จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 226 ต่อไปห้ามแตะต้องผู้ชายคนใดอีก
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 226 ต่อไปห้ามแตะต้องผู้ชายคนใดอีก
“คนสารเลวเช่นนั้น สมควรให้มันอยู่มิสู้ตายอยู่แล้ว” จวินหย่วนโยวพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน
“เช่นนั้นข้าไม่ควรให้สัญญาโดยพลการว่าจะให้จ้าวเคอข้ามขั้นไปเข้าร่วมการสอบในวัง?” หยุนถิงถามต่อ
“หากเขามีความรู้ความสามารถจริง ฝ่าบาทก็ไม่มีทางยึดติดกับรูปแบบปฏิบัติเดิมๆเช่นนั้นดอก”
คราวนี้หยุนถิงคิดไม่ตกละ “ในเมื่อข้าทำถูกทั้งหมด เหตุใดท่านยังโกรธอีกเล่า?”
“ข้ารู้แล้ว จวินซื่อจื่อต้องโทษเจ้าที่ไม่ได้เรียกเขาไปจัดการคุณชายเสเพลนั่นด้วยกันแน่” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก
จวินหย่วนโยวส่งสายตาเย็นปลาบไปให้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกเพียงเย็นยะเยือกที่ท้ายทอย รีบหุบปากอย่างรู้งาน
“ซื่อจื่อ ท่านเล่นแง่อะไรอีก พูดตรงๆมาเลยมิได้รึ ต้องให้ข้าเดาทุกครั้งรึ?” หยุนถิงเบ้ปาก
จวินหย่วนโยวไม่พูดมาก คว้ามือหยุนถิงมา และหยิบผ้าที่พกติดตัวออกมาช่วยเช็ดมือให้นาง เขาเช็ดแรงมาก ทำเอาหยุนถิงเจ็บไปหมด
หยุนถิงมองมือนั้น ก่อนจะนึกอะไรออก “ท่านโกรธที่ข้าตบบ่าจ้าวเคอ”
นั่นไง เธอเห็นริมฝีปากจวินซื่อจื่อเบ้ไป
“ซื่อจื่ออย่างกอย่างนี้สิ ข้าแค่ให้กำลังใจเขานะ” หยุนถิงอธิบาย
“พูดให้กำลังใจมิได้รึ จำเป็นต้องใช้มือด้วยรึ?” จวินหย่วนโยวช่วยเช็ดมือให้นางต่ออย่างไม่ย่อท้อ
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่นั่งตรงข้ามมุมปากกระตุก “หยุนถิง เดิมข้าอิจฉาเจ้าพอดู รู้สึกว่าซื่อจื่อรักใคร่เจ้ายิ่งนัก ตอนนี้มาเห็นนิสัยเช่นนี้ของซื่อจื่อ ข้าพลันรู้สึกเห็นใจเจ้าขึ้นมาละ กองเพลิงอย่างจวินซื่อจื่อนี่ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะลงได้เลย”
สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นชาลงฉับพลัน เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยังไม่รอเขาเอ่ยปาก ก็รีบกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็วฉับไวทันที “หยุนถิง ข้าไปกินไก่ทอดก่อนละนะ จดบัญชีชื่อเจ้าไว้นะ เจ้าโดนทรมานไปช้าๆแล้วกัน ไว้เจอกัน”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดจบ ก็วิ่งหายไปไม่เห็นฝุ่นเลย
หยุนถิงทำหน้ามุ่ย เริ่นเซวียนเอ๋อร์นี่ช่างเป็นเพื่อนสาวไม่เพื่อนตายจริงๆ
“ต่อไปห้ามแตะต้องผู้ชายคนใดอีก ไหล่ก็ไม่ได้” จวินหย่วนโยวสั่งอย่างเผด็จการ
“ถ้าต่อไปพวกเรามีลูกชายล่ะ ข้าก็จะกอดเขา อาบน้ำให้เขา ดูแลเขาไม่ได้รึ?” หยุนถิงแกล้งถาม
“หากเป็นลูกชาย ข้าจะดูแลเอง” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงบอก
“งั้นท่านจะป้อนนมให้เขาเอง?”
คำพูดเดียวทำสีหน้าจวินหย่วนโยวทะมึนมากขึ้น นังหนูนี่จงใจแน่ๆ นางรู้ทั้งรู้ว่าบุรุษมิอาจทำเช่นนั้นได้ แต่ยังแกล้งพูดอย่างนี้อีก ช่างไม่มียางอายเสียเลย
“อย่าเหลวไหล”
“ข้าไม่ได้เหลวไหลนะ เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่มาก เด็กต้องกินอิ่มถึงจะเติบโตได้ ถึงจะมีร่างกายแข็งแรงน่ะ ซื่อจื่อหากถึงเวลานั้นท่านปล่อยให้ลูกชายข้าทนหิวล่ะก็ ข้าเอาเรื่องท่านแน่” หยุนถิงแสร้งทำหน้าขึงขัง
“วางใจเถิด ลูกชายมิทนหิวดอก” จวินหย่วนโยวถึงปล่อยมือนาง
อย่างมากก็หาแม่นมหลายคนหน่อย เขามีหรือจะสิ้นท่ากับเรื่องเพียงแค่นี้
หยุนถิงรีบดึงมือกลับมาซ่อนด้านหลังทันที ฝ่ามือเธอโดนซื่อจื่อเช็ดจนหนังถลอกไปหนึ่งชั้นแล้ว หมอนี่นิสัยจริง
จวินหย่วนโยวเห็นใบหน้าทะมึนของนาง ก็รู้ว่านางโกรธแล้ว และรู้ว่าตนทำเกินไป เขาดึงมือหยุนถิงมา และช่วยนวดให้นางอย่างอ่อนโยน
“เมื่อครู่เจ้าประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะให้จ้าวเคอข้ามขั้นตอนไปร่วมการสอบในวัง คุยโวเช่นนี้คิดแผนการออกแล้วรึ?”
“ยังเลย” หยุนถิงตอบ
“เจ้านี่นะ ใจกล้าจริงๆ ต่อไปเรื่องเช่นนี้อย่าได้พูดพล่อยๆอีก และอย่าได้รับปากง่ายๆ ไม่เช่นนั้นโดนคนอื่นหลอกใช้ ต้องใช้อำนาจในทางมิชอบกับเจ้าแน่ “จวินหย่วนโยวเป็นห่วง
“ข้ามีซื่อจื่อ ข้ากลัวใครที่ไหนล่ะ หรือว่าซื่อจื่อจะทนเห็นผู้อื่นใช้อำนาจในทางมิชอบกับข้า แล้วไม่สนใจรึ?” หยุนถิงย้อนถาม
“แน่นอนว่าไม่ได้ เรื่องนี้ข้าจะทูลฝ่าบาทเอง เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องของข้าเอง ข้าต้องจัดการเอง จะเอาแต่พึ่งพาท่านไม่ได้ ถ้าข้าไม่ไหวท่านค่อยออกโรง แบบนี้ท่านจะได้ดูมีอำนาจน่าเกรงขามไง”
“ได้ แล้วแต่เจ้าเลย” จวินหย่วนโยวโอบนางเข้าอ้อมกอด
…..
จวนตระกูลหยุน
หยุนหลีกับหยุนซูกลับมาจากเทศกาลดอกท้อ ยังไปเยี่ยมเยียนที่จวนซื่อจื่อโดยเฉพาะ ได้ยินว่าพี่ใหญ่กับซื่อจื่อไม่อยู่ในจวน และไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหน ตอนออกไปก็ไม่ได้บอกไว้
หลายวันนี้หยุนหลีกับหยุนซูพอกลับมาก็เอาแต่ฝึกฝนสิ่งที่หยุนถิงสอนพวกนาง ตอนนี้ทั้งคู่คุ้นชำนาญแล้ว
แต่หยุนหลิงกลับมาก็ล้มป่วย ดูมึนๆงงๆ ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร มักเอาแต่บ่นพึมพำถึงงู งู เหมือนโดนผีเข้าสิงก็ไม่ปาน
สาวใช้และมามาที่รับใช้พากันตกใจมาก รีบไปรายงานนางจ้าวทันที พอนางจ้าวได้ยินว่าหยุนหลิงเกิดเรื่อง ก็ไม่สนใจองครักษ์หน้าประตู และวิ่งตรงไปเรือนของหยุนหลิงทันที
พอเห็นสภาพหยุนหลิง นางจ้าวงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย
นี่คือลูกสาวนางที่หน้าตาสะสวย ร่าเริงคนนั้นรึ หยุนหลิงในตอนนี้สีหน้าซีดเผือด ดวงตาลึกโบ๋ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าบนตัวยับยู่ยี่ ดูมึนงงเหม่อลอย เหมือนจะป่วยไม่น้อยเลย
“ลูกแม่ เจ้าเป็นอะไรน่ะ ทำไมไปแค่เทศกาลดอกท้อครั้งหนึ่งก็กลายเป็นเช่นนี้เล่า?” นางจ้าวปวดใจยิ่งนัก
“มีงู หลีกไป อย่ามากัดข้านะ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากถูกงูกัดตาย” หยุนหลิงนอนขดตัวอยู่มุมเตียงอย่างหวาดหวั่นตกใจกลัว ตัวสั่นไปทั้งตัว
นางจ้าวตาแดงเรื่ออย่างปวดใจนัก รีบเข้าไปกอดหยุนหลิงไว้ “หลิงเอ๋อร์อย่ากลัวนะ แม่อยู่นี่ แม่จะปกป้องเจ้าเอง ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะไม่ให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”
หยุนหลิงถึงสงบลงมาก นางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดนางจ้าวได้ไม่นาน ก็หลับไป
นางจ้าวพยุงนางลงนอน ช่วยห่มผ้าให้นาง ถึงได้เรียกคนรับใช้ที่ติดตามหยุนหลิงมา
สาวใช้รีบเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่เทศกาลดอกท้อออกมา ทำเอานางจ้าวหน้าดำทะมึน หยุนถิงน่าตายนักกล้าเอางูมาข่มขู่หลิงเอ๋อร์ ชั่วร้ายนัก
นางจ้าวไปหาหยุนเฉิงเซี่ยงทันที และได้เจอกับคนรับใช้ที่ส่งกำไรจากหอเหวินหยวนพอดี เพราะเป็นห่วงหยุนหลิงนางจ้าวเลยมิได้คิดอะไรมาก พุ่งตรงเข้าไปในห้องทำงานของหยุนเฉิงเซี่ยงทันที
พอนางเข้าไป ก็คุกเข่าลงพื้นทันที “นายท่าน ขอร้องท่านช่วยให้ความเป็นธรรมกับหลิงเอ๋อร์ด้วยเถอะ ข้ารู้ว่าถิงเอ๋อร์แค้นข้ามาตลอด หาว่าข้าไม่ดีกับนางซู แต่หลิงเอ๋อร์บริสุทธิ์นะ
คุณหนูใหญ่กลับเอางูมาข่มขู่หลิงเอ๋อร์ ตอนนี้หลิงเอ๋อร์หวาดกลัวยิ่งนัก วันๆขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปากยังเอาแต่พึมพำว่างูมางูมา หรือว่านายท่านจะมองดูหลิงเอ๋อร์เป็นบ้าไปโดยมิทำอะไรเลยรึ
หลิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวแท้ๆของท่านนะ นายท่านเหตุใดท่านใจร้ายเยี่ยงนี้เล่า ข้าน้อยรับใช้นายท่านมาหลายปี ไม่มีความดีก็ต้องมีความชอบ ขอนายท่านสงสารหลิงเอ๋อร์บ้างเถอะ”
สีหน้าหยุนเฉิงเซี่ยงเย็นเยียบ โกรธทะลุฟ้า “เจ้ายังกล้าบอกว่านางน่าสงสาร เจ้ารู้หรือไม่ ในเทศกาลดอกท้อ นางเล่นตุกติกที่เสื้อผ้าของเจ้าสี่ ทำเอาเจ้าสี่โดนงูพิษวิ่งไล่ตาม
หากมิใช่ตอนนั้นหลีอ๋องผ่านมา และช่วยฆ่างูตัวนั้น น่ากลัวว่าเจ้าสี่คงโดนงูกัดตายไปแล้ว นั่นงูพิษนะ พี่น้องกันแท้ๆนางยังลงมือได้ลงคอ นางน่าสงสารที่ไหนกัน
เป็นเพราะเจ้าตามใจจนนางเคยตัว ถึงทำให้นางกลายเป็นคนอำมหิต โหดเหี้ยมเพียงนี้ เจ้าสี่น่ะน้องสาวแม่เดียวกันกับนางแท้ๆ และก็เป็นลูกสาวแท้ๆของเจ้าเหมือนกัน คนเป็นแม่อย่างเจ้าเนี่ยอบรมลูกสาวมายังไงกัน
เจ้ายังกล้ามาขอร้องแทนนาง ไสหัวกลับไปศาลบรรพชนเลย หากมิใช่เห็นแก่ที่นางล้มป่วย ข้าลงโทษนางไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ศาลบรรพชนนานแล้ว ให้นางเป็นตายเอาเองในเรือนน่ะถือว่าเมตตานางมากแล้ว!”