จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 233 หยุนถิงโดนวางยา
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 233 หยุนถิงโดนวางยา
“ไปปลดทุกข์” หยุนถิงตอบ
คำพูดเดียว โม่ฉือชิงมุมปากกระตุก ก่อนมองบน ไม่สนใจหยุนถิงอีก
“ข้าก็จะไปพอดี พวกเราไปด้วยกันเถอะ” โม่หลานลุกขึ้นเดินมา
จวินหย่วนโยวเห็นโม่หลานไปกับหยุนถิง ถึงได้วางใจ
โม่หลานกับหยุนถิงเดินออกจากตำหนัก แต่ทั้งสองคนไม่เคยได้ทำสิ่งนั้นในพระราชวังมาก่อน เพียงแค่ถามนางกำนัลหน้าประตูตำหนัก นางกำนัลใจดีมาก นำทางด้วยตัวเอง
ไม่นานนางกำนัลก็พาพวกนางมาถึงหน้าห้องเล็กห้องหนึ่ง “คุณหนูหยุน คุณหนูโม่ ที่นี่เจ้าค่ะ”
“ได้ ลำบากท่านแล้ว” หยุนถิงกับโม่หลานเข้าไป
หยุนถิงเข้าไปก่อน พอออกมาโม่หลานก็เข้าไป เพียงแต่รออยู่พักหนึ่งนางก็ยังไม่ออกมา หยุนถิงถามดูถึงรู้ว่าโม่หลานกินเยอะมากไปต้องปลดทุกข์หนัก
หยุนถิงจึงเดินเล่นอยู่รอบๆครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา เรี่ยวแรงเริ่มหายไปเรื่อยๆ หัวเริ่มมึน แก้มร้อนผ่านเหมือนเป็นไข้
หยุนถิงรีบยึดต้นไม้ใหญ่ข้างๆพยุงร่าง ถึงพอจะยืนอยู่ได้ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เมื่อครู่ตอนไปห้องน้ำเธอตรวจสอบอย่างระมัดระวังแล้ว ในนี้ไม่มีกลิ่นแปลกหรือยารัญจวนเลยนี่นา
“ฮูหยิน ท่านเป็นอะไรรึ?” หลงเอ้อร์ที่อยู่ในที่ลับรีบพุ่งเข้ามา
“ไม่รู้ จู่ๆก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลย แถมยังร้อนมากด้วย เหมือนโดนยา” หยุนถิงบอก และเริ่มกระพือเสื้อที่หน้าอก
หลงเอ้อร์มองอย่างเป็นห่วง “งั้นข้าน้อยพาท่านไปหาซื่อจื่อดีกว่า”
“ได้”
หลงเอ้อร์พยุงหยุนถิงจะไป ทันใดนั้นพลันมีคนชุดดำหลายสิบกว่าคนตกลงมาจากฟ้า สะบัดกระบี่ยาวในมือเข้าหาหลงเอ้อร์กับหยุนถิงทันที
“ฮูหยินระวัง!” หลงเอ้อร์ตะโกนดัง รีบชักกระบี่เข้าคุ้มครองหยุนถิงทันที
เพียงแต่อีกฝ่ายคนมากกว่า พวกเขาเหมือนมองออกว่าหยุนถิงดูไม่สบาย ลอบโจมตีเข้ามาจากทุกทาง
องครักษ์เงามังกรสิบกว่าคนที่ซ่อนอยู่ในที่มืดรีบเหาะเข้ามาต่อสู้กับเหล่าคนชุดดำพวกนั้นทันที อีกฝ่ายฝึกฝนมาดีนัก และยังลงมือโหดเหี้ยมเด็ดขาดอีกด้วย มิใช่คนดีเลย ต่อให้เป็นองครักษ์เงามังกรที่วิทยายุทธ์สูงส่งก็ยังสลัดหลุดได้ยาก
คนชุดดำคนหนึ่งลอบโจมตีจากด้านหลัง กระบี่ยาวในมือจะแทงมาที่หยุนถิง ร่างดำปราดเข้ามาราวสายฟ้าแลบซัดฝ่ามือในคนนั้นจนลอยกระเด็น และพาหยุนถิงปราดไปยังที่ปลอดภัยด้านข้าง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โม่ฉือหานถามอย่างเป็นห่วง
เมื่อครู่เขาเห็นหยุนถิงออกมา ก็ไม่รู้ทำไมถึงเดินตามออกมา โม่ฉือหานเดินตามมาถึงที่นี่
โดยไม่รู้ตัว แต่ไม่คิดว่าพอมาก็เห็นมีคนลอบทำร้ายหยุนถิงพอดี จังหวะที่กระบี่ยาวจะแทงตัวหยุนถิงนั้น โม่ฉือหานหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ลงมือช่วยโดยไม่คิดทันที
หยุนถิงถึงเห็นคนข้างกายชัดเจน เธอตกใจและแปลกใจมากว่า “โม่ฉือหาน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หมอนี่ดันมาช่วยตน คงไม่ใช่โดนผีสิงหรอกนะ
“ข้าออกมาเดินเล่น พอดีพึ่งผ่านมา”
หยุนถิงปัดมือของเขาที่จับตนเองออกอย่างรังเกียจ จะออกเดิน แต่ขาดันอ่อน ตัวยุบฮวบลงพื้น
โม่ฉือหานมือไว พยุงนางไว้ทัน และดึงเข้าอ้อมกอดตน หยุนถิงเลยเอนพิงร่างเขา
กลิ่นหอมอ่อนกระทบจมูก ไม่เหมือนกลิ่นเครื่องประทินโฉมอย่างสตรีนางอื่น หยุนถิงในตอนนี้มีกลิ่นเหล้าหอมหวานเล็กน้อย ทำให้คนจิตใจเบิกบาน
ความงามล้ำของใบหน้าแน่งน้อยของนาง ใบหน้าแดงเรื่อภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง ประหนึ่งแอปเปิ้ลที่สุกเต็มที่ น่ากินยิ่งนัก สันจมูกโด่ง ริมฝีปากแดงโดยธรรมชาติ งามล่มเมือง จันทราหลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง
เห็นหยุนถิงที่เป็นเช่นนี้ โม่ฉือหานเหม่อลอยทันที เลือดลมในตัวแล่นพลุ่งพล่าน เปลวเพลิงที่สุมทรวงมานานกองนั้นพลันลุกโชติช่วงขึ้นมาทันที พอเห็นหยุนถิงที่งามล้ำเช่นนี้ เลยก้มหัวลงไปจะจุมพิตนาง
“เพี๊ยะ!” เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังขึ้น หยุนถิงผลักโม่ฉือหานด้วยแรงเต็มที่ที่มี จนเขาล้มลงไปกองกับพื้น
“ไสหัวไป โม่ฉือหาน เจ้าเป็นอย่างนี้มันทำข้าจะอ๊วก!”
โม่ฉือหานถึงมีสติกลับมา สีหน้าดำทะมึน ดวงตาดำขลับมีแววดุดัน “หยุนถิง เจ้าหาเรื่องเองนะ!”
ระหว่างพูด โม่ฉือหานโอบหยุนถิงเข้าอ้อมกอดทันที พลางก้มหัวดึงดันจะจูบนาง
หยุนถิงรีบดิ้นรนขัดขืน อยากผลักเขาออก แต่เรี่ยวแรงกลับหายไปเรื่อยๆ หยุนถิงลูบผมทันที โม่ฉือหานเหมือนจะรู้ว่านางจะทำอะไร มือใหญ่บีบจับสองมือของหยุนถิงไว้ด้านหลัง ไม่ให้โอกาสนางลอบทำร้ายใดๆ
โม่ฉือหานที่เก็บกดมานานแล้ว ตอนนี้อยากจะลงโทษนางให้หนักเท่านั้น
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้แตะต้องปากของหยุนถิง ก็มีฝ่ามือซัดเข้ามาอย่างรุนแรง โม่ฉือหานรับรู้ได้ถึงอันตรายที่เข้ามา รีบหลบทันที
เขาอยากจะดึงหยุนถิงไปด้วย แต่ร่างนั้นเร็วกว่าเขา และดึงหยุนถิงไปอยู่ข้างๆ
พอเห็นคนที่มาชัด หยุนถิงก็ลอบถอนหายใจโล่งอก
“โม่เหลิ่งเหยียน เจ้ากล้าทำร้ายข้า?” โม่ฉือหานเดือดจัด
“ทำร้ายเจ้าแล้วอย่างไร เจ้าน่าจะดีใจที่เป็นข้า หากเป็นจวินหย่วนโยวมาล่ะก็ ตอนนี้เจ้าตัวขาดเป็นสองท่อนแล้ว!” น้ำเสียงทะมึนของโม่เหลิ่งเหยียนแฝงแววเย็นเยียบดุจน้ำแข็งมา
โม่ฉือหานถึงได้สติ ถลึงตาใส่หยุนถิงอย่างเดือดดาล “นางยั่วยวนข้าเอง ไม่อย่างนั้นข้าไม่มีทางชายตาแลนางดอก”
หยุนถิงยิ้มเย็น “โม่ฉือหานเจ้าเอาหน้ามาจากไหนกัน เจ้าไม่ได้หล่อเหลาเหมือนซื่อจื่อของข้า และยังไม่มีเงินเท่าซื่อจื่อ นกเขาไม่ขันแล้วด้วย ข้าตาบอดงั้นรึ ถึงได้ชอบเจ้า ขนาดซวนอ๋องยังหล่อเหลา มีสง่าราศีมากกว่าเจ้าเสียอีก”
โม่เหลิ่งเหยียนยิ้มมุมปากน้อยๆ เขาไม่คิดเลยว่า หยุนถิงจะประเมินเขาสูงขนาดนี้
“น่าตายนัก หยุนถิง เจ้าอย่ามาไม่รู้ความ” โม่ฉือหานกัดเคี้ยวเขี้ยวฟัน
หยุนถิงยังอยากพูดอะไรอีก แต่ทั้งตัวล้มลงพื้น โม่เหลิ่งเหยียนรีบมาพยุงนางไว้ “เจ้ายังดีอยู่หรือไม่?”
“ข้าเหมือนจะโดนพิษ ท่านพาข้าไปสระน้ำหรือข้างน้ำหน่อย” หยุนถิงตอบ น้ำเสียงออดอ้อน ฟังแล้วทำเลือดลมพลุ่งพล่าน
โม่เหลิ่งเหยียนถึงสังเกตเห็นแก้มแดงจัดของหยุนถิง ดวงตาวาบหวาม เนื้อตัวราวกับไร้กระดูก และยังหอบหายใจหนักๆ
“น่าตายนัก!” โม่เหลิ่งเหยียนด่าออกมา พลางอุ้มหยุนถิงทำท่าจะไป
โม่ฉือหานอยากไล่ตาม แต่เขาสู้โม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้เลย พอเห็นหยุนถิงที่จะถึงปากอยู่แล้วโดนคนแย่งไป โม่ฉือหานเดือดดาลแทบตาย ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งเขาต้องทำให้หยุนถิงมาขอร้องกราบกรานใต้ร่างเขาให้ได้
ชางหลันเย่ที่อยู่ในที่ลับเห็นโม่เหลิ่งเหยียนพาหยุนถิงไปแล้ว ถึงได้ลอบถอนหายใจโล่งอก
เมื่อครู่เขาเห็นหยุนถิงไม่กลับมานานแล้ว เลยอ้างจะไปปลดทุกข์ออกมาตามหาคน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอหยุนถิงโดนคนไล่ตามฆ่า และโม่ฉือหานยื่นมือช่วยหยุนถิงไว้
ชางหลันเย่รีบเรียกเส้นสายของเขาในพระราชวังมาทันที และให้ขันทีน้อยไปบอกจวินหย่วนโยว แต่ไม่คิดว่าเขาใม่อยู่ในงานเลี้ยง ขันทีน้อยเลยได้แต่บอกซวนอ๋องแทน
เพราะทั่วทั้งงานเลี้ยง ผู้ที่ฝีมือมากพอจะเอาชนะหลีอ๋องได้ก็มีแต่ซวนอ๋องเท่านั้น
“นายท่าน เหตุใดท่านไม่ออกไปช่วยคุณหนูหยุนเองเล่า?” ขันทีน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าข้าออกไป หลีอ๋องต้องไม่ยอมปล่อยคนง่ายๆแน่ และจะยิ่งทำให้เขาสงสัย พอเห็นนางปลอดภัยก็พอแล้ว” ชางหลันเย่พูดจบ ก็หมุนตัวจากไป
ขันทีน้อยก็จากไปในทิศทางตรงกันข้าม แค่พริบตาเดียวทั้งสองคนก็หายไปไร้ร่องรอย
โม่เหลิ่งเหยียนทางนี้วิ่งมาตลอดทาง พาตัวหยุนถิงไปสระน้ำในอุทยาน หยุนถิงไม่พูดพร่ำทำเพลงโดดลงน้ำทันที
“หยุนถิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”