จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 262 ข้ารักเพียงท่าน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 262 ข้ารักเพียงท่าน
จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงโดนจวินหย่วนโยวทรมานจนเหนื่อยสลบไป จวินหย่วนโยวกลับตื่นตัวยิ่งนัก เห็นว่าจะเที่ยงแล้ว จวินหย่วนโยวกลับไม่ได้ปลุกหยุนถิงให้ตื่นขึ้น
เขาจงใจ จงใจทำหยุนถิงเหนื่อยสลบไป แบบนี้โม่เหลิ่งเหยียนมาก็จะไม่เจอหยุนถิง จวินหย่วนโยวพอคิดถึงว่าโม่เหลิ่งเหยียนมาแล้วไม่เจอหยุนถิง คงไม่สบอารมณ์ สายตาจวินหย่วนโยวมีแต่แววสมใจ
จนฟ้ามืด หยุนถิงถึงตื่นขึ้นมา เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัวแทบอยากตาย ถลึงตามองจวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆด้วยสายตาเดือดดาล
“ซื่อจื่อ นี่มันยามไหนแล้ว?” หยุนถิงถาม
“ฟ้ามืดแล้ว”
“อะไรนะ ไหนว่าจะเลี้ยงข้าวซวนอ๋องตอนเที่ยงอย่างไรเล่า ซื่อจื่อทำไมท่านไม่ปลุกข้า?” หยุนถิงถลึงตาใส่เขาอย่างเดือดดาล
“ข้าปลุกแล้ว แต่เจ้าหลับลึกมาก ไม่ยอมตื่น” จวินหย่วนโยวตอบด้วยใบหน้าบริสุทธิ์
หยุนถิงมองค้อนเขา “งก ข้าว่าท่านจงใจมากกว่า” ระหว่างพูดก็จะลุกขึ้น
แต่กลับโดนจวินหย่วนโยวดึงเข้าอ้อมกอด “ฮูหยิน เจ้าใส่ใจบุรุษอื่นต่อหน้าสามีเช่นนี้ สมควรแล้วรึ?”
“มีรึ ข้าแค่รับปากจะเลี้ยงอาหารซวนอ๋องมื้อหนึ่ง แต่ท่านกลับจงใจให้ข้าเลยเวลา ซื่อจื่อ ในฐานะบุรุษ สิ่งที่ควรมีก็ยังต้องมีนะ ท่านทำเช่นนี้ข้าไม่ชอบ” หยุนถิงตอบตามตรง
จวินหย่วนโยวเห็นนางโกรธแล้วจริงๆ ก็ตอบเสียงอ่อนทันทีว่า “ข้ายอมรับ ข้าจงใจ ข้าไม่ชอบท่าทีที่เจ้ามีต่อโม่เหลิ่งเหยียน เจ้าเป็นฮูหยินของข้า แต่กลับเชิญบุรุษอื่นมาทานข้าวที่บ้าน ดังนั้นข้าเลยหึง”
หยุนถิงเลิกคิ้วมองจวินหย่วนโยวที่หึงหวง “ก็ได้ เห็นแก่ที่ซื่อจื่อใส่ใจข้า อย่าให้มีครั้งต่อไปนะ แต่ซื่อจื่อ ท่านต้องจำไว้นะว่า ข้ารักเพียงท่าน สนใจก็แค่ท่าน บุรุษอื่นจะหน้าตาหล่อเหลาเช่นไร เก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาข้า พวกเขาสู้ท่านไม่ได้เลย
ดังนั้นต่อไปซื่อจื่ออย่าทำเช่นนี้อีกเลย ไม่เช่นนั้นคนอื่นจะบอกว่าท่านตระหนี่ไม่ยอมเลี้ยงแม้แต่ข้าวมื้อเดียว ทำไม่ดีต่อผู้มีพระคุณอะไรแบบนั้น มันจะทำลายชื่อเสียงท่าน”
ความหม่นโกรธในอกของจวินหย่วนโยวพลันหายวับไป เขายกมือปาดจมูกหยุนถิง “ถือว่าเจ้าตามีแวว สามารถมองเห็นความดีของข้า ดังนั้นเจ้าต้องดูข้าให้ดีนะ ระวังข้าโดนคนแย่งไป”
“แน่นอนอยู่แล้ว ใครกล้ามาแย่งคนของข้า ซ่างกวนหรูนั่นล่ะจุดจบ” หยุนถิงบอกอย่างองอาจ
จวินหย่วนโยวพอใจมาก สายตาอ่อนโยนรักใคร่ แล้วถึงลุกขึ้นช่วยหยุนถิงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งสองคนเดินออกไป
พวกพ่อบ้านเห็นซื่อจื่อกับฮูหยินออกมาแล้ว ก็ให้คนจัดวางอาหารทันที
รอจนจวินหย่วนโยกับหยุนถิงนั่งลง มีหลายร่างเดินเข้ามาจากนอกเรือน คือซวนอ๋อง องค์ชายสี่และฟู่ซื่อจื่อ
“พวกเจ้ามากันหมดแล้ว รีบนั่งลงเถอะ” หยุนถิงพูดอย่างดีใจ
“หยุนถิงเจ้าช่างแย่จริงๆ หลังจากพิสูจน์ความบริสุทธิ์แล้วก็ไม่รู้จักส่งคนไปบอกข่าวข้าสักคำ ทำเอาข้าต้องอยู่ในคุกหลวงต่ออีกวัน หากมิใช่ซวนอ๋องไปบอกข้า ข้าคงอยู่ในคุกโง่ๆต่อไปน่ะแหละ” องค์ชายสี่บ่น
หยุนถิงยิ้มกระดาก “ขอโทษด้วย ข้าลืมเจ้าไปเลย”
“อะไรนะ ลืมข้า?” โม่ฉือชิงร้องเสียงดัง
“ครั้งนี้ข้าทำไม่ถูกจริงๆ เอาอย่างนี้ กำไรที่พวกเราร่วมหุ้นกันข้าจะให้เจ้าเพิ่มหนึ่งส่วน ถือเป็นการขอบคุณที่ครั้งนี้เจ้าไปนอนคุกเป็นเพื่อนข้าสองวัน” หยุนถิงบอกอย่างใจกว้าง
พอโม่ฉือชิงได้ยินดังนั้น เบิกตากว้างทันที “หยุนถิงเจ้านี่ช่างมีน้ำใจจริงๆ ครั้งหน้าหากเจ้าจะไปนอนคุกอีก ข้าจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ”
“โง่งม ยังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกรึ?” สายตาคมปลาบของจวินหย่วนโยวยิงมาทันที
โม่ฉือชิงมุมปากกระตุก ยกมือขึ้นทำทีตบปากตนเองทันที “ดูปากไม่ดีของข้าสิ ไม่มีครั้งต่อไป ต่อไปพวกเราร่วมมือกันมากๆละกัน หาเงินด้วยกัน”
“หยุนถิง สองวันนี้ข้าไปเก็บข้อมูลที่อื่นพอดี กลับมาถึงได้ยินเรื่องของเจ้า ไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลย ขอโทษด้วย” ฟู่อี้เฉินบอกอย่างกระดาก
“เอาล่ะ มาก็มาแล้ว มานั่งเร็ว คืนนี้เป็นหม้อไฟ อร่อยมากเลย” หยุนถิงบอก
“มีของอร่อยแล้วไม่เรียกข้า ลืมกันได้ลงนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่เห็นตนเองเป็นคนนอกเลยสักนิด เดินเข้ามานั่งลงหน้าตาเฉย
“เจ้าไม่ได้ตามกลิ่นมาแล้วหรือไง?”
ทุกคนนั่งลงกันหมด พลางอ้าปากกัดกินคำโต ดื่มเหล้าชามใหญ่ บรรยากาศดูกลมกลืนยิ่งนัก ครึกครื้นสนุกสนาน
เริ่นเซวียนเอ๋อร์เห็นทุกคนชนแก้วดื่มเหล้ากับหยุนถิง สายตามีแววอิจฉา ไม่คิดว่า วันหนึ่งเหล่าคนที่ไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายในแคว้นต้าเยียนจะมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกันได้ และทั้งหมดนี้เป็นเพราะหยุนถิง
บนกำแพงจวนซื่อจื่อ มีร่างหนึ่งยืนอยู่บนนั้น โม่ฉือหานมองดูหยุนถิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ท่าทางดื่มเหล้าอย่างร่าเริงสบายอารมณ์นั้น ดวงตาทุ้มลึกมีแววอบอุ่น
พอรู้ว่านางฆ่าจ้าวเหลียงเหริน โม่ฉือหานเองก็ไม่เชื่อ สองวันนี้เขาก็สืบหาความจริงของเรื่องนี้เช่นกัน เพียงแต่ทุกครั้งจะช้ากว่าจวินหย่วนโยวไปก้าวหนึ่งเสมอ
แต่สามารถช่วยหยุนถิงออกมาได้ จะเป็นใครแล้วยังไงกัน โม่ฉือหานไม่สนใจเลยสักนิด
ตอนนี้เห็นนางกลับจวนซื่อจื่ออย่างปลอดภัยแล้ว โม่ฉือหานผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกในที่สุด
พอเห็นหยุนถิงเล่นทายหมัดดื่มเหล้ากับองค์ชายสี่และฟู่อี้เฉิน ขนาดฟู่อี้เฉินที่ไม่ลงรอยกับนาง นางยังสามารถไม่ถือสา วันหนึ่งเขาเองก็จะสามารถ—กับหยุนถิงหรือไม่—
พอคิดมาถึงตรงนี้ มุมปากโม่ฉือหานยิ้มอย่างเย้ยหยัน
หากรู้เช่นนี้ แต่แรกก็มิควร
สายตาโม่ฉือหานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาหมุนตัวเหาะลอยไปทันที
องครักษ์เงามังกรที่อยู่ในที่ลับเดิมตั้งท่ารอสู้ เขาคิดว่า หากหลีอ๋องกล้ารบกวนซื่อจื่อและฮูหยิน พวกเขาจะไม่ยั้งมือไว้แน่ แต่ไม่คิดเลยว่า หลีอ๋องจะแค่มองครู่หนึ่ง ก็จากไป
ส่วนจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนที่นั่งอยู่สัมผัสได้นานแล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่โม่ฉือหานเข้าใกล้จวน เพียงแต่พวกเขาไม่มีใครพูดอะไร จวบจนเขาจากไป จวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
…….
แปรพระราชฐาน
เป่ยหมิงฉี่กำลังจ้องดูหม้อไฟร้อนเร็วสองกล่องที่อยู่บนโต๊ะนั้น เขาแปลกใจไม่น้อย หยุนถิงไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบมาแต่ไหนแต่ไร แต่กลับมอบของให้เขาง่ายๆ หม้อไฟร้อนเร็วสงสัยเลยว่าในนั้นอาจจะมียาพิษอยู่
“ไท่จื่อ ให้ข้าน้อยชิมก่อนหรือไม่?” องครักษ์ข้างๆเอ่ยขึ้น ได้กลิ่นนั้นแล้วไม่เลวเลย
“ตกลง เจ้ามาเถิด”
องครักษ์รีบเปิดกล่องออก เห็นแดงเถือกไปทั้งแถบ รังเกียจเล็กน้อย แต่ยังคงหยิบตะเกียบคีบขึ้นมากินหนึ่งคำ จากนั้นก็ตกใจไปเลย
“อร่อยยิ่ง เผ็ดชาสดชื่น อร่อยมาก ท่านลองชิมดูเร็ว” องครักษ์รีบหยิบตะเกียบอีกคู่หนึ่งยื่นให้
“ได้” เป่ยหมิงฉี่รับตะเกียบมา คีบผักขึ้นมา แต่ยังไม่ทันกิน ก็ปวดหัวอย่างรุนแรง จนสายตาพร่าเลือน สลบไปเลย
“ไท่จื่อ ไท่จื่อ ท่านเป็นอะไร ใครก็ได้ รีบตามหมอหลวงเร็ว” องครักษ์ร้องเสียงหลงทันที
ทหารยามหน้าประตูได้ยินดังนั้น รีบไปตามหมอหลวงทันที
ไม่นาน หมอหลวงก็ถือล่วมยามา และช่วยรักษาให้เป่ยหมิงฉี่ เขาตรวจอาการอย่างละเอียด พบว่าบนตัวเป่ยหมิงไท่จื่อเต็มไปด้วยผื่นแดง ตัวร้อนเล็กน้อย จากนั้นหมอหลวงก็ถามองครักษ์อีกถึงเรื่องความเคยชินและอาหารการกินของไท่จื่อ สุดท้ายพบว่า เสื้อผ้าของไท่จื่อมีปัญหา เลยรีบบอกให้รู้ตามความจริง
พ่อบ้านเก่าแก่ที่อยู่ข้างกายเป่ยหมิงฉี่พอได้ยินดังนั้น ก็ร้อนใจนัก รีบให้คนเตรียมม้า พาเป่ยหมิงฉี่เข้าวังไปเฝ้าฝ่าบาททันที