จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 239 หยุนถิงโดนหลอกใช้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 239 หยุนถิงโดนหลอกใช้
คืนนี้ซ่างกวนหรูโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง
ซ่างกวนหรูที่ถูกเรียกขานว่าเป็นยอดหญิงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงมาตลอด กลับกระทำการบัดสีกับบุรุษผู้หนึ่งในงานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกรที่พระราชวัง และยังใส่ร้ายป้ายสีจวินซื่อจื่อ สุดท้ายโดนจับได้ และยังโดนบุรุษรังเกียจ
ข่าวใหญ่เช่นนี้ ได้ถ่ายทอดกันไปปากต่อปากทันที เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงพากันวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่
เหล่าบุรุษสตรีที่เลื่อมใสรักใคร่หลงใหลในตัวนาง พอได้ยินว่าซ่างกวนหรูทำเรื่องเช่นนี้ พากันเหยียดหยาม รังเกียจ ดูถูก เสียดสีนาง
เวลาเพียงแค่คืนเดียว ซ่างกวนหรูจากยอดหญิงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงตกฮวบลงมาเป็นหญิงงามเมือง หญิงนางโลม หญิงเจ้าเล่ห์ที่ทุกคนพากันรังเกียจเดียดฉันท์
ที่หน้าประตูใหญ่ของจวนซ่างกวนห้อมล้อมไปด้วยชาวบ้าน พวกเขานำไข่ไก่ ผักเน่ามาปาใส่ประตูใหญ่จวนซ่างกวนอย่างเคียดแค้น พลางด่าทอต่อว่า
พอซ่างกวนเจิ้นได้ยินคนมารายงาน ก็โกรธจัด สั่งให้คนรับใช้ไปขับไล่ชาวบ้านพวกนั้นไปให้พ้น
เพียงแต่เหล่าคนรับใช้ที่ออกมาจากจวนยังไม่ทันได้ไล่ ก็โดนเหล่าชาวบ้านเขวี้ยงของใส่กลับไป โดยเฉพาะเหล่าบุรุษที่ก่อนหน้านี้หลงใหลในตัวซ่างกวนหรู พอคิดถึงว่าเทพธิดาในใจตนแท้ที่จริงเป็นหญิงงามเมือง ก็พากันอดสูเคียดแค้น มาอาละวาดที่จวนซ่างกวน
จวนซ่างกวนในตอนนี้ปิดประตูใหญ่สนิท ไม่มีใครกล้าออกมาเลย
ซ่างกวนหรูที่อยู่ในห้องตื่นนานแล้ว นางร้องไห้มาทั้งคืน จนตอนนี้สองตาบวมเป่งราวกับลูกท้อเลยทีเดียว
“ท่านพ่อ ขอร้องงท่านช่วยข้าด้วยเถอะ ข้าอยู่กับจวินซื่อจื่อแท้ๆ เขาโดนยาแล้วจริงๆ ขยับตัวไม่ได้เลย ข้าถอดเสื้อผ้าเขาแล้ว มันเป็นเรื่องจริงนะ ขอร้องท่านเชื่อข้าเถิด” ซ่างกวนหรูร้องไห้คร่ำครวญบอก
“ข้าต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว เจ้าจะไปมีสัมพันธ์กับชายอื่นได้อย่างไร เพียงแต่ในเมื่อจวินหย่วนโยวโดนยาแล้วหนีไปได้อย่างไร หยุนถิงก็หายไปไร้ร่องรอย น่าตายนัก งานนี้แพ้แล้ว!” ซ่างกวนเจิ้นถอนหายใจบอก
“ท่านพ่อ ข้าหมดสิ้นทุกสิ่งแล้ว ท่านพ่อ ขอร้องท่านช่วยข้าเถอะ ตอนนี้ท่านไปจับคนที่มันลบหลู่ด่าว่าข้า แล้วฆ่าพวกมันซะ ฆ่าให้หมดเลย!” ซ่างกวนหรูเสียสติไปแล้ว
ซ่างกวนเจิ้นเดือดดาลนัก “หุบปาก เจ้าคิดจะให้พ่อฆ่าคน ต่อให้ฆ่าคนหนึ่งหมด ฆ่าร้อยคน แล้วจะปิดปากคนทั้งใต้หล้าได้อย่างไร ไม่ใช่เพราะเจ้าโง่งมรึ ตอนนี้ชื่อเสียงของจวนซ่างกวนของข้าถูกเจ้าทำลายป่นปี้แล้ว! ฝ่าบาทมีรับสั่งแล้วว่าให้เจ้าสำนึกผิดอยู่บ้านสามเดือน ระยะนี้เจ้ามิต้องออกไปไหนล่ะ” พูดจบ สะบัดชายเสื้อจากไป
ซ่างกวนหรูทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง หมดอาลัยตายอยาก
นี่ท่านพ่อไม่สนใจนางแล้วรึ เขาบอกว่าตนทำให้ตระกูลซ่างกวนขายหน้า ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นความภาคภูมิใจของทั้งตระกูลซ่างกวน
น่าตายนัก ต้องโทษจวินหย่วนโยว เขาต้องเล่นลูกไม้อะไรแน่ ตอนนี้ซ่างกวนหรูเคียดแค้นจวินหย่วนโยวยิ่งนัก
เขาทำลายตน ทำตนชื่อเสียงป่นปี้หมด แค้นนี้นางต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าแน่
…..
พระราชวัง
ซวนอ๋องกับหลีอ๋องพาคนค้นหาทั่วทั้งพระราชวังทั้งคืน ก็ไม่เจอตัวหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว คราวนี้พวกเขาสองคนร้อนใจยิ่งนัก
โม่เหลิ่งเหยียนเป็นห่วงหยุนถิง ฝ่าบาทสั่งเขาสืบเรื่องนี้ แต่โม่ฉือหานก็ไม่รู้ทำไม อยู่ค้นหาทั้งคืนไม่ยอมกลับไป
องค์ชายสี่เฝ้าห้องนั้นอยู่ตลอด เขารู้สึกว่าหยุนถิงอยู่ที่นี่ ฟู่อี้เฉินเห็นเขาไม่ยอมจากไป ก็อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขา
คืนนี้องครักษ์เงามังกรก็ไม่ได้ออกจากวังหลวงเลย คอยลอบสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่ในที่ลับตลอด พวกเขาแน่ใจว่าซื่อจื่อและฮูหยินยังไม่ได้ไปจากวังหลวง
“ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว ข้าว่าพวกเราไปกินอาหารที่ห้องพระเครื่องต้นกันก่อนเถอะ” ฟู่อี้เฉินเอ่ยขึ้น
องค์ชายสี่เฝ้ามาทั้งคืนแล้ว เหนื่อยมากเหมือนกัน ตอนนี้ท้องร้องจ๊อกๆ “เอาเถอะ ถ้าข้าหิวตายก็ตามหาหยุนถิงไม่ได้น่ะสิ”
ทั้งสองคนถึงลุกขึ้นออกไป พอได้ยินว่าพวกเขาไปแล้ว หยุนถิงในมิติถึงถอนหายใจโล่งอก
เมื่อคืนเธอบ้าคลั่งกับจวินหย่วนโยวทั้งคืน เนื้อตัวเจ็บปวดแทบตาย เหนื่อยมาก พอลืมตามาก็ได้ยินบทสนทนาของฟู่อี้เฉินกับองค์ชายสี่ด้านนอก
หยุนถิงอดแปลกใจไม่ได้ ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทำให้เธออดซาบซึ้งไม่ได้
หยุนถิงรีบเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในมิติ นี่เป็นของที่เธอวางในมิติก่อนหน้านี้แล้ว แต่มิติของเธอไม่มีเสื้อผ้าของซื่อจื่อ หยุนถิงใช้กระแสจิตสร้างเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง
พอเห็นซื่อจื่อกำลังหลับสนิท พอคิดถึงว่าซื่อจื่อบ้าคลั่งทั้งคืน หยุนถิงปวดใจนัก ซื่อจื่อที่บ้าอำนาจ แข็งแกร่ง ห้ามใครปฏิเสธคนนั้น หยุนถิงพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที รีบช่วยซื่อจื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็สร้างผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา
พอเห็นด้านนอกเงียบไปแล้ว หยุนถิงออกจากมิติ ต้องคิดหาวิธีออกจากพระราชวังให้ได้ถึงจะดี
ตอนนี้ผ่านไปคืนหนึ่งแล้ว ถ้าให้คนจู่ๆมาเห็นเธอปรากฏตัวกลางพระราชวัง ต้องโดนสงสัยแน่ ดังนั้นหยุนถิงเลยกลับเข้าไปในมิติ เปลี่ยนเป็นชุดขันที และแปลงโฉมแบบง่ายๆ ก่อนจะออกมา
หยุนถิงเปิดประตูออกไป และพยายามหลบหลีกองครักษ์ที่มาลาดตระเวนในพระราชวังอย่างระมัดระวัง และมุ่งหน้าตรงไปยังหน้าประตูพระราชวัง
“หยุดนะ!” เสียงแหลมแสบแก้วหูตะโกนขึ้น ห่างไปไม่ไกลมีกงกงสามคนเดินมา
หยุนถิงอึ้ง รีบหยุดฝีเท้า หันมาคารวะอย่างนอบน้อม “คารวะกงกง”
โจวกงกงที่นำหน้าเหล่มองหยุนถิง “ไอ้หนูเหตุใดเจ้าดูแปลกตานัก ตำหนักใดรึ?”
“เรียนกงกง ข้าน้อยพึ่งมาใหม่ขอรับ ทำงานอยู่ที่ห้องพระเครื่องต้น พึ่งไปถวายกระยาหารให้จี๋ผิน แล้วเกิดหลงทางระหว่างทางกลับ” หยุนถิงบอก และควักเงินตำลึงออกมาจากในเสื้อ แอบยื่นไปหา “ต่อไปขอกงกงได้โปรดชี้แนะด้วย”
โจวกงกงเหล่มองเงินนั่น สองตาหรี่ลง รีบยื่นมือไปรับมายัดใส่ชายเสื้อ “ไม่เลว เจ้าหนูนี่รู้งาน ในเมื่อมาพบข้า ก็ติดตามข้าแล้วกัน มีงานให้ทำพอดี”
“ขอบพระคุณกงกงที่ชี้แนะ” สีหน้าหยุนถิงนบนอบนัก แต่ในใจด่ากราดเจ้าขันทีนี่แล้ว
ซวยจริงๆ รู้อย่างนี้เธอไม่ออกมาหรอก แต่คิดอีกทีก็ช่างเถอะ จะได้มาดูว่า พระราชวังนี่มันไม่ธรรมดายังไง
โจวกงกงพาหยุนถิงไปที่ห้องครัว “เจ้าส่งสิ่งนี้ไปคุกหลวง ห้องฟ้าหมายเลขหนึ่ง จำไว้ อย่าพลาดเชียวล่ะ”
“ขอรับ”
โจวกงกงยังส่งขันทีคนหนึ่งมานำทางให้หยุนถิงโดยเฉพาะ หยุนถิงยกถาดอาหารนั่นไปยังคุกหลวง
“กงกง เหตุใดท่านส่งคนหน้าไม่คุ้นไปเล่า เกิดเขาเชื่อถือไม่ได้ล่ะ?” ขันทีน้อยข้างๆถามขึ้นเสียงเบา
สายตาโจวกงกงส่อแววอำมหิต “เชื่อถือได้หรือไม่ก็เป็นแพะรับบาปอยู่ดี หน้าไม่คุ้นจะได้ไม่ถูกสงสัย”
“กงกงฉลาดนัก”
ทางนี้หยุนถิงเดินตามขันทีน้อยไปยังคุกหลวง และขันทีน้อยก็จากไป
นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนถิงได้เข้าไปในคุกหลวง พอเดินเข้าไป คุกหลวงที่กว้างใหญ่กลับไม่มีใครอยู่เลย
รอจนเธอเดินไปถึงห้องฟ้าหมายเลขหนึ่งนั่น หยุนถิงถึงพบว่าเป็นสาวใช้ตัวน้อย ถึงตอนนั้นเธอจะซ่อนอยู่ในมิติ แต่คำพูดของทุกคนในห้องเธอได้ยินชัดเจน
หรือว่า นี่เป็นสาวใช้ที่ปรักปรำซื่อจื่อคนนั้น?