จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 13 ซื่อจื่อข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 13 ซื่อจื่อข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก
คราวนี้ชาวบ้านฮือฮาหยั่งกับหม้อระเบิด ไม่เข้าใจว่าทำไม พากันวิพากษ์วิจารณ์กันเมามันส์
“จวินซื่อจื่อไปมอบสินสอดเพื่อสู่ขอคุณหนูหยุนถิงของจวนตระกูลหยุน พรุ่งนี้เข้าพิธีแต่งงาน สินสอดเจ้าสาวยาวนับสิบลี้ จวนซื่อจื่อจัดเตรียมโต๊ะจีน ไม่เก็บค่าเข้างาน กินดื่มมิเสียเงิน ขอเชิญทุกคนหากว่างมาร่วมดื่มเหล้ามงคลที่จวนซื่อจื่อด้วยนะ” พ่อบ้านแหกปากร้องตะโกนเสียงดัง
หลิงเฟิงที่อยู่ข้างๆมุมปากกระตุก ถามเสียงต่ำว่า “ซื่อจื่อมิได้บอกว่าจะจัดโต๊ะจีนกระมัง ทำเช่นนี้มิเกินไปรึ?”
พ่อบ้านมองค้อนเขา “ซื่อจื่อแต่งงานทั้งที จะมาอึมครึมได้อย่างไร จวนซื่อจื่อของเราไม่ร้อนเงิน”
หลิงเฟิงเบ้ปาก ทำไมเขารู้สึกว่า ซื่อจื่อแต่งงาน แต่พ่อบ้านกลับตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าซื่อจื่ออีกเล่า
ขบวนสินสอดเดินไปพลาง ร้องตะโกนว่าจวินซื่อจื่อมอบสินสอดสู่ขอหยุนถิงไปพลาง ประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้เรื่องกันหมดแล้ว โดยเฉพาะสตรีที่ยังไม่ออกเรือน พากันใจสลายไปตามๆกัน
จวินซื่อจื่อเป็นบุรุษงามอันดับหนึ่งของแคว้นต้าเยียน มิได้ด้อยไปกว่าหลีอ๋องเลย ถึงแม้จะอายุไม่ยืน แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นเหตุใดถึงได้ชอบพอหญิงอัปลักษณ์เช่นหยุนถิงได้เล่า ช่างน่าเสียดายความหล่อเหลายิ่งนัก
ขบวนสินสอดมุ่งตรงไปยังตระกูลหยุนอย่างเอิกเกริก พอหยุนเซี่ยงได้ยินว่าจวินซื่อจื่อมาสู่ขอ ก็ตื่นเต้นยิ่งนัก ออกมารับขบวนด้วยตัวเอง
“หยุนเซี่ยง ซื่อจื่อของข้าร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจมาได้ด้วยตนเอง ขอหยุนเซี่ยงโปรดอภัยด้วย พวกข้าเป็นตัวแทนหยุนเซี่ยงมามอบสินสอดสู่ขอคุณหนูหยุนถิง พรุ่งนี้สินสอดเจ้าสาวยาวนับสิบลี้รับคุณหนูหยุนเข้าจวน จัดวางโต๊ะจีนจัดงานเลี้ยงเชิญแขกเหรื่อ หยุนเซี่ยงมีสิ่งใดต้องการขอได้โปรดบอกมา ซื่อจื่อจะต้องทำให้ได้อย่างสุดความสามารถแน่” พ่อบ้านคารวะพลางพูดอย่างนอบน้อม
ปากของหยุนเซี่ยงยิ้มกว้างไม่ยอมหุบเลย ลูกสาวตนพึ่งหย่าร้างกับหลีอ๋อง ซื่อจื่อกลับยินดีสู่ขอนางอย่างสินสอดเจ้าสาวยาวนับสิบลี้ ต่อให้ตบแต่งพระชายาเอกก็คงเช่นนี้กระมัง
“พ่อบ้านเกรงใจไปแล้ว ขอเพียงซื่อจื่อดีต่อบุตรสาว คนเป็นพ่ออย่างข้าก็พอใจแล้ว” หยุนเซี่ยงพูดอย่างเกรงใจ
“หยุนเซี่ยงท่านโปรดวางใจ คุณหนูหยุนอยู่ในจวนซื่อจื่อ ต้องได้รับการปรนนิบัติเปรียบเสมือนนายหญิงของเรือนแน่ ซื่อจื่อเองก็ต้องดีกับนางมากแน่” พ่อบ้านรับประกัน
“งั้นก็ดี”
….
จวนหลีอ๋อง
ฮ่องเต้พระราชทานราชโองการหย่าร้าง พอโม่ฉือหานกลับจวนก็รีบให้คนเอาสินสมรสเจ้าสาวของหยุนถิงรวมถึงของที่นางเคยใช้ทั้งหมดทิ้งไว้หน้าประตูทันที
ในที่สุดสตรีอัปลักษณ์นางนี้ก็ไสหัวออกไปจากสายตาเขาแล้ว โม่ฉือหานอารมณ์ดียิ่งนัก เห็นอะไรก็รู้สึกพอใจไปหมด
ฟ่านเสี่ยรั่วยกขนมเข้ามา “ท่านอ๋อง ข้าทำขนมมา ขอท่านอ๋องลองชิมดู”
“ได้ ลำบากเจ้าแล้ว” โม่ฉือหานยื่นมือหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปาก “รสชาติไม่เลว ข้าชอบ”
ฟ่านเสี่ยรั่วยิ้มทั้งตาทั้งหน้า “งั้นต่อไปหม่อมฉันจะทำให้ท่านอ๋องทานทุกวันเลย”
“รั่วรั่วนี่รู้ใจข้านัก” โม่ฉือหานพูดอย่างพอใจ
พ่อบ้านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านอ๋อง จวินซื่อจื่อส่งคนไปมอบสินสอดที่ตระกูลหยุนแล้ว ยังบอกว่าจะแต่งคุณหนูหยุนด้วยสินสอดเจ้าสาวยาวนับสิบลี้ พรุ่งนี้แต่งงาน จะจัดงานเลี้ยงใหญ่โต”
สีหน้าโม่ฉือหานดำมืดทันที มือที่ถือขนมไว้พลันออกแรง ทำเอาขนมในมือที่ยังกินไม่หมดนั้นแหลกละเอียดทันที “จวินหย่วนโยวช่างน่าตายนัก วันนี้ข้าพึ่งหย่าร้างกับหยุนถิง มันก็ไปมอบสินสอด ชั่วช้านัก นี่มันจงใจหักหน้าข้า”
ฟ่านเสี่ยรั่วเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่พอคิดถึงว่าหญิงอัปลักษณ์แต่งกับคนอายุสั้น ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก “ท่านอ๋องโปรดอย่าโกรธเลย จวินซื่อจื่อร่างกายไม่ดีมาตลอด หากผ่านไปหลายปีเป็นอะไรขึ้นมา ก็น่าสงสารคุณหนูหยุนนัก” ฟ่านเสี่ยรั่วปลอบ
พอได้ยินคำนี้ โม่ฉือหานที่เดือดดาลอยู่พลันอารมณ์ดีขึ้นทันที “ข้าลืมไปเลย จวินหย่วนโยวน่ะอายุสั้นนัก หากอีกหลายปีตาย หญิงอัปลักษณ์หยุนถิงต้องเป็นม่ายแน่ นางช่างเป็นตัวซวยยิ่งนัก”
ฟ่านเสี่ยรั่วเห็นสีหน้ารังเกียจและโกรธแค้นของโม่ฉือหาน ดวงตานางพลันมีประกายยินดีพึงพอใจวาบผ่าน
…..
จวนซื่อจื่อ
จวินหย่วนโยวสลบไปหนึ่งวันเต็มๆ จวบจนฟ้ามืดถึงฟื้นขึ้นมา
หลิงเฟิงรีบเข้ามาดู “ซื่อจื่อ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
จวินหย่วนโยวรู้สึกแต่เพียงว่าร่างกายเบาสบายขึ้นมาก ไม่อ่อนแรงเหมือนปกติ “ข้าดีมาก คุณหนูหยุนเล่า เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นรึ?”
“เมื่อคืนคุณหนูหยุนช่วยลงเข็มให้ซื่อจื่อทั้งคืน ยังให้ซื่อจื่อกินยาแปลกประหลาดมากมาย เมื่อเช้าคุณหนูหยุนบอกว่า พิษในกายซื่อจื่อถอนไปแล้วสองส่วน ต่อมาในวังสั่งคนมา เรียกคุณหนูหยุนเข้าวังจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ตอนเช้าฮ่องเต้พระราชทานราชโองการหย่าร้างระหว่างหลีอ๋องกับคุณหนูหยุน พ่อบ้านได้ไปมอบสินสอดที่จวนตระกูลหยุนแทนซื่อจื่อแล้ว” หลิงเฟิงรายงาน
จวินหย่วนโยวคิ้วขมวดมุ่น “เจ้าบอกว่า หยุนถิงช่วยข้าถอนพิษในกายไปได้สองส่วนรึ?”
“ขอรับ ซื่อจื่อ คุณหนูหยุนพูดเช่นนี้ เมื่อคืนนางลงเข็มให้ซื่อจื่อทุกหนึ่งชั่วยาม ตลอดทั้งคืน ตอนเช้ากลับไปยังเกือบเป็นลม พอกลับไปหลับไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็โดนคนในวังเรียกตัวไปแล้ว” หลิงเฟิงตอบ
มือที่อยู่ใต้ชายเสื้อจวินหย่วนโยวกำแน่น แววตามีประกายซาบซึ้งและยินดีวาบผ่าน
หยุนถิงช่วยตนถอนพิษได้จริงๆ และยังสองส่วน ลงเข็มทั้งคืน นี่มันต้องเหน็ดเหนื่อยแรงกายแรงใจเพียงใดกันนะ
พอคิดว่าตอนเช้านางมิได้พักผ่อนเท่าไหร่ แววตาจวินหย่วนโยวมีแววสงสาร “รีบเปลี่ยนชุดให้ข้า ข้าจะเข้าวัง”
“ขอรับ”
หลังจากจวินหย่วนโยวอาบน้ำแล้ว ก็มุ่งหน้าไปพระราชวังทันที
และในตำหนักข้างของพระราชวัง ฮ่องเต้จัดการราชการงานเสร็จ ก็เกือบฟ้ามืดแล้ว รีบกลับไปยังตำหนักข้างทันที
พอเข้าไปก็เห็นหยุนถิงกำลังกรนคร่อกคร่อกบนเก้าอี้ นางเอนตัวพิงเก้าอี้ ท่าทางเกียจคร้านอิสระ ไม่มีท่าทีอย่างกุลสตรีสักนิด
ซูกงกงโกรธจนหน้าดำ “คุณหนูหยุนช่างบังอาจนัก กล้ามาหลับในตำหนักข้าง ข้าน้อยจะปลุกนาง”
“มิเป็นไรดอก สอนมาทั้งวันนางคงเหนื่อยแล้ว ให้นางนอนเถอะ ไปดูสิว่าทุกคนเรียนกันเป็นยังไงบ้าง” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า
ผ่านวันนี้ไป ฮ่องเต้รู้จักหยุนถิงใหม่แล้ว เอาแค่ที่นางช่วยแก้ปัญหาปากท้องของเมืองหนานหยวน ฮ่องเต้ก็มองดูนางใหม่แล้ว ท่าทีก็ดีขึ้นไม่น้อย
ขันทีน้อยคนหนึ่งเข้ามาถวายบังคม “ฝ่าบาท จวินซื่อจื่อขอเข้าเฝ้า”
“ให้เขาเข้ามาเถอะ” ฮ่องเต้บอก
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยรีบออกไปประกาศ ไม่นานจวินหย่วนโยวเดินเข้ามา
จวินหย่วนโยวพอเข้ามาก็เห็นหยุนถิงที่นอนเอนตัวหลับบนเก้าอี้ เขาขมวดคิ้วน้อยๆ สตรีผู้นี้กล้ามาหลับต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท เขารีบเข้าไปถวายบังคมฮ่องเต้ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
“จวินซื่อจื่อมาหาข้า มีเรื่องอันใดรึ?” ฮ่องเต้ถามเสียงเนิบช้า
“กระหม่อมมารับคู่หมั้นกลับ” จวินหย่วนโยวพูดพลางมองหยุนถิง แสดงเจตนาชัด
วันนี้เรื่องจวินหย่วนโยวไปมอบสินสอดที่จวนตระกูลหยุน ฮ่องเต้ก็ได้ยินแล้วเช่นกัน ในใจยังแอบบ่นว่าจวินหย่วนโยวช่างใจร้อนเสียจริง
ยังไม่รอฮ่องเต้เปิดปาก หยุนถิงที่หลับอยู่ตื่นพอดี พอลืมตาก็เห็นจวินหย่วนโยวที่อยู่ห่างไปหลายเมตร พลันมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจทันที
“ซื่อจื่อ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าคิดถึงท่านนัก ข้าต้องการจุมพิตกอดอุ้มสูงๆ” หยุนถิงลุกขึ้นพุ่งเข้ามาในอ้อมกอดเขา
จวินหย่วนโยวมุมปากกระตุก สตรีผู้นี้ช่างใจกล้านัก กล้ากระทำการไม่รู้จักอายเช่นนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท เขาสีหน้าเย็นชาลงดุว่า “อย่าเล่น”
“ข้าเล่นที่ไหนกัน ชีวิตคนเราหนีไม่พ้นสองเรื่องนี้ การกินและชายหญิง ซื่อจื่อท่านรูปงามปานนี้ ข้าชอบท่าน ข้าจะหอมท่าน ท่านอย่าอายสิ” หยุนถิงแกล้งยื่นหน้าเข้าหา