก หลานสาวของข้าตงฟางมู่ถูกรังแก แค้นนี้ข้าต้องชำระให้อยู่แล้ว”
ไป๋จื่อพยักหน้าในทันที “แค้นนี้ย่อมต้องชำระแน่นอนเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“แท้จริงแล้วเจ้าวางแผนอะไรไว้กันแน่ เหตุใดไม่ใช่ตอนนี้” ตงฟางมู่ถาม
ฝ่ายไป๋จื่อหัวเราะเบาๆ “ท่านตา ฉู่เฟิงอิจฉาฉู่เยี่ยนมาโดยตลอดไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาทำเช่นนี้กับข้าก็เพราะต้องการการสนับสนุนของท่าน สนับสนุนให้เขาเป็นไท่จื่อ สนับสนุนให้เขานั งบัลลังก์ฮ่องเต้ นี่ต่างหากถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา”
ตงฟางมู่รู้เรื่องเหล่านี้ดีอยู่แก่ใจ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวเช่นไป๋จื่อจะพูดออกมาเช่นกัน
“เจ้าต้องการจะพูดอะไร” ตงฟางมู่ถาม
……….
ตอนที่ 768 เลือกข้าง
“บทลงโทษที่โหดร้ายที่สุดต่อคนผู้หนึ่ง ก็คือไม่ให้เขาได้ในทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ และให้เขามองอำนาจล้นฟ้าในมือหายวับไปกับตา บุรุษเป็นเช่นนี้ สตรีก็เช่นเดียวกัน”
ตงฟางมู่ตาเป็นประกาย บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “เจ้าต้องการให้เซียวอ๋องและฮองเฮากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งใต้หล้า แม้กระทั่งถูกดูถูกดูแคลนสารพัด เช่นนั้นแล้วฮ่องเต้ถึงจะมีเหตุผลขับไล ล่พวกเขาใช่หรือไม่”
รอยยิ้มของไป๋จื่อหยั่งลึกขึ้น “ท่านตา ข้าไม่เข้าใจเรื่องอำนาจเท่าไร และไม่รู้ว่าควรรับมือกับพวกเขาอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ท่านกับฉู่เยี่ยนจะต้องมีวิธีรับมือกับพว วกเขาแน่ ถูกต้องหรือไม่”
ตงฟางมู่แค่นหัวเราะ “ข้าตงฟางมู่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเลือกข้าง องค์ชายทุกองค์ต้องการอำนาจ ก็จำต้องพึ่งความสามารถของตนเอง ฉู่เยี่ยนมีความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะความพ พยายามของตัวเขาเอง แม้ข้าจะเป็นอาจารย์ของเขา แต่กลับไม่เคยช่วยอะไรเขาอย่างเป็นทางการ ทุกก้าวย่างของเขาก็เป็นเขาที่เดินเอง”
นี่เป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดที่เขาชื่นชมฉู่เยี่ยน ส่วนฉู่เฟิง ตัวเกิดเป็นองค์ชาย โตมาเป็นองค์ชาย อายุมากกว่าฉู่เยี่ยนเพียงสองปี แต่กลับไม่เคยแสดงแบบอย่างที่ดีของการเป็นพี่ชาย ยเลยสักวัน มีแต่แสดงอำนาจของตนเองในราชสำนัก ตราบใดที่ไม่มีบทลงโทษกับเหล่าราชนิกูลอย่างถูกต้อง เขาล้วนสร้างเรื่องได้ทั้งสิ้น หากคนเช่นนี้ได้เป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นแล้วอนาคตที แคว้นฉู่จะล่มสลายก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
ฉู่เฟิงได้ขึ้นตำแหน่งชินอ๋อง ประคับประคองเสด็จแม่ของเขาสู่ตำแหน่งฮองเฮา ความจริงแล้วก็เป็นเพราะชัยชนะที่ฉู่เยี่ยนได้รับที่แนวหน้าเมื่อหลายปีก่อน
หลังจากฉู่เยี่ยนหายตัวไป เขาก็แย่งทุกสิ่งทุกอย่างของน้องชาย รับช่วงต่ออำนาจทั้งหมดทางตะวันตกเฉียงเหนือของฉู่เยี่ยน ฮ่องเต้เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา แม้พระองค์จะไม่ได้พูดอะไร แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์เลอะเลือน แยกแยะจริงเท็จไม่ได้
ฮ่องเต้รู้ทุกอย่างชัดแจ้งแก่ใจ แต่เพื่อให้ราชสำนักสงบสุข พระองค์ทำได้เพียงประนีประนอม ลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องบางเรื่อง
ทว่าสิ่งสำคัญและหลักการในใจของพระองค์ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่งตั้งฉู่เฟิงเป็นชินอ๋อง ด้านตำแหน่งฮองเฮาให้ซูฉุนรับไว้ชั่วคราวก็ไม่เป็นไร เพราะใครจะนั่งตำแ แหน่งนี้ไปจนถึงท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ได้
“ข้าเคยสาบานต่อหน้าแท่นบรรทมของฮ่องเต้องค์ก่อน เพื่อความสงบสุขของราชสำนัก ข้าจะไม่เลือกยืนข้างใดข้างหนึ่ง ไม่แม้กระทั่งฝั่งราชสำนัก หรือแม้กระทั่งอำนาจทางทหาร ทว่าตอนนี้สถานกา ารณ์ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป หากข้าสืบต่อคำสาบานต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง อนาคตของแคว้นฉู่ก็ต้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
ไป๋จื่อเลิกคิ้ว “ท่านจะเลือกข้างแล้วหรือเจ้าคะ” ความเบิกบานในบนใบหน้าของนางพลันหายวับไป ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หัวใจของนางมีความรู้สึกผิดหวังอันเข้มข้นเอ่อขึ้นมาในทันใด
ตงฟางมู่พยักหน้า “แคว้นฉู่ต้องการผู้นำที่ปราดเปรื่อง มีเพียงผู้นำที่ปราดเปรื่องเท่านั้น แคว้นฉู่ถึงจะแข็งแกร่งเกรียงไกรต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นเมื่อกำลังความสามารถของแคว้นลดน้อยลง แค คว้นใกล้เคียงเหล่านั้นที่เดิมทีจับจ้องแคว้นฉู่ตาเป็นมันก็จะกรูกันเข้ามาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ย่อมเป็นเวลาล่มสลายของแคว้น ประชาชนแคว้นฉู่จะต้องตกอยู่ในอันตรายไปตลอดกาล”
ไป๋จื่อก้มลงมองพื้น พลางร้องอ๋อเบาๆ เสียงหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงข้างกายตงฟางมู่ รินน้ำชาให้ตนเองจอกหนึ่ง แล้วดื่มมันอย่างเชื่องช้า
เห็นท่าทางแปลกประหลาดของนางแล้ว ตงฟางมู่ก็ถามว่า “จื่อเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป ไม่ชอบใจหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า ฝืนยิ้มออกมา “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะไม่ชอบใจได้อย่างไรกัน ข้าชอบใจมากต่างหาก”
ตงฟางมู่มองไป๋จื่อไม่ออก เด็กคนนี้คล้ายกับเกิดมาพร้อมหัวใจอันแข็งแกร่ง มีความคิดโลดแล่นอยู่มากมาย เขาจึงไม่รู้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่
ความรู้สึกของไป๋จื่อพลันดำดิ่ง หลังจากส่งตงฟางมู่ออกจากเรือนไปแล้ว นางก็นอนเหม่อลอยอยู่บนเตียง
หากมีสักวันหนึ่งที่ฉู่เยี่ยนได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จริงๆ เช่นนั้นแล้วนางจะทำอย่างไร หรือว่านางจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในวังหลังกินคนเช่นนั้นไปตลอด