คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 773 หลับตาค้นโลง / ตอนที่ 774 ข้านี่แหละอาซื่อ
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 773 หลับตาค้นโลง / ตอนที่ 774 ข้านี่แหละอาซื่อ
ตอนที่ 773 หลับตาค้นโลง
จิ่นเอ๋อร์รีบกล่าว “แต่องค์หญิงยังมีลมหายใจและชีพจรอยู่เลย ง่ายนักที่จะถูกจับได้”
โจวกังว่า “ไม่ง่ายขนาดนั้นกระมัง อีกเดี๋ยวข้าจะหาแผ่นไม้ที่เหมาะสมมาปิดไว้ด้านบน แล้ววางศพหนึ่งไว้บนแผ่นไม้ เจาะรูสองรูให้หายใจที่ใต้โลง ย่อมปลอดภัยแน่”
คราวนี้จิ่นเอ๋อร์ถึงได้วางใจ ทันใดนั้นจมูกก็ได้กลิ่นสะอิดสะเอียดอีกระลอก จึงหมุนกายไปอาเจียนไม่ยอมหยุด
ครั้นอาเจียนเสร็จแล้ว นางก็พบว่าสีหน้าของหูเฟิงและโจวกังคงเป็นปกติ ราวกับไม่ได้กลิ่นเหล่านั้นก็ไม่ปาน
“พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นหรือ”
โจวกังยิ้ม “ใช้ปากหายใจก็ไม่ได้กลิ่นแล้ว”
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง “ต่อให้ไม่ได้กลิ่น แต่ก็ยังมองเห็นอยู่ดี พวกเจ้าไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างเลยหรือ”
โจวกังยักไหล่ “สบาย ชินแล้วก็ดีขึ้น!” ศพในสนามรบมีมากมายกว่านี้เยอะ พวกเขาไปมาอยู่ในภูเขาศพ ทะเลเลือดมาหลายปี หากแม้แต่ความกล้าแค่นี้ก็ไม่มี เช่นนั้นแล้วจะไปสู้กับใครได้
ชินแล้วก็ดีขึ้น?
หูเฟิงว่า “เจ้าก็อยู่ในสถานพักม้าที่เต็มไปด้วยศพตั้งหลายวัน ตอนนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรือ”
เอ่อ…ก็ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ นั่นแหละ บางครั้งคนก็ลืมความหวาดกลัวไปเสียสนิท
ตอนอยู่ที่สถานพักม้าก็เป็นเช่นนั้น นางคิดเพียงแต่จะปกป้ององค์หญิง จึงลืมคิดถึงเรื่องอื่นไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะสนใจว่าในสถานพักม้ามีศพอยู่มากน้อยเท่าไร
ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้กลับต่างออกไป บุรุษสองคนนี้ช่วยนางออกมาแล้ว บัดนี้นางคล้ายกับมีที่พึ่งพิง ความอ่อนแอเหล่านั้นของตรีจึงกำเริบออกมาบ้าง
…
เมื่อฟ้าสาง ประตูเมืองยังคงปิดสนิทแน่น ส่วนคนที่คอยไล่ตามหาคนร้ายก็ยังคงไม่พบอะไร
“เจ้าบอกว่าหลังจากลดขอบเขตลงแล้ว จะต้องพบตัวอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือ” ใต้เท้าเฉียนมองชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
ขณะนี้ชายหนุ่มหน้าดำเป็นตอตะโก ประกายตาน่าหวาดหวั่นนัก “ใต้เท้า ขอเพียงตามหาต่อไปอีกสองสามชั่วยาม ข้าต้องพบพวกเขาแน่ขอรับ”
ทันใดนั้นก็มีคนถลันเข้ามาจากข้างนอก “ใต้เท้า ในและนอกเมืองมีชาวบ้านรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก กำลังขอร้องให้เปิดประตูเมืองขอรับ”
ใต้เท้าเฉียนหลับตา เขาขมวดคิ้วเป็นปมยุ่งเหยิง “เช่นนั้นก็เปิดเถอะ!”
ครั้นชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ร้องเรียกในทันที “เปิดไม่ได้นะขอรับ เมื่อเปิดประตูเมืองแล้ว พวกเขาต้องถือโอกาสหนีออกไปแน่ ถึงตอนนั้นต่อให้พวกเราอยากจับพวกเขาก็ยากยิ่งกว่ายากแล ล้วขอรับ”
ใต้เท้าเฉียนเบิกตาโพลงทันควัน ก่อนจะถลึงตามองเขาอย่างดุร้าย เอ่ยด้วยโทสะว่า “ประตูเมืองนี้ไม่ใช่ของเจ้า และไม่ใช่ของข้าด้วยเช่นกัน จะขังคนที่อยู่ข้างในเมืองย่อมได้ แต่ขัง คนที่อยู่ข้างนอกเมืองไม่ได้ ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงเท่าไรนัก เพียงวันเดียวเท่านั้น เรื่องอะไรต่อมิอะไรก็ลือไปถึงเมืองหลวงแล้ว หากฮ่องเต้ทรงทราบว่าข้าปิดตายเมือง ไม่ ให้ชาวบ้านเข้าออก ฮ่องเต้ย่อมพระราชทานโทษฐานกบฏให้ข้า เช่นนั้นข้าไม่มีทางรักษาหัวให้อยู่บนบ่าได้แน่นอน ไม่เพียงแค่ข้าเท่านั้น จวนสกุลเฉียนของข้าที่มีคนอาศัยอยู่นับร้อย ยก็ต้องตกตายไปตามๆ กัน”
ชายหนุ่มกัดฟัน “เรื่องนี้สำคัญนัก ไม่ว่าอย่างไรก็เปิดประตูเมืองไม่ได้ขอรับ”
ตอนนี้ใต้เท้าเฉียนเพิ่งพบว่าอาซื่อที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปจากอาซื่อที่เขาพบเห็นเป็นประจำเป็นอย่างมาก นอกจากใบหน้านี้แล้ว น้ำเสียงยามพูดจา การแสดงความรู้สึกบนสีหน้า ความดุดั นยามกัดฟัน ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อนึกถึงแผนภาพที่เขานำออกมาเมื่อคืน ใต้เท้าเฉียนก็พลันรู้สึกหวั่นใจ หรือว่าอาซื่อผู้นี้จะไม่ใช่อาซื่อ และแผนภาพนั้นเป็นหลุมพรางบางอย่าง
ใต้เท้าเฉียนฝืนให้ตนเองใจเย็นลง พลางชำเลืองสายตาไปอีกทาง มองไปยังเจ้าพนักงานที่เข้ามารายงาน “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เปิดประตูเมือง ทว่าตรวจตราทุกคนอย่างเข้มงวด ขอเพียงมีจุดที่ น่าสงสัยเพียงเล็กน้อย ก็ให้จับไว้ทั้งหมด”
ชายหนุ่มอยากห้าม ทว่าเจ้าพนักงานคนนั้นรีบร้อนไปแล้ว เขาร้อนใจอยากจะตามไป แต่กลับถูกองครักษ์คนสนิทของใต้เท้าเฉียนขวางเอาไว้เสียก่อน
……….
ตอนที่ 774 ข้านี่แหละอาซื่อ
ชายหนุ่มหมุนกาย แววตาเย็นชาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของใต้เท้าเฉียน “ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไร”
ใต้เท้าเฉียนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายอยู่ในท่าทางเกียจคร้าน เขาเอ่ยว่า “ยังพูดไม่รู้เรื่องก็จะไปเสียแล้วหรือ”
ชายหนุ่มร้อนใจดังไฟแผดเผา เขาได้รับคำสั่งเด็ดขาดมา หากทำไม่สำเร็จ เขาก็ไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แล้ว ทว่าใต้เท้าเฉียนตรงหน้าผู้นี้ไม่เพียงไม่ทำสิ่งที่ตนเองควรทำ กลับฉุดรั้งเข ขาไว้ แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร
“พูดอะไรหรือขอรับ ข้ายังมีอะไรต้องพูดอีกหรือ” เขาลืมสถานะของตนเองไปชั่วขณะ ลืมไปว่าใต้เท้าเฉียนผู้นี้ยังไม่รู้ตัวตนของเขา
ใต้เท้าเฉียนแค่นเสียงเย็นชา “ปากกล้าทีเดียวนะ พูดมาเถอะ แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นอาซื่อด้วย”
ฝ่ายชายหนุ่มก็แค่นเสียงเย็นชาเช่นกัน “ปลอมตัว? ข้านี่แหละอาซื่อ เพียงแต่ข้าไม่ได้มีเพียงตัวตนที่ชื่อว่าอาซื่อเท่านั้นเอง”
สายตาของใต้เท้าเฉียนตกลงบนแผนภาพที่อยู่ในมือเขา ขณะนี้คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว “เจ้าเป็นคนวาดแผนภาพนี้กระมัง” การจะวาดแผนภาพนี้ออกมาให้ได้ ไม่ใช่ว่าใช้เวลาเพียงสั้น ๆ ก็ทำได้ อีกทั้งคนผู้นี้จำต้องมีฐานะที่สำคัญในเมืองจินหยางแห่งนี้ รวมถึงมีเวลาว่างมาก ไม่ดึงดูดสายตาผู้อื่น เงื่อนไขเหล่านี้ตรงกับฐานะของอาซื่ออย่างสมบูรณ์แบบ
อาซื่อพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเป็นคนวาดแผนภาพนี้เอง ข้าใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะวาดออกมาสำเร็จ ตอนนี้เกือบจะได้ใช้งานมันแล้ว แต่เจ้า…” เขาไม่ได้พูดต่อจนจบ เพราะถึงจุดที่ไม่คว วรพูดออกมาแล้ว ขืนพูดต่อไปต้องทำเสียเรื่องแน่นอน
ใต้เท้าเฉียนเริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เกือบได้ใช้งานมันแล้ว? ใช้งานอะไร มันใช้ทำอะไรได้” เขารีบถาม
อาซื่อหัวเราะเย้ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ตอนนี้ยังไม่สาย ถ่ายทอดคำสั่งปิดประตูเมือง อย่าให้พวกเขาหนีออกไปได้ ไม่เช่นนั้นทั้งเจ้าและข้าก็รักษาหัวให้อยู่บนบ่าไม่ได้แล้ว”
ใต้เท้าเฉียนรีบกล่าว “พวกเขาหนีไปไม่ได้ คนที่เข้าออกเมืองล้วนต้องถูกตรวจสอบ อีกทั้งพวกเขามีคนที่ใกล้ตายอยู่ด้วย จะหนีรอดไปได้อย่างไร”
อาซื่อตะคอกทันควัน “เจ้าเลอะเลือนหรือไร พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา หากจะแฝงตัวออกไป เจ้าคิดว่ายากนักหรือไร ลูกน้องเหล่านั้นของเจ้าจะมีฝีมือสักเท่าไรกันเชียว เจ้าแน่ใจในฝีมือของพวก กเขาใช่หรือไม่”
ประโยคนี้ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง แต่กลับเป็นความจริงทุกพยางค์ กระนั้นใต้เท้าเฉียนก็ยังคงไม่คิดจะออกคำสั่ง “หากตอนนี้ข้าปิดเมืองโดยที่ไม่มีเหตุผล แล้วเกิดไม่ถูกใจผูกรากมากดีจากเ เมืองหลวงข้างนอกประตูเมืองนั่น เขาต้องไปรายงานการกระทำของข้าแน่นอน ถึงตอนนี้ฮ่องเต้มีคำสั่งลงโทษลงมาแล้ว ไม่เพียงข้าเท่านั้นที่จะต้องตาย ครอบครัวของพวกข้าทั้งหมดก็จะต้องตาย ด้วยเช่นกัน”
อาซื่อหัวเราะอย่างเย็นชา “แต่หากวันนี้เจ้าปล่อยให้พวกเขาไป เกรงว่าแม้แต่พระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ เจ้าก็ไม่มีทางได้เห็นแล้ว”
ใต้เท้าเฉียนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “เจ้าอย่าได้เขียนเสือให้วัวกลัว ข้ารับราชการรับใช้ราชสำนัก หากไม่มีพระราชโองการของฮ่องเต้ ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง”
อาซื่อส่ายหน้า ปกติแล้วเขารู้สึกว่าใต้เท้าเฉียนผู้นี้ฉลาดเฉียบแหลม ไยตอนนี้เขากลับเลอะเลือนถึงเพียงนี้ได้
“ใต้เท้าเฉียน เจ้าลืมสิ่งที่เจ้ากำลังทำตอนนี้แล้วหรือ ตั้งแต่เจ้าลงเรือลำนี้ ก็เท่ากับเจ้าหักหลังฮ่องเต้ไปแล้ว เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วละ”
ใต้เท้าเฉียนชะงัก “เจ้าพูดมั่วแล้ว ข้าไปหักหลังฮ่องเต้ตั้งแต่เมื่อไร ข้าไม่เคยทำ”
“ปากเจ้าบอกว่าไม่เคยทำ แต่เจ้าทำไปแล้ว ต่อให้คุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ เขกศีรษะสักหมื่นครั้งบอกว่าเจ้าไม่ได้ทำ ก็เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อแล้ว”
เบื้องหน้าของใต้เท้าเฉียนพลันดำมืด เพียงรู้สึกว่าปวดศีรษะจนแทบจะระเบิด เสียงดังหึ่งๆ เกิดขึ้นเป็นระลอก คำพูดนั้นวนเวียนอยู่หลายรอบไม่ยอมหยุด ‘เจ้าหักหลังฮ่องเต้ไปแล้ว เจ้าหั กหลังฮ่องเต้ไปแล้ว’… แต่เขาไม่ได้ทำ เขาไม่ได้ทำสักหน่อย เขาคิดว่าเรื่องที่ตนเองกำลังทำเป็นความต้องการของฮ่องเต้ ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็เป็นโอรสของฮ่องเต้นะ!