คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 779 คำสาบานที่ลืมไปนานแล้ว / ตอนที่ 780 เผยชิงหาน ท่านทำผิดมหันต์
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 779 คำสาบานที่ลืมไปนานแล้ว / ตอนที่ 780 เผยชิงหาน ท่านทำผิดมหันต์
ตอนที่ 779 คำสาบานที่ลืมไปนานแล้ว
ยามที่ผ้าปิดหน้าสีแดงถูกเปิดออก เขาดีใจเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง มองนางพลางยิ้มอย่างโง่งม ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เขาพลันหมุนกายเดินไปที่หน้าต่าง เพื่อเปิดหน้าต่างออก ก่อนจะคุกเล่าลงสาบานต่อท้องฟ้าข้างนอก
‘ข้าเผยชิงหานขอสาบาน ณ ที่ตรงนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะรักหว่านเอ๋อร์เพียงผู้เดียว หากข้าผิดคำสาบานนี้ ขอให้ฟ้าผ่าตาย ไม่อาจตายดี!’
คำสาบานที่เดิมทีลืมไปนานแล้ว บัดนี้ดังวนเวียนอยู่ที่ข้างหูโดยพลัน
ประตูใหญ่ของจวนตงฟางเปิดออก ข้ารับใช้คนสนิทของตงฟางมู่เร่งฝีเท้าเดินออกมา ทันทีที่เห็นเผยชิงหาน เรียวคิ้วของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่เบี่ยง กายให้นายใหญ่ออกมาเท่านั้น
ตงฟางมู่สาวเท้าก้าวใหญ่ออกมาจากประตู มองเงาร่างที่ซึมเซาท่ามกลางลมหนาวของเผยชิงหาน เขามุ่นคิ้วทันที ตะคอกว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ไปพบกันที่กรมพระค คลัง”
กรมพระคลังเป็นสถานที่ที่จัดการเรื่องสำมะโนประชากรโดยเฉพาะ รายงานประชากรจากที่ต่างๆ จะถูกส่งมาที่กรมพระคลัง คนทั่วไปไม่มีทางไปจัดการธุระที่ศาลาว่าการ นอกเสียจากจะมีสถานะพิเศษ
สถานะของตงฟางมู่ย่อมพิเศษ และที่เขานัดหมายกับเผยชิงหานในสถานที่เช่นนั้น ก็มีเพียงเป้าหมายเดียวเช่นกัน นั่นก็คือให้ตงฟางหว่านเอ๋อร์แยกทางกับเขา
เผยชิงหานก็รู้เรื่องเหล่านี้ดีเช่นกัน ดังนั้นถึงได้ดักอยู่ที่นอกประตูจวนสกุลตงฟางตั้งแต่เช้าตรู่ หวังว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้
เบื้องหลังตงฟางมู่มีคนเดินตามมาด้วย เป็นสตรีสวมผ้าปิดหน้าคนหนึ่ง สาวใช้ที่ประคองนางคนหนึ่ง และเด็กสาวที่มัดมวยผมสองมวยอีกคนหนึ่ง
เด็กสาวก็คือไป๋จื่อที่เขาเคยพบ เป็นบุตรีของเขาและหว่านเอ๋อร์ บุตรีแท้ๆ!
ส่วนสตรีที่สวมผ้าปิดหน้าก็คือตงฟางหว่านเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย
เขาไม่ได้ตอบสิ่งที่ตงฟางมู่ถาม เพียงแต่มองดวงตาที่เลือนรางภายในผ้าปิดหน้า “หว่านเอ๋อร์ เป็นข้าที่ผิดเอง ข้าทำผิดมหันต์ ไม่ควรฟังคำยุยงของคนชั่วเช่นนั้น จนต้องแยกกับเจ้าเ เป็นเวลาหลายปี ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าขอร้องเจ้าละ อย่าแยกทางกับข้าเลยนะ กลับไปกับข้าเถอะ ข้าจะชดเชยให้พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่างดีแน่นอน ข้าสาบาน ข้า…”
“ท่านสาบาน?” ดวงตาในผ้าปิดหน้าทอประกายแปลกประหลาด แววตานั้นเหมือนจะเรียบสงบ แต่กลับเจือความถากถางไว้ด้วย “คำสาบานที่ท่านเคยกล่าวไว้ในตอนนั้น ยังจำได้อยู่หรือไม่ คำสาบานข ของท่านสลักสำคัญอะไรกัน”
นางไม่ได้ตบหน้าเขา แต่เขากลับรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า เจ็บมาก
เผยชิงหานรีบพูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเลอะเลือนไป ข้าสมควรตายแล้ว”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่ไปตายเสียที” น้ำเสียงเย็นชาของตงฟางหว่านเอ๋อร์ดังเข้าไปในหูของเขา มันทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน
คำพูดเช่นนี้ เขาเหมือนจะเคยได้ยินนางพูดมาก่อนเช่นกัน
คืนนั้นเขาถลันไปที่เรือนของนางทั้งๆ ที่ดื่มสุราเมามายกลับมา
เขาไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไปบ้าง จำได้เพียงใบหน้าขาวซีดของหว่านเอ๋อร์ที่มองเขา ราวกับมองคนที่ไม่เคยรู้จักกันคนหนึ่ง นางถามว่า ‘ข้าทำผิดอะไรนักหนา เหตุใดท่านถึงต้องทำ ำกับข้าเช่นนี้ ท่านอยากให้ข้าตายจริงๆ ใช่หรือไม่’
ตอนนั้นเขาตอบกลับไปประโยคหนึ่ง ‘เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ไปตายเสียที’
เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ไปตายเสียที
ที่แท้คำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของคนที่รัก มันเสียดแทงหูขนาดนี้ ทำให้รู้สึกเจ็บหัวใจถึงเพียงนี้เลยหรือนี่
ตั้งแต่วันนั้น หว่านเอ๋อร์ก็ไม่มองเขาแม้สักครั้งเดียว และไม่พูดจากับเขาด้วยเช่นกัน
ตงฟางหว่านเอ๋อร์เห็นเขาชะงักงันไป จึงเอ่ยอีกว่า “ท่านพูดกับข้าเช่นนี้ในวันนั้น แม้ร่างกายข้าจะซูบผอม ไร้เรี่ยวแรง แต่ข้าก็ยังฝืนมีชีวิตต่อไปเพราะเห็นแก่ท่านพ่อ แต่เผยชิ งหาน ท่านเห็นแก่อะไรบ้างหรือไม่ ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี เหตุใดท่านไม่ไปตายเสียที”
เผยชิงหานอ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ เมื่อเผชิญหน้ากับวาจาตำหนิของหว่านเอ๋อร์ เขาไม่อาจพูดอะไรตอบนางได้เลย ความผิดที่เขาเคยทำ คำพูดชั่วร้ายที่เขาเคยเอ่ย ในวัน นนี้ล้วนคืนสนองเขาทั้งสิ้น
……….
ตอนที่ 780 เผยชิงหาน ท่านทำผิดมหันต์
ตงฟางมู่โมโหจนอยากจะเตะคนตรงหน้านี้ให้ตายไปเสีย ที่แท้บุตรีของเขาได้รับความอดสูมากมายเช่นนี้ตั้งหลายปี เผยชิงหานผู้นี้น่ารังเกียจนัก เขามีสิทธิ์อะไรมาทำเช่นนี้กับบุตรี ของตนกัน
ที่แท้หากไม่ใช่เพราะบิดาเช่นเขายังแข็งแรงอยู่ และไม่อยากให้เขาเจ็บปวดเพราะความทรมานของนาง นางคงไม่ใช้ชีวิตอย่างกล้ำกลืนฝืนทน คอยรับความเย็นชาและไม่เป็นธรรมทั้งหมด แต่ก็ ไม่กล้าแสดงความรู้สึกต่อหน้าเขา
เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นบิดาเอาเสียเลย!
ตงฟางมู่สูดหายใจเข้าลึกๆ กดกลั้นความรู้สึกเคียดแค้นเอาไว้ ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดมากความอีก ไปที่กรมพระคลังเดี๋ยวนี้”
เผยชิงหานถลาไปคุกเข่าลงตรงหน้าตงฟางมู่ “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้วขอรับ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ในอดีตเป็นข้าที่โง่เง่าเอง คนอื่นคอยชักใยให้ทำเรื่องร้ายกาจกลับไม่รู้ตัว แต่วันนี ข้ารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจแยกทางกับหว่านเอ๋อร์ได้ ข้าทำไม่ได้จริงๆ ขอรับ! ท่านพ่อ…ข้าขอร้องท่าน!” เขาโขกศีรษะให้ตงฟางมู่เสียงดังอย่างยิ่ง จนหน้าผากข ของเขาแดงไปทั้งผืนแล้ว
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เผยชิงหานในความทรงจำของนางเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีของตนเองอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่คุกเข่าโขกศีรษะบนถนนที่คนเดินไปมาขวักไขว่เลย การพูดเสียงดังใส่เขาเช่นนี้ เขาต้องไม่พอใจแน่
ตงฟางมู่กำลังคิดจะหมุนกายเดินไป แต่กลับได้ยินไป๋จื่อถามว่า “ท่านบอกว่ามีคนชักใยให้ท่านทำเรื่องร้ายกาจ คนผู้นั้นเป็นใครหรือ แล้วชักใยท่านอย่างไร”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ที่กำลังมองไปทางอื่นก็หันหน้ากลับมาเช่นกัน สายตาของนางตกลงบนร่างของเผยชิงหานที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น นี่เป็นสิ่งที่นางอยากรู้มาโดยตลอดเช่นกัน เมื่อก่อ อนนางเคยถามเผยชิงหาน แต่เขาไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น
เผยชิงหานยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เอ่ยเสียงสะอื้น “เป็นซ่งเหอเซียง นางหลอกข้า นางบอกว่า…”
คำพูดบางคำอัดอั้นอยู่ในใจอยู่สิบกว่าปี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยพูดออกมา
ตงฟางมู่โมโหหนัก “เจ้ามีอะไรก็พูดออกมา หากไม่อยากพูดก็ไสหัวไปเสีย!”
ไหนเลยเผยชิงหานจะกล้าลังเลอีก เขาก้มหน้าก้มตาพูดว่า “นางบอกว่าเด็กที่หว่านเอ๋อร์คลอดออกมาในปีนั้น เป็นการคลอดอย่างครบกำหนด ไม่ใช่คลอดก่อนกำหนดขอรับ!”
ตงฟางมู่ไม่ได้หันกลับมาในทันที ด้วยยังไม่เข้าใจความหมายในวาจาของเขา แต่ตงฟางหว่านเอ๋อร์กลับพลันอ่อนแรง โชคดีที่สาวใช้และไป๋จื่อที่อยู่ข้างๆ ประคองนางเอาไว้อยู่
ตงฟางหว่านเอ๋อร์โมโหจนรู้สึกเจ็บหน้าอก เกือบจะหน้ามืดสลบไป นิ้วมือของนางที่ชี้หน้าเผยชิงหานสั่นเครือ “นางพูดเช่นนั้น ท่านก็เชื่อแล้วหรือ”
“ตอนนั้นนางซื้อตัวหมอตำแยที่ทำคลอดให้เจ้า ข้าถามหมอตำแยแล้ว นางบอกเช่นกันว่าเด็กครบกำหนดคลอดพอดี ไม่ใช่คลอดก่อนกำหนดโดยสิ้นเชิง ในเวลานั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเชื่อวาจาของนางไปได ด้อย่างไร ข้า…ข้าสมควรตายจริงๆ!” เผยชิงหานพูดพลางตบหน้าตนเองแรงๆ ครั้งหนึ่ง
“ท่านสมควรตายจริงๆ เพราะท่านไม่มีแม้แต่ความเชื่อใจสักเล็กน้อยระหว่างสามีภรรยา มิน่าเล่าพวกเราถึงได้มีวันนี้ เผยชิงหาน ท่านทำผิดมหันต์นัก”
นางคว้ามือไป๋จื่อที่อยู่ข้างกาย เอ่ยอีกว่า “บุตรีที่น่าสงสารของข้าคนนี้ถูกท่านพรากไปตั้งสิบสามปี ท่านรู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้บุตรีของข้าต้องทุกข์ทรมานเพียงใด”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พูดทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หยุดร้องไห้ไม่ได้ สองสามวันนี้จ้าวหลานเล่าเรื่องของจื่อเอ๋อร์ให้ฟังตั้งมากมาย บุตรีของพวกนางได้รับความทุกข์ยากมาหลายปี ความท ทุกข์ยากเหล่านั้นแม้แต่นางเองก็จินตนาการไม่ออกเลยด้วยซ้ำ จื่อเอ๋อร์แม้กระทั่งเกือบตายอยู่หลายครั้งทีเดียว
บุตรีของนางตงฟางหว่านเอ๋อร์ เดิมทีควรจะใช้ชีวิตเหมือนสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง อย่าว่าแต่ความรุ่งโรจน์และร่ำรวยเลย อย่างน้อยก็ต้องได้เติบใหญ่อย่างแข็งแรง ปลอดภัยไร้กังวล
แต่บุตรีของนางกลับเติบใหญ่ท่ามกลางความทรมานที่ต้องทนทุกข์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถึงจะเป็นบุตรของสาวใช้ในจวนก็ยังมีชีวิตที่ดีกว่านางเสียอีก