คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 83 หยางซื่อเกินไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้ / ตอนที่ 84 คืนเงิน
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 83 หยางซื่อเกินไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้ / ตอนที่ 84 คืนเงิน
ตอนที่ 83 หยางซื่อเกินไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้
“ไร้เหตุผล? ดูท่าเจ้าจะไม่รู้เส้นสนกลในสินะ ช่างเถอะ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง ว่าเหตุใดวันนี้ข้ามาทำลายข้าวของของสกุลไป๋ที่นี่”
หยางซื่อเกินหันหน้าไปมองหาเงาร่างของหลิวซื่อในลานบ้าน ก่อนจะยื่นมือชี้ไปที่นาง “หลิวซื่อผู้นี้ ก่อนหน้านี้นางไปที่หมู่บ้านไป๋หยางของพวกข้า บอกว่าในบ้านมีเด็กสาวรอแต่งงานผู้หนึ่งต้องการหาบ้านสามี จึงถามดูว่าในหมู่บ้านไป๋หยางมีครอบครัวที่เหมาะสมหรือไม่”
“หนุ่มโสดในหมู่บ้านไป๋หยางมีไม่น้อย ข้าหยางซื่อเกินเป็นเพียงหนึ่งในนั้น หลังจากหลิวซื่อถามไถ่อยู่หลายบ้าน สุดท้ายนางก็ตัดสินใจดองกับข้า ตอนนั้นตกลงกันไว้ดิบดี ทั้งยังให้เงินสินสอดนางไปสิบตำลึงเงิน นัดกับว่าสามวันให้หลังจะมารับคน”
ครั้นหัวหน้าหมู่บ้านฟังถึงตรงนี้ ในใจเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จึงถลึงตามองหญิงชราและหลิวซื่อด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง สตรีใจร้ายสองนางนี้ นับวันยิ่งไม่เข้าท่า ไป๋จื่อเพิ่งจะอายุเท่าไร ก็หาบุรุษโหดเหี้ยมเช่นนี้ให้นางเสียแล้ว อายุของเขามากกว่าเจ้ารองเสียอีก ใช้ได้เสียที่ไหนกัน?
“เดิมทีเป็นเรื่องมงคลแท้ๆ ข้าก็เตรียมตัวทุกอย่างอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว รอเพียงพรุ่งนี้จะมารับตัวเจ้าสาวที่หมู่บ้านหวงถัว แต่ใครจะรู้ ว่าวันนี้จะได้ยินว่าหลายวันก่อนคนสกุลไป๋ตีไป๋จื่อจนบาดเจ็บ อีกทั้งหลังจากนี้นางจะให้กำเนิดลูกไม่ได้แล้ว เจ้าว่าข้าจะแต่งงานกับสตรีที่ให้กำเนิดลูกไม่ได้ไปทำอะไร? ให้เชยชมเหมือนแจกันดอกไม้หรือ?” หยางซื่อเกินกล่าวต่อ
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า “ที่แท้เป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำลายข้าวของที่นี่กระมัง? มีอะไรพูดจากันดีๆ ไม่ได้หรือ”
หยางซื่อเกินกล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพูดจาดีๆ ทว่าข้าพูดจาดีๆ กับพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาฟังหรือไม่? เข้ามากล่าวหาว่าข้าพูดจามั่วซั่วทันที ไม่ยอมรับเรื่องหลอกแต่งงาน พวกเขาก็ไม่ไปสืบเสาะดูเช่นกัน ว่าข้า หยางซื่อเกินเป็นคนที่จะหาเรื่องได้หรือไม่”
หญิงชรารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะชี้ไปยังหยางซื่อเกิน “เจ้านั่นแหละพูดมั่ว ไป๋จื่อของตระกูลข้าจะให้กำเนิดลูกไม่ได้ได้อย่างไร? นี่เป็นคำกล่าวเลอะเทอะของผู้ใดกัน? หากเป็นเรื่องจริง ข้าเป็นย่าของนางย่อมต้องรู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร”
หลิวซื่อก็กล่าวต่อเช่นกัน “ใช่ ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลือจากความปากพล่อยของผู้ใด ไป๋จื่อของตระกูลข้ายังแข็งแรง เมื่อวันนางยังออกไปขุดผักป่าอยู่เลย”
หยางซื่อเกินชี้ไปที่หญิงชราและหลิวซื่อ แล้วกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน “เจ้าดูสิ ข้าพูดจาด้วยเหตุผลกับพวกนาง ข้าพูดอยู่ใช่หรือไม่? แล้วพวกนางยอมรับเรื่องนี้หรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นครู่หนึ่งก็พูดว่า “เอาอย่างนี้ ในเมื่อพวกเจ้าต่างคนต่างพูด ไม่สู้เชิญท่านหมอลู่มาตรวจดูสักหน่อย ให้ท่านหมอลู่พูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคน พวกเจ้าว่าเป็นอย่างไร”
“ได้สิ ตามหัวหน้าหมู่บ้านว่า” หยางซื่อเกินย่อมพยักหน้า
หญิงชราลังเลเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีมูลเหตุ แม้แต่หยางซื่อเกินก็รู้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องลือกันไปมั่วๆ หากเป็นจริงดังนั้น เช่นนั้นยี่สิบสองตำลึงเงินก็ต้องลอยไปแล้ว
ทว่าสถานการณ์ในเวลานี้ เหมือนว่านางจะบอกปฏิเสธไม่ได้แล้ว
ทำได้เพียงทำหน้าหนาตอบว่า “เรียกก็เรียก ใครกลัวกัน?”
นางขยิบตาให้หลิวซื่อที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ยังตะลึงลานอะไรอยู่อีก รีบไปเรียกท่านหมอลู่มา”
หลิวซื่อและหญิงชราเป็นแม่สามีและลูกสะใภ้กันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ขยิบตาเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจ นางรีบตอบรับ ทว่าขณะกำลังจะออกไป กลับเห็นท่านหมอลู่เบียดฝูงชนเข้ามาพอดี
ท่านหมอลู่ยิ้ม “ข้าเพิ่งกลับมาจากในเมือง เห็นพวกเจ้าที่นี่มีเรื่องคึกคัก จึงเข้ามาดูสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคนเรียกชื่อข้าพอดี ช่างบังเอิญเสียจริง”
สีหน้าของหญิงชราและหลิวซื่อผิดไปจากปกติในทันที ความสัมพันธ์ของพวกเขาและท่านหมอลู่ไม่นับว่าดีนัก ทั้งยังติดเงินสองตำลึงอีก คราวนี้เขามาที่นี่ก่อนที่จะตกลงกันเสียอีก หากตรวจดูแล้วไป๋จื่อมีความผิดปกติอะไรจริงๆ เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?
……….
ตอนที่ 84 คืนเงิน
ขณะที่นางคิดว่าต้องบอกว่าไป๋จื่อไม่อยู่บ้านหรือไม่ กลับเห็นไป๋จื่อและจ้าวหลานออกมาจากในเรือนไม้แล้ว
ตั้งนานไม่ออกมา แต่ออกมาเอาเสียตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าอยากให้นางดูไม่ดี
ในใจหญิงชรายิ่งเกลียดแค้นไป๋จื่อมากยิ่งขึ้น
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นไป๋จื่อและจ้าวหลานออกมา จึงพูดกับท่านหมอลู่ว่า “เจ้าตรวจดูจื่อยาโถวหน่อย ว่าต่อไปจื่อยาโถวให้กำเนิดลูกไม่ได้ ตามข่าวที่ลือกันไปทั่วจริงหรือไม่”
“ตอนที่ข้าตรวจจื่อยาโถวครั้งก่อน ก็ตรวจพบว่าภายในช่องท้องของนางถูกได้รับความเสียหาย ต่อไปยากจะตั้งครรภ์ได้ ทว่าตอนนั้นยังไม่นับว่าร้ายแรงมาก หากบำรุงรักษาอย่างดี อาจมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูได้ ตอนนี้ข้าจะตรวจดูอีกครั้ง ดูว่าอาการต่างจากครั้งที่แล้วหรือไม่”
ครั้นหญิงชราได้ยินประโยคนี้ ในใจนางพลันรู้สึกหนาวเหน็บ…
ท่านหมอลู่เข้าไปจับเส้นเลือดตรงข้อมือของจื่อยาโถว ทำท่าทางราวกับดูชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? อาการบาดเจ็บในช่องท้องของจื่อยาโถวไม่ดีขึ้นเลยสักนิด สาหัสกว่าครั้งก่อนเสียอีก” เขาหันไปมองหญิงชรา ราวกับต้องการพูดว่า ‘ข้าบอกกับเจ้าแล้วไม่ชาหรือ ว่าต้องบำรุงรักษานางอย่างดี?’
ไป๋จื่อถอนใจเสียงหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าโศกเศร้า “ข้าไม่หวังเรื่องการบำรุงรักษาหรอกเจ้าค่ะ หวังเพียงว่ามีข้าวกินก็ไม่เลวแล้ว ขอไม่ปิดบังทุกท่าน ตั้งแต่วันนั้นที่ท่านแม่ข้าถูกตีอีกครั้ง จนถึงวันนี้เป็นเวลาสามวันเต็มๆ พวกข้าสองแม่ลูกกินข้าวไปเพียงสองมื้อ โจ๊กใสๆ ถ้วยหนึ่ง กับผักป่าถ้วยหนึ่ง พวกเขายังไม่เหลือให้กินเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าพูดมั่วอะไรกัน? เจ้าพลาดเวลากินข้าวเองนะ จะโทษผู้ใดได้?” หญิงชรากล่าวด้วยความโมโห
เด็กสาวหดคอ ทำท่าทางหวาดกลัวเสียเต็มประดา ไม่กล้าพูดอะไรอีก
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยความโมโหบ้าง “พลาดเวลากินข้าว แล้วควรปล่อยให้หิวอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าไม่รู้จักเหลือข้าวให้คนที่ไปทำงานข้างนอกเลยหรืออย่างไร? ดูหน้าของพวกเจ้าสิ จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักคิดทบทวน ว่าสองแม่ลูกนี้ปล่อยให้พวกเจ้ารังแกจนมีสภาพเป็นอย่างไร?”
หยางซื่อเกินกล่าว “เรื่องงานบ้านของพวกเจ้า ข้าไม่สนใจจะร่วมด้วย แต่เรื่องงานแต่งข้าขอให้จบลงเท่านี้ คืนเงินสินสอดของข้ามาด้วย”
เมื่อพูดมาถึงขั้นนี้ ก็ควรจะคืนเงินสินสอดแล้ว ทว่าหญิงชราจะยอมได้อย่างไร หยางซื่อเกินทำลายข้าวของในบ้านจนเป็นเช่นนี้แล้ว คิดจะให้นางคืนเงินหรือ ฝันไปเถอะ
“ถูกต้อง สกุลไป๋ของข้ารับเงินสินสอดสิบตำลึงเงินมาจากเจ้าจริง ทว่าวันนี้เจ้าก็ทำลายสกุลไป๋ของพวกข้าจนเละเทะ ข้าวของเสียหายไปไม่รู้ตั้งเท่าไร เกรงว่าสิบตำลึงเงินนี้จะยังชดเชยไม่พอกระมัง!”
ครั้นหยางซื่อเกินได้ยินประโยคนี้ เขาก็เผยความดุร้ายออกมา กล่าวในทันทีว่า “ข้าทำลายข้าวของของบ้านเจ้า นั่นยังถือว่าให้เกียรติเจ้าอยู่ ไม่เช่นนั้นกระบองเหล่านี้จะตกอยู่บนตัวพวกเจ้า ไม่มีทางมีสภาพดังเช่นตอนนี้แน่”
หญิงชราอดถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้ แม้ในใจจะรู้สึกขนลุกอยู่บ้าง แต่ยังคงปากแข็งอย่างยิ่ง “ทุบตีคนโดยไม่มีเหตุผลนับว่าผิดกฎหมาย หากเจ้ากล้าลงมือ ข้าจะเข้าเมืองไปฟ้องร้องพวกเจ้าที่ศาลาว่าการ”
หยางซื่อเกินแค่นหัวเราะ “เจ้าช่างเตือนสติข้าได้ดีจริงๆ พวกเจ้าทำผิดครั้งใหญ่ โดยการหลอกให้ข้าแต่งงาน อย่างมากก็ถือเสียว่าสิบตำลึงเงินนี้เป็นเงินชดเชยที่ข้าทำลายข้าวของเครื่องใช้ในบ้านพวกเจ้า ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าจะไปฟ้องร้องที่ศาลาว่าการในเมือง ให้พวกเจ้าสกุลไป๋เข้าไปอยู่ในคุก”
ทันทีที่หลิวซื่อได้ยินประโยคนี้ นางก็ร้อนใจจนร้องไห้ออกมาโดยพลัน “ท่านแม่ ท่านคืนเงินให้เขาไปเถอะ พวกข้าไม่อยากเข้าคุก ยังมีเสี่ยวเฟิงอีก ต่อไปเสี่ยวเฟิงต้องทำงานราชการ จะไปสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด!”
ในใจหญิงชราก็รู้สึกร้อนรุ่มเช่นกัน นางคิดคำนวณไม่หยุดหย่อน หากให้หลิวซื่อรับผิดชอบเรื่องหลอกแต่งงานแต่เพียงผู้เดียว อย่างมากก็แค่นอนคุกสองสามวันเท่านั้น แต่หากแม้แต่นางก็ถูกจับเข้าไปอยู่ในคุกด้วย เช่นนั้นคงจะรักษาสิบตำลึงเงินนั้นไว้ไม่ได้แล้ว!