จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 218 หลีอ๋องหาเรื่องให้ตัวเองอัปยศอดสู
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 218 หลีอ๋องหาเรื่องให้ตัวเองอัปยศอดสู
ตั้งแต่คืนที่แต่งงานกับนาง โม่ฉือหานก็ไม่สามารถทำได้แล้ว เขาถึงขั้นสงสัยว่าหยุนถิงแอบทำอะไรกับเขา แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ
เดิมทีนึกว่ายาที่ฟ่านเสี่ยรั่วนำกลับมาจะสามารถทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ใครจะรู้ว่าแค่บ้าระห่ำไปเพียงไม่กี่คืน ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ดังนั้นโม่ฉือหานถึงได้หน้าด้านมาหาหยุนถิง
“คำพูดของหลีอ๋องข้าฟังไม่เข้าใจ เหตุใดข้าถึงรู้แล้วยังแกล้งถามได้?” หยุนถิงถามกลับ
“หยุนถิงเจ้าอย่าไม่แยกแยะดีชั่ว เจ้าบอกมาเลยว่าจะยอมขายในราคาเท่าไหร่ เจ้าเสนอราคามาเถอะ?” โม่ฉือหานหมดความอดทนแล้ว
จวินหย่วนโยวแกะปูให้หยุนถิง วางเนื้อปูเอาไว้ในจานของนาง ท่าทางสง่างามไร้ที่เปรียบ น้ำเสียงกลับเย็นชาอย่างยิ่ง “ในเมื่อหลีอ๋องมาเพื่อขอร้องฮูหยินของข้า การขอร้องคนก็ควรมีท่าทีของการขอความช่วยเหลือ มิเช่นนั้นก็อย่ามารบกวนการรับประทานอาหารของข้ากับฮูหยินที่นี่”
“จวินหย่วนโยว เจ้าอย่าให้มันเกินไปนะ?” โม่ฉือหานคำรามด้วยความโกรธ
“หลิงเฟิง เชิญหลีอ๋องออกไป ต่อไปห้ามให้มีผู้ใดมารบกวนตอนฮูหยินกำลังรับประทานอาหาร จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารของฮูหยิน!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่งอย่างแสดงอำนาจ
“ขอรับ” หลิงเฟิงเดินเข้ามาทันที “หลีอ๋องเชิญเถอะ”
“ให้ตายเถอะ!” โม่ฉือหานโกรธจนใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว แต่เขากลับต้องยอมก้มหัว อย่างไรเสียทั่วทั้งสี่แคว้นนอกจากหยุนถิงที่รักษาคุณชายใหญ่ตระกูลโจวจนหายแล้ว เขายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครสามารถรักษาอาการไม่สามารถแข็งตัวได้มาก่อน
“หยุนถิง ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมขายให้ข้ากันแน่ เงื่อนไขเจ้าเสนอได้ตามใจชอบ?” ครั้งนี้ น้ำเสียงของโม่ฉือหานอ่อนลงไปเล็กน้อยแล้ว
หยุนถิงมองดูเขาโมโห โกรธเกรี้ยว แต่กลับได้แต่อดทนเอาไว้ ท่าทางที่หดหู่และคับข้องใจ ก็หัวเราะลั่นออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่เหนือมวลชนอย่างหลีอ๋องวันหนึ่งก็ต้องมาขอร้องข้า ความรู้สึกแบบนี้ดีมากจริงๆ ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ”
“เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก” โม่ฉือหานกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หากไม่ใช่เพราะมีเหตุต้องขอร้องหยุนถิง เขาจะต้องจับสองผัวเมียนี่แยกชิ้นส่วน ห้าอาชาแยกร่างให้ได้
“ไม่ขาย ไม่ว่าหลีอ๋องจะเสนอเงื่อนไขใดให้ ข้าก็ไม่ขายทั้งนั้น!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
คำพูดประโยคเดียว ทำให้โม่ฉือหานโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
“หยุนถิงเจ้าอย่าไม่แยกแยะดีชั่ว!” โม่ฉือหานกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“ข้าจะไม่แยกแยะดีชั่วนี่แหละ หลีอ๋องจะทำอะไรข้าได้!” หยุนถิงมองมาอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม
น้ำเสียงหยิ่งทะนง เย็นชา สายตาเหินห่าง ดูหมิ่นเหยียดหยาม ราวกับกำลังมองดูตัวตลกที่กำลังดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย สายตาเช่นนี้ทำให้ความโกรธของโม่ฉือหานพุ่งขึ้นมาสุดขีด
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ฝ่ามือของเขาจู่โจมมาทางหยุนถิง
จวินหย่วนโยวสะบัดแขนเสื้อกะทันหัน ทลายฝ่ามือนั่นอย่างง่ายดาย ลมฝ่ามือฝาดไปทางต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง ชั่วพริบตาต้นไม้ใหญ่ที่หนาพอๆกับแขนของคนต้นนั้นก็ถูกผ่าออกเป็นสองท่อน
จากนั้นฝ่ามือของจวินหย่วนโยวฟาดไปทางโม่ฉือหานอย่างแรง โม่ฉือหานยังไม่ได้ตอบสนองจากความตกตะลึงเมื่อครู่นี้ รู้สึกถึงลมฝ่ามือเย็นยะเยือกที่จู่โจมมาด้านหน้า รีบร้อนหลบออกไป แต่เขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง คนทั้งคนถูกฟาดไปที่ไหล่ โม่ฉือหานเจ็บจนสีหน้าซีดขาว
ความเจ็บปวด โมโห โกรธแค้น สุดท้ายกลายเป็นความตกตะลึง โม่ฉือหานเบิกตากว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “จวินหย่วนโยวเจ้ามีกำลังภายในเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ข้ามีทักษะการต่อสู้เมื่อไหร่ ยังต้องบอกเจ้าอีกหรือ?” จวินหย่วนโยวถามกลับอย่างเย็นชา
นาทีนี้คนทั้งคนของโม่ฉือหานรู้สึกแย่ไปหมด จวินหย่วนโยวในอดีตอย่าว่าแต่กำลังภายในเลย แค่เดินไกลหน่อยยังหายใจหอบเลย ตอนนี้เขาถึงกับสามารถทะลายลมฝ่ามือของตัวเองได้ แถมยังฟาดมาทางตัวเองอีกหนึ่งฝ่ามือ
เขายังเก็บซ่อนความสามารถอีกเท่าไหร่กันแน่ หรือว่าหยุนถิงช่วยเขาปรับสมดุลร่างกายอยู่ตลอด?
นอกเหนือจากความเป็นไปได้นี้ โม่ฉือหานคิดไม่ถึงความเป็นไปได้แบบที่สองแล้ว ดูเหมือนว่าตั้งแต่หยุนถิงแต่งงานกับจวินหย่วนโยวแล้ว เจ้าหมอนี่ดีขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นทุกวัน
นึกถึงตรงนี้ สีหน้าของโม่ฉือหานราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี ดูตลกไร้ที่เปรียบ
แค่องครักษ์เงามังกรเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้จวินหย่วนโยวเก่งกาจเช่นนี้ เวลานี้แผนการของหลีอ๋องพบกับอุปสรรคอย่างมาก ไม่มีเวลามาสนใจความโกรธและแก้แค้น เขาสั่งให้เหลยถิงประคองเขาจากไปทันที
เขาเพิ่งก้าวเท้าออกไปจากลาน สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็ซีดขาวกะทันหัน กระอักเลือดออกมาเต็มปากทันที และคนทั้งคนก็ล้มลงไป
หยุนถิงรีบร้อนประคองเขาเอาไว้ จับชีพจรให้เขา “ซื่อจื่อ ทำไมท่านถึงหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ หลงเอ้อไม่ปล่อยให้ข้าเป็นอะไรไปอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลิงเฟิง องครักษ์เงามังกรและคนอื่นๆอยู่ด้วย เหตุใดท่านต้องลงมือด้วยตัวเอง?”
น้ำเสียงตำหนิ แต่กลับยิ่งแฝงไปด้วยความเอ็นดูสงสาร
“เรื่องบางอย่าง จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง ข้าจะให้โม่ฉือหานรู้ว่า ขอเพียงมีข้าอยู่ใครก็อย่าคิดจะแตะต้องเจ้า” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความเอ็นดูสงสาร
หยุนถิงประทับใจจนเบ้าตาแดงก่ำ มือที่จับจวินหย่วนโยวกระชับแน่นมากยิ่งขึ้น “ซื่อจื่อ ขอบคุณท่านมาก”
“เด็กโง่ ไม่ต้องขอบคุณข้า หากแม้แต่ผู้หญิงของตัวเองยังไม่สามารถปกป้องให้ดีได้ ข้าก็ไม่คู่ควรจะเป็นสามีของเจ้าแล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ
หยุนถิงยื่นมือไปกอดเขาเอาไว้ น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ
ประทับใจ ตื้นตันใจ และซาบซึ้งใจ
ทุลุมิติย้อนเวลามาต่างโลก หาได้ยากที่จะได้พบกับคนที่รักตัวเอง ปกป้องตัวเองด้วยใจจริงเช่นนี้ หยุนถิงรู้สึกดีใจมากจริงๆ
เวลานี้ หยุนถิงสาบานว่าจะต้องช่วยจวินหย่วนโยวแก้พิษอย่างสุดความสามารถของตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ให้ซื่อจื่อต้องทุกข์ทรมานเพราะพิษร้ายเด็ดขาด
คิดถึงตรงนี้ หยุนถิงก็หยิบเข็มเงินที่อยู่บนเส้นผมออกมาทันที แทงลงไปยังจุดฝังเข็มของจวินหย่วนโยว การกระทำปราดเปรียวคล่องแคล่ว
โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ไม่ไหลออกไปเห็นภาพที่จวินหย่วนโยวลงมือเมื่อครู่นี้อยู่ในสายตา ฟังคำพูดของเขา เวลานี้โม่เหลิ่งเหยียนถึงกับรู้สึกนับถือจวินหย่วนโยวขึ้นมาเล็กน้อย
รู้ว่าตัวเองสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถใช้กำลังภายในแท้ๆ แต่เขากลับยินดีทำเพื่อปกป้องหยุนถิง ยอมได้รับบาดเจ็บเพื่อให้ตัวเองทำให้โม่ฉือหานยอมสยบ
จวินหย่วนโยวที่เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากคนที่เขารู้จักในอดีต ทำให้เขารู้สึกชื่นชมเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
ทันทีที่หยุนถิงเงยหน้าก็เห็นโม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ไม่ไกลออกไป “ซวนอ๋อง ฮูหยินไม่สบายใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ ข้าก็แค่ผ่านมาเฉยๆ” จวินหย่วนโยวกล่าวพร้อมเดินเข้ามา นั่งลงไปตรงหน้าของโม่เหลิ่งเหยียน “ไม่ประมาณตนเอง”
“ข้าพอใจเสียอย่าง” จวินหย่วนโยวตอกกลับไปด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
“พอใจรนหาที่ตายข้าย่อมไม่ขวางเจ้าอยู่แล้ว แต่ว่าหากเจ้าตายไปแล้ว คงจะมีคนคิดถึงหยุนถิงอยู่ไม่น้อย” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าว
“ข้าไม่มีทางยอมให้โอกาสนี้กับพวกเขาเด็ดขาด แค่กๆ——” จวินหย่วนโยวโกรธจนไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
หยุนถิงช่วยเขาตบหลังทันที “ซื่อจื่อท่านอย่าโกรธไปเลย ซวนอ๋องเป็นห่วงท่าน เลยพูดประชดประชัน”
“ข้าไม่ต้องการความห่วงใยของเขา!”
“ข้าก็ไม่ได้อยากจะเป็นห่วงเจ้าหรอก!”
หยุนถิงหมดคำพูด เจ้าสองคนนี้เห็นหน้าก็ทะเลาะกัน แต่ช่วงเวลาวิกฤติกลับแข็งแกร่งกว่าศัตรูพวกนั้นมากมายนัก อย่างน้อยก็ไม่คอยซ้ำเติม นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าคนที่มีสติปัญญาเหมือนกันเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันกระมัง
จวินหย่วนโยวโกรธจนกระอักออกมาอีกหนึ่งคำ หยุนถิงขมวดคิ้ว ช่วยเขาจับชีพจรทันที นานพักใหญ่ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
“ซื่อจื่อกระอักเลือดคั่งคำนี้ออกมา ลมหายใจสงบนิ่ง ชีพจรก็คงที่กว่าแต่ก่อนแล้ว เลือดที่อุดตันอยู่ที่ตำแหน่งหน้าอกตลอด ตอนนี้กระอักออกมาดีขึ้นมากแล้ว” หยุนถิงกล่าวด้วยความปิติยินดี
จวินหย่วนโยวก็รู้สึกว่าหน้าอกไม่ได้อึดอัดขนาดนั้น สามารถหายใจได้อย่างสบายแล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนกระตุกมุมปาก “หมายความว่า เจ้าต้องขอบคุณข้าสินะ”
“ไสหัวไปข้างหนึ่งเลยไป ใครอยากจะขอบคุณเจ้ากัน” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์