จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 256 นางคือฆาตกร
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 256 นางคือฆาตกร
กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เธอได้กลิ่นจากตัวจ้าวเหลียงเหรินเมื่อครู่พอดีเลย
สีหน้าหยุนถิงเย็นชาดุจน้ำแข็ง เธอพยุงสาวใช้คนนั้นขึ้นมา ทำทีเลิกแขนเสื้อนางขึ้นอย่างบังเอิญ และพบว่าบนขานางมีรอยเล็บลึกมากสองรอย
สาวใช้คนนั้นตกใจ รีบยืนให้มั่น เอามือลงแขนเสื้อลง “ขอบใจพี่ชายองครักษ์มากนัก”
“มิเป็นไร คราวหน้าระวังให้มากหน่อย” หยุนถิงตอบอย่างกดเสียงแหบต่ำ พลางหมุนตัวจากไป
องครักษ์สามคนที่ตามหลังเธอ ก็จากไปเช่นกัน
สาวใช้คนนั้นคิ้วขมวดมุ่น เมื่อครู่สายตาองครักษ์คนนั้นเย็นชายิ่งนัก ทำให้นางตกใจไปชั่วขณะ แต่นางเหล่มององครักษ์สี่คนนั่น รู้สึกว่าตนคงคิดมากเกินไปเอง
ในวังทุกวันจะมีองครักษ์มาลาดตระเวนมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หยุนถิงอยู่ในคุกหลวงอยู่ สาวใช้ไม่คิดอะไรมาก รดน้ำต่อไป
หยุนถิงที่เดินไปอีกทางเดินหนึ่งพลันหยุดฝีเท้าลง พูดกับคนด้านหลังว่า “ส่งคนไปจับตาดูสาวใช้คนนั้นที่ข้าพึ่งช่วยเมื่อครู่”
หมิงจิ่วซางเลิกคิ้วถาม “เพราะเหตุใด?”
“หากข้าเดาไม่ผิด นางคือฆาตกร” หยุนถิงมั่นใจมาก
“ขอรับ” องครักษ์เงามังกรที่อยู่ข้างๆรับคำสั่งทันที สำหรับการตัดสินใจของฮูหยิน พวกเขามิเคยสงสัยเลย
มุมปากหมิงจิ่วซางกระตุก พอสตรีผู้นี้ออกมาก็หาตัวฆาตกรเจอเลย นี่มันโชคดีอะไรเนี่ย แต่คนที่สามารถทำให้โม่เหลิ่งเหยียนใส่ใจได้ขนาดนี้ คงต้องมีฝีมืออยู่บ้างล่ะ
พวกเขาไปยังตำหนักของจ้าวเหลียงเหริน ในห้องยังจัดวางแบบเดิม ยุ่งเหยิงไปหมด พวกถ้วยชาแตกกระจายอยู่บนพื้น ดูท่าจะยังไม่มีใครมาทำความสะอาด
“หาดูให้ทั่ว ดูว่ามีเงื่อนงำอะไรเหลืออยู่ไหม” หยุนถิงพูดขึ้น
“ขอรับ” ครั้งนี้หมิงจิ่วซางไม่ได้สงสัยอีก ค้นหาดูรอบด้านเหมือนคนอื่น
ทุกคนมองดูพื้นที่เร้นลับเช่น ใต้โต๊ะ ใต้เตียง แต่ไม่พบอะไรเลย เหมือนโดนคนจงใจเก็บกวาดไปแล้ว
หยุนถิงพุ่งไปที่ของประเภทกระถางธูป เครื่องหอม เครื่องประทินโฉมของจ้าวเหลียงเหรินทันที และได้เจอเครื่องหอมกลิ่นนั้นบนตัวจ้าวเหลียงเหรินพอดี นั่นเป็นกลิ่นที่ผ่านกรรมวิธีพิเศษ กลิ่นบางอ่อน แต่กลับหอมนาน
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” หยุนถิงหยิบเครื่องหอมนั่นมาด้วย
พวกเขาจากไป ตอนหยุนถิงเดินมาถึงในเรือน กลับโดนใบไม้ใบหนึ่งโดนปลายเท้า มันเหมือนจะเหยียบโดนอะไรบางอย่าง เธอก้มหน้าลงดู ใบไม้นั่นปิดทับต่างหูของผู้หญิงข้างหนึ่งเอาไว้
หยุนถิงยกมือหยิบขึ้นมา สไตร์สนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หยุนถิงเอาเครื่องหอมเมื่อครู่มาวางไว้บนพื้นด้วยกัน
หมิงจิ่วซางเลิกคิ้วมอง แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก เขาตามหยุนถิงออกไป พวกเขาพึ่งออกไป องครักษ์เงามังกรที่รับหน้าที่จับตาดูอย่างลับๆในวังก็เหาะลงมา หยิบของสองอย่างนั่นกลับไปมอบให้ซื่อจื่อ
พอพวกหยุนถิงออกไป และกลับตามทางเดิม จากนั้นตอนผ่านอุทยาน เห็นสาวใช้หลายคนนั้นยังคงรดน้ำอยู่เหมือนเดิม
หยุนถิงพูดเสียงเบาทันทีว่า พวกเจ้าห้ามพูดจาซี้ซั้วนะ ซวนอ๋องให้พวกเราไปสืบหาเงื่อนงำ ไม่คิดว่าจะเจอต่างหูข้างหนึ่งจริงๆ ข้าสงสัยว่าจะเป็นของฆาตกร พวกเจ้ากลับบอกว่าเป็นของจ้าวเหลียงเหริน พวกเรากลับไปรายงานซวนอ๋อง หากพวกเจ้าแพ้ต้องจ่ายข้าสองตำลึงนะ”
“ยังไงซะต่างหูข้างนั้นพวกเราไม่ได้เอาไป หากท่านอ๋องชมเชยเจ้า ถึงเวลานั้นค่อยมาเอาก็ได้” หมิงจิ่วซางเล่นตามน้ำทันที
“สองวันนี้ท่านอ๋องไปค่ายทหาร อย่าเสียเวลาอยู่เลย ไม่งั้นคุณหนูหยุนไม่รอดแน่” หยุนถิงแสร้งบอก
พวกเขารีบเดินไป สาวใช้ที่กำลังรดน้ำสีหน้าเย็นชาลง ดวงตาฉายแววคมปลาบ ต่างหูนางหายไปข้างหนึ่งจริงๆ น่าตายนัก ดันทำตกอยู่ในตำหนักจ้าวเหลียงเหริน
……
นางจ้าวออกจากตระกูลหยุน ขึ้นรถม้าทางประตูหลัง มุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
นางจ้าวเข้าไปในห้องหนึ่ง เห็นคนที่นั่งอยู่ด้านใน ก็คุกเข่าลงพื้นทันที “ใต้เท้า ข้าทำตามที่ท่านสั่งแล้ว เหตุใดท่านต้องจับตัวลูกสาวข้าไปด้วย ขอใต้เท้าปล่อยลูกสาวข้าเถอะ”
สีหน้าใต้เท้าที่ใส่หน้ากากไว้พลันเย็นชาลง “ลูกสาวเจ้าหายไป เหตุใดมาหาข้า?”
“ไม่ใช่ใต้เท้าพาลูกสาวข้าไปรึ?” นางจ้าวถาม
“บุตรสาวไร้ประโยชน์ของเจ้าคนนั้น ไม่เคยจัดการหยุนถิงได้เลย ข้าจับนางมาทำอะไร ข่มขู่เจ้ารึ เจ้าจะเป็นหรือตายข้าไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด” คนผู้นั้นพูดอย่างไม่แยแส
คราวนี้นางจ้าวงงเป็นไก่ตาแตกเลย “หากมิใช่ใต้เท้า จะเป็นผู้ใดได้ล่ะ หลิงเอ๋อร์หายไปในเรือนตนเอง ใครจะสามารถเข้าไปจวนตระกูลหยุนโดยไม่มีใครพบเจอได้อีก?”
ดวงตาคนผู้นั้นหรี่ลงทันที หันมองนอกประตูทันที “น่าตายนัก เจ้าโดนคนหลอกใช้แล้ว รีบไป ต่อไปอย่ามาพบกันอีก”
นางจ้าวอึ้ง ยังไม่ทันได้สติ คนผู้นั้นก็จากไปทางประตูด้านหลัง จากนั้นประตูหน้าก็โดนองครักษ์เงามังกรเตะเปิดออก
“พวกเจ้าเป็นใครกัน บุกเข้ามาทำไมกัน?” นางจ้าวถามอย่างตกใจ
เพียงแต่องครักษ์เงามังกรไม่สนใจนาง ซัดฝ่ามือจนนางสลบ คนอื่นก็รีบตามออกประตูหลังไป
คนผู้นั้นพอออกจากโรงเตี๊ยมก็รีบหนีไป เห็นไม่มีคนไล่ตามมาด้านหลัง ถึงถอนหายใจโล่งอก แต่เขาไม่รู้เลยสักนิดว่า องครักษ์เงามังกรที่อยู่ด้านนอกจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาไว้หมดแล้ว
พอเห็นคนผู้นั้นเข้าไปในจวนตระกูลโจว องครักษ์เงามังกรผู้หนึ่งรีบกลับไปรายงานที่จวนซื่อจื่อ
พอจวินหย่วนโยวได้ยินว่าเป็นจวนตระกูลโจว เขาเคียดแค้นเดือดดาล แทบอยากฆ่าล้างตระกูลโจวเลยทีเดียว น่าตายนัก เขาลืมโจวคุนเฉิงไปได้อย่างไรกัน
แต่จวินหย่วนโยวไม่ได้วู่วาม แต่แสร้งให้คนไปปล่อยข่าวลือบริเวณใกล้เคียงตระกูลโจว บอกว่าคืนนี้หยุนถิงจะถูกปล่อยตัวกลางดึก จากนั้นให้องครักษ์เงามังกรลอบจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของตระกูลโจวอยู่ลับๆ
และกลางดึกนั้น เงาร่างนั้นก็ปีนกำแพงตระกูลโจวออกมา และมุ่งตรงไปยังพระราชวัง
เพียงแต่คนผู้นั้นยังเดินไม่พ้นถนนหนึ่ง ก็โดนองครักษ์เงามังกรล้อมไว้แล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององครักษ์เงามังกรเลยสักนิด สู้กันอยู่หลายยกก่อนจะแพ้ในที่สุด
พอเห็นใบหน้าคนผู้นั้นชัดเจน องครักษ์เงามังกรแปลกใจยิ่งนัก นี่มันคุณชายใหญ่ตระกูลโจว
จวินหย่วนโยวได้ยินข่าว ก็คุมตัวมุ่งไปจวนตระกูลโจวทันที
พอโจวคุนเฉิงได้ยินว่าลูกชายตนเองร่วมมือกับนางจ้าวแห่งตระกูลหยุนใส่ความหยุนถิง เขาอึ้งเป็นไก่ตาแตกไปเลย
“ซื่อจื่อ มีเรื่องอันใดเข้าใจผิดหรือไม่?” ตีให้ตายโจวคุนเฉิงก็ไม่กล้าจะเชื่อเลย
“ข้าเองก็หวังให้เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่หลักฐานพร้อมสรรพ กล้าวางแผนให้ร้ายฮูหยินของข้า นายท่านโจวรอเก็บศพแล้วกัน” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงด้วยความโกรธ
โจวคุนเฉิงตกใจคุกเข่าลงพื้น “ขอซื่อจื่อโปรดอภัยด้วย ลูกพ่อเจ้ารีบบอกกับซื่อจื่อสิ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เจ้ารีบอธิบายกับซื่อจื่อสิ”
“ท่านพ่อข้าผิดไปแล้ว ข้าเพียงแค่คิดผิดไปชั่วขณะ เล่นพนันเสียเงินในบ่อนไม่กล้ากลับมาขอท่าน มีคนหนึ่งให้ข้าหนึ่งแสนตำลึง บอกว่า ขอเพียงข้าช่วยเขาส่งข่าวก็พอแล้ว ขอซื่อจื่อโปรดละเว้นข้าด้วยเถอะ ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว” คุณชายใหญ่ตระกูลโจวรีบขอร้องทันที
“ลงมือ!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรำคาญ
“รอประเดี๋ยวก่อน ขอซื่อจื่อไว้ชีวิตลูกชายข้าด้วย ข้ายินดีจะบอกความลับหนึ่งกับซื่อจื่อ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายของท่านพ่อท่านแม่ซื่อจื่อ!” โจวคุนเฉิงรีบห้ามทันที