จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 247 มาให้ทารุณถึงที่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 247 มาให้ทารุณถึงที่
หยุนถิงเห็นดังนั้น ก็รีบเขียนสูตรออกมาทันที ซูกงกงรีบนำไปถวายให้ฝ่าบาท
“หยุนถิง เจ้าคือดาวนำโชคของข้าจริงๆ!” ฮ่องเต้ตรัสชื่นชม
“ได้แบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท ถือเป็นเกียรติของข้า วันหน้าหากฝ่าบาทมีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ สามารถเรียกพบข้าได้ตลอด อย่างไรเสียข้าก็อยู่ว่างๆอยู่แล้ว” หยุนถิงหัวเราะแฮะๆ
“ตกลง”
ฮ่องเต้ให้ซูกงกงนำสูตรใบนั้นไปมอบให้กับหมอหลวงหลิว คณบดีแห่งโรงหมอหลวงทันที ให้เขาศึกษาและผลิตยาจินชวง ถ้าหากผลลัพธ์อัศจรรย์เช่นนี้จริงๆ มันจะเป็นข่าวดีสำหรับบรรดาทหารของแคว้นต้าเยียนอย่างแน่นอน
หยุนถิงถอยออกไป กำลังจะออกจากพระราชวัง จู่ๆก็มีเงาขึ้นมาเหนือศีรษะ เมื่อเงยหน้ามองดูนึกไม่ถึงว่าจะเป็นอินทรีทอง นางลืมเจ้านี่ไปแล้ว
อินทรีทองเห็นหยุนถิง มีความสุขอย่างยิ่ง บินวนอยู่เหนือศีรษะนางหลายรอบ
“หลายวันมานี้เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?” หยุนถิงถาม
อินทรีทองพยักหน้าเบาๆ บินวนต่อไป
หยุนถิงหยิบเนื้อแห้งออกมาจากกระเป๋าหนึ่งชิ้น โยนขึ้นไปในอากาศ อินทรีทองอ้าปากกัดเอาไว้ทันที จากนั้นก็กินลงไป
“ไปเถอะ นับแต่วันนี้ไปเจ้าก็ติดตามข้ากลับไปเถอะ จากนี้ไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวจินจื่อ” หยุนถิงกล่าว
อินทรีทองบินอยู่กลางอากาศ ติดตามหยุนถิงออกจากพระราชวังทันที
หยุนถิงกำลังจะขึ้นรถม้า เงาร่างที่คุ้นเคยสองเงาที่อยู่ตรงข้ามก็ตะบึงเข้ามาอย่างโกรธจัด
“หยุนถิงเจ้าอยู่นี่นี่เอง สัตว์เลี้ยงของเจ้าจิกทำร้ายข้า บัญชีนี้ควรจะคิดอย่างไร?” ชางหยุนสี่คำรามด้วยความโกรธ
เลี้ยงเทศกาลเรือมังกรเมื่อสองวันก่อน ชางหยุนสี่ถูกอินทรีทองจิกทำร้าย คนทั้งคนเจ็บเจียนตาย หลังจากที่เชิญหมอหลวงมารักษาสองวัน ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นวันนี้นางกับองค์ชายรองจึงมาที่พระราชวังทันที
ในฐานะที่เป็นองค์หญิงสี่แห่งแคว้นชางเยว่ ชางหยุนสี่ถูกเสด็จพ่อเสด็จแม่รักใคร่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก นางจองหองเอาแต่ใจ อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็ทำตัวโอหัง มีแต่นางที่ข่มเหงรังแกคนอื่น เคยได้รับความคับข้องใจเช่นนี้เมื่อไหร่กัน
“หยุนถิงเจ้าทำร้ายน้องสี่ของข้า จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” สายตาที่ดุร้ายของชางเยว่หมิงชำเลืองมาทางหยุนถิง แววตามองพิจารณาอยู่บนร่างกายของนาง
นางงดงามน่าทึ่ง งามล่มชาติล่มเมือง ใบหน้าเล็กที่ใหญ่เท่าฝ่ามือถูกสร้างมาอย่างพิถีพิถัน คิ้วโก่ง ดวงตาคู่สวยนั่นใสสะอาดและเย็นชา กลิ่นอายความเอื่อยเฉื่อยโอหังถือดีแผ่ซ่านอยู่รอบตัว ทำให้คนมีความปรารถนาอยากจะพิชิตมาให้ได้
นางที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว เรียบง่ายสง่างาม บนร่างกายไม่มีเครื่องประดับใดๆแม้แต่ชิ้นเดียว แต่กลับแฝงไปด้วยไอเทพ ทำให้คนมองตกอยู่ในภวังค์
สาวงามเช่นนี้น่าเสียดายที่เป็นของจวินหย่วนโยว มิเช่นนั้นชางเยว่หมิงจะต้องแย่งนางมาอย่างแน่นอน เพียงแค่อยู่ข้างกายได้มองดูก็เจริญหูเจริญตาแล้ว
หยุนถิงย่อมรู้สึกได้ถึงการมองพิจารณาที่ไม่หวังดีของชางเยว่หมิงอยู่แล้ว ริมฝีปากบางเกี่ยวขึ้นมาอย่างดุร้ายเล็กน้อย เข็มเงินที่อยู่ในมือพุ่งไปทางหว่างขาของชางเยว่หมิงอย่างรวดเร็ว
รู้สึกถึงกระแสอากาศที่อันตรายในอากาศ ชางเยว่หมิงรีบหลบออกไปทันที เห็นเข็มเงินที่ร่วงหล่นลงพื้นชางเยว่หมิงถึงได้แอบถอนหายใจอย่างลับๆ
“หยุนถิงผู้สมควรตาย เจ้าถึงกับโหดเหี้ยมเช่นนี้ จะลอบทำร้ายข้า!” ชางเยว่หมิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“ข้าเกลียดการมองพิจารณาที่ไม่หวังดีที่สุด องค์ชายรองรู้อยู่แก่ใจ ถ้าหากองค์ชายรองไม่อยากกลายเป็นคนพิการ ข้าขอแนะนำให้ท่านเก็บความคิดที่ไม่ควรมีนั่นซะ” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
จู่ๆชางเยว่หมิงก็ถูกพูดแทงใจดำ รู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย แต่บนใบหน้ากลับยิ่งโมโหและโกรธเคืองมากขึ้น เขาเป็นถึงองค์ชายรองแต่กลับถูกผู้หญิงข่มขู่เช่นนี้ นี่ถ้าหากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปจะไม่ถูกหัวเราะเยาะจนฟันร่วงหรือ
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ชางเยว่หมิงจู่โจมมาทางหยุนถิงอย่างรวดเร็ว
ครั้งที่แล้วนางอยู่กับจวินหย่วนโยว ตอนนี้นางอยู่คนเดียว แม้แต่องครักษ์สักคนก็ไม่ได้พามาด้วย ชางเยว่หมิงถึงได้กล้าบังอาจเช่นนี้
อินทรีทองที่อยู่เหนือศีรษะจู่โจมไปทางชางเยว่หมิงในทันใด รวดเร็วราวกับสายฟ้า ดวงตาคู่นั้นแหลมคมและอันตราย
จู่ๆเหนือศีรษะของชางเยว่หมิงก็มืดลงทันที ในตอนที่เห็นอินทรีทองที่จู่โจมมาทางเขา ก็สะดุ้งตกใจ บัดซบ เขาลืมเจ้าสัตว์ตัวนี้ไปได้อย่างไร
นาทีนี้ ชางเยว่หมิงไม่เคยรู้สึกเสียใจภายหลังเช่นนี้มาก่อน ถ้าหากรู้ว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้จะถูกหยุนถิงสยบ ให้ตายอย่างไรเขาก็จะไม่ส่งมันมาแล้ว
น่าเสียดาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันสายไปแล้ว
เดิมทีชางหยุนสี่ต้องการจะสั่งสอนหยุนถิง ทันทีที่เห็นอินทรีทองบินเข้ามา ก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาวไปหมด รีบหลบออกไปด้านหนึ่งทันที
อินทรีทองกับชางเยว่หมิงต่อสู้รวมกันเป็นหนึ่งในชั่วพริบตา ถึงแม้ทักษะการต่อสู้ของชางเยว่หมิงจะไม่เลว แต่เผชิญหน้ากับอินทรีทองที่ทรงพลังและรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาไม่ได้มีข้อได้เปรียบอะไรเลยแม้แต่น้อย
หยุนถิงมองด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง จู่ๆก็รู้สึกว่าต้องเพิ่มน่องไก่ให้อินทรีทองแล้ว
แต่ว่าโอกาสดีๆเช่นนี้ ชางหยุนสี่ย่อมไม่อยากปล่อยผ่านไปอยู่แล้ว นางมองดูพี่รองที่ต่อสู้อยู่กับอินทรีทอง และข้างกายของหยุนถิงก็ไม่มีใครเลย ชางหยุนสี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง มีดบินในมือพุ่งไปทางหยุนถิง
หยุนถิงมองดูความเคลื่อนไหวของสองพี่น้องคู่นี้ตลอด ย่อมเห็นการกระทำของชางหยุนสี่อยู่แล้ว มุมปากของหยุนถิงเกี่ยวขึ้นมาอย่างเย้ยหยันเล็กน้อย ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“เคร้งๆๆ!” มีดบินถูกตีจนร่วงหล่นบนพื้นในชั่วพริบตา หลงเอ้อขวางอยู่ด้านหน้าของหยุนถิง
ชางหยุนสี่ตะลึงงัน จ้องมองมาด้วยความโกรธเคือง “หยุนถิง เจ้ายังพาคนมาด้วยหรือ”
“หลงเอ้อคือองครักษ์ประจำตัวของข้า รับผิดชอบความปลอดภัยของข้า ย่อมเฝ้าอารักขาข้าทุกอย่างก้าวอยู่แล้ว ขอโทษที่ทำให้การลอบโจมตีของเจ้าล้มเหลว” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
“บัดซบ ถึงจะเป็นองครักษ์เงามังกรแล้วอย่างไร วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้ได้!” ชางหยุนสี่จู่โจมเข้ามา
“หลงเอ้อไปอยู่ด้านข้าง จัดการกับไก่อ่อนแบบนี้หากเจ้าลงมือก็คือการใช้คนมีความสามารถไม่เหมาะสมกับงานแล้ว ชมการแสดงไปเถอะ” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ขอรับ ฮูหยิน” หลงเอ้อถอยไปอยู่ด้านข้างทันที
หยุนถิงไม่มีความตื่นตระหนกใดๆเลยแม้แต่น้อย ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋า ในขณะที่ชางหยุนสี่โจมตีเข้ามา ผงยาหนึ่งกำมือก็ยัดไปทางนาง
“อ๊า บัดซบหยุนถิงเจ้าทำอะไรข้า?” ชางหยุนสี่รีบปิดตาเอาไว้ทันที กระบี่ยาวที่อยู่ในมือโบกสะบัดอย่างมั่วซั่ว
หยุนถิงรีบหลบไปด้านข้างทันที “อินทรีทองหลบไป!”
อินทรีทองได้ยินคำสั่ง ก็บินขึ้นท้องฟ้าทันที เดิมทีชางเยว่หมิงก็สู้อย่างเกินกำลังอยู่แล้ว จู่ๆหยุนถิงก็แหกปากเสียงดังเช่นนี้ ชางเยว่หมิงตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อย หยุนถิงสาดผงยาไปอีกหนึ่งกำมือ
ชางเยว่หมิงหลับตาลงโดยสัญชาตญาณ กลั้นหายใจเอาไว้
แต่แล้วหยุนถิงก็เตะไปที่ท้องของเขาอย่างแรง ชางเยว่หมิงเจ็บจนอ้าปากออกโดยสัญชาตญาณ หายใจเอาผงยาเข้าไปทันที
“หยุนถิงผู้สมควรตาย เจ้าถึงกับกล้าทำร้ายข้า!” ชางเยว่หมิงโจมตีไปด้านหน้าด้วยความโกรธแค้น
จู่ๆหยุนถิงก็หยิบกลองป๋องแป๋งออกมา เขย่าไปสองครั้ง ชางหยุนสี่กับชางเยว่หมิงที่เดิมทีกำลังโมโหโกรธเคืองอยู่จู่ๆก็ยืนตัวตรงกะทันหัน แถมยังหมุนวนรอบหนึ่ง จากนั้นก็ยืนนิ่งด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
หลงเอ้อเห็นแล้วยังตะลึงงัน “ฮูหยิน พวกเขาเป็นอะไรไป หรือว่าพวกเขาถูกท่านควบคุมแล้ว?”
“ถูกต้อง ผงยาเมื่อครู่นี้ข้าค้นคว้าขึ้นมาเอง ทำให้เส้นประสาทเป็นอัมพาต ควบคุมเจตจำนงของผู้คน เจ้าให้เขาทำอะไร เขาก็จะอย่างนั้น” หยุนถิงกล่าวอธิบาย
“ร้ายกาจขนาดนี้เลย ฮูหยินเช่นนั้นให้ข้าลองดูหน่อย” หลงเอ้อกล่าวพร้อมเดินไปทางชางเยว่หมิง “เอาทรัพย์สินในตัวเจ้าออกมาให้หมด”
ชางเยว่หมิงหยิบตั๋วเงินที่อยู่ในกระเป๋าทั้งหมดออกมา ชางหยุนสี่ก็หยิบออกมาไม่น้อยเช่นกัน
หลงเอ้อหยิบตั๋วเงินของพวกเขามาอย่างรวดเร็ว “ฮูหยิน ทรัพย์สินที่สองคนนี้นำติดตัวมาด้วยมีมากโขอยู่”
“เอาไปใช้หมดเลย” หยุนถิงกล่าวอย่างได้ใจ กวัดแกว่งกลองป๋องแป๋งที่อยู่ในมือ เดินออกไปทางถนนใหญ่