จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 265 พลิกสถานการณ์
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 265 พลิกสถานการณ์
ด้านนี้ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวออกจากพระราชวัง หยุนถิงเหลือชุดบุรุษชุดหนึ่งไว้ให้ทหารยามรักษาเมือง บอกว่ารอเป่ยหมิงฉี่ออกมาก็ให้เขา
บนรถม้า หยุนถิงหลับตาเอนพิงขาจวินหย่วนโยว ดื่มไปมากขนาดนั้น แถมยังโดนจวินหย่วนโยวทรมานมานานหลายวันขนาดนั้น หยุนถิงเหนื่อยแล้วจริงๆ
จวินหย่วนโยวเห็นอย่างนั้น ก็หยิบเสื้อคลุมที่อยู่ข้างๆมาห่มให้หยุนถิง พลางนวดขมับให้หยุนถิงเบาๆ
รับรู้ได้ถึงมือที่อ่อนโยนของซื่อจื่อ มุมปากหยุนถิงยกขึ้นอย่างพอใจ ก่อนจะหลับไป
ส่วนเป่ยหมิงฉี่ที่ตามมาด้านหลัง โดนลใหนาวพัดใส่มาตลอดทาง เขาฮัดเช้ยไม่หยุด ยกมือขึ้นกอดไหล่อัตโนมัติ
กว่าจะมาถึงประตูเมืองได้มันไม่ง่ายเลย เป่ยหมิงฉี่กำลังจะพุ่งขึ้นรถม้า องครักษ์ขวางเขาไว้พลางว่า “เป่ยหมิงไท่จื่อ คุณหนูหยุนให้ท่านไว้เมื่อครู่ บอกว่า บางทีท่านอาจต้องการ”
“หยุนถิง?” เป่ยหมิงฉี่เลิกคิ้ว พอมองดูก็เป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งของบุรุษ ไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้ามาแล้วมุดขึ้นรถม้าไปเปลี่ยนทันที
ถือว่าหยุนถิงยังมีน้ำใจอยู่บ้าง รู้จักเหลือเสื้อผ้าไว้ให้เขา เป่ยหมิงฉี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาก เขาหยิบขวดยาที่หยุนถิงเหลือไว้ให้เมื่อครู่ออกมา เปิดขวดเทยาข้างในออกมา
คนอื่นเป็นแค่ยาเม็ดเดียว แต่ในขวดของเป่ยหมิงฉี่มีสองเม็ด
เป่ยหมิงฉี่ไม่มีความเดือดดาล เคียดแค้นเมื่อครู่เหลือเลย เขาในตอนนี้สีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ดวงตาดำขลับมีแววกระหายเลือดและเจิดจ้าวาบขึ้น
เขาถูกป้อนพิษตั้งแต่เด็ก แค่อาการแพ้ไม่มีทางทำอะไรเขาได้ ดังนั้นการที่เป็นอย่างนี้ เป่ยหมิงฉี่เลยได้แต่ทำทีว่าหลงกล
“หยุนถิง ถือว่าเจ้ามีน้ำใจ” สายตาเป่ยหมิงฉี่มีแววพอใจ เก็บยาเม็ดสีขาวนั่นกลับเข้าขวดอีกครั้ง
ในพระราชวัง คืนนี้ไม่มีทางสงบแน่
เหล่าสนมที่เกิดอาการแพ้พวกนั้นทำการรักษาตามวิธีของหยุนถิงทั้งหมด การเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ฮองเฮาก็ได้ข่าวเช่นกัน
“เหนียงเหนียง ข้าน้อยพึ่งออกไปสืบมา ว่ากันว่า เหล่าสนมใส่เสื้อผ้าของกรมชุดหลวงแล้วถึงเกิดอาการแพ้ ครั้งนี้ยังกระเทือนถึงฝ่าบาทแล้ว จะเรียกเจ้ากรมอู๋มาดีหรือไม่?” มามาถาม
“ไม่ต้อง ยิ่งเป็นเวลาอย่างนี้ ข้ายิ่งไม่อาจพบหน้ากับเขาได้ เจ้าส่งคนไปบอกเจ้ากรมอู๋ ให้เขาปิดปากให้แน่น สิ่งใดไม่ควรพูดก็ห้ามพูดเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะไม่ละเว้นเขาแน่” ฮองเฮาออกคำสั่ง
“เพคะ” มามารีบไปจัดการทันที
สีหน้าฮองเฮาเต็มไปด้วยเคียดแค้นเย็นเยียบ น่าตายนัก เริ่มแรกก็เรื่องลอบฆ่าของจื่อย่วนถูกเปิดโปง ตอนนี้ก็กรมชุดหลวงของเจ้ากรมอู๋เกิดปัญหาอีก ทำไมมันบังเอิญขนาดนี่ ต้องมีคนก่อกวนอยู่เบื้องหลังแน่
คนแรกที่ฮองเฮาคิดถึงคือจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง ต้องเป็นพวกมันสองคนก่อกวนอยู่เบื้องหลังแน่ น่าตายนัก ฮองเฮาสาบานในใจว่าจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่
และหลีอ๋องที่ได้รับหน้าที่สืบหาความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้นอนทั้งคืน เขานำเสื้อผ้าของสนมเหล่านั้นไปตรวจสอบที่กรมชุดหลวงด้วยตนเอง และยังไปร้านผ้าหลายแห่งที่นอกวังด้วย—
สรุปแล้ว โม่ฉือหานไม่ได้นอนทั้งคืน แต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ทำเอาโม่ฉือหานโกรธจนแทบไฟลุก
น่าตายนัก เจ้ากรมอู๋เป็นคนของฮองเฮา และที่ซื้อจากด้านนอกเป็นกิจการของตระกูลซ่างกวน หากไม่มีหลักฐานเต็มเปี่ยม จะจับคนมาสืบสวนน่ากลัวจะลำบาก
ในระหว่างที่โม่ฉือหานกำลังเคียดแค้นเดือดดาลนั้น พลันมีลมปราณโจมตีต่อหน้าเขากลางอากาศ โม่ฉือหานยกมือขึ้นสกัดฉับพลัน
“เพี๊ยะ!” ดังขึ้น สมุดสองเล่มตกลงต่อหน้าโม่ฉือหาน
“ท่านอ๋อง ระวังกับดัก” เหลยถิงมองสมุดบนพื้นอย่างระมัดระวัง พอเห็นตัวหนังสือบนนั้นเหลยถิงสีหน้าตึงเครียดทันที
“ท่านอ๋อง นี่มันเหมือนกับสมุดบัญชีของวังหลวง” เหลยถิงรีบหยิบขึ้นมา เปิดออกดูไม่พบความผิดปกติอะไร ถึงได้มอบให้กับโม่ฉือหาน
โม่ฉือหานเห็นเนื้อหาในนั้น เป็นสมุดบัญชีของกรมชุดหลวงพอดี และไม่เหมือนเล่มที่เขาไปสืบมาเลย เล่มนี้เหมือนสมุดส่วนตัว ด้านบนบันทึกไว้อย่างละเอียดชัดเจน ทุกรายละเอียด รวมถึงที่ส่งออกไปติดสินบน ล้วนเขียนไว้อย่างละเอียด
พอเห็นบนนั้นเขียนชื่อฮองเฮาเอาไว้ คิ้วโม่ฉือหานขมวดเป็นปม พอเปิดดูเรื่อยๆ ยิ่งดูเขาก็ยิ่งตกใจ
ไม่คิดว่าแค่ของที่กรมชุดหลวงมอบให้ฮองเฮาทุกปี ก็มีจำนวนสะท้านฟ้าเยี่ยงนี้แล้ว ถ้ารวมกันสิ่งอื่นเล่า
และสมุดอีกเล่มหนึ่งคือสมุดบัญชีของร้านผ้า ได้บันทึกไว้อย่างละเอียดถึงรายการติดสินบนที่ส่งให้ใต้เท้าต่างๆทุกปี
“น่าตายนัก กรมชุดหลวงนี่กล้าทุจริตรับสินบนเช่นนี้!” โม่ฉือหานเดือดดาลนัก
“ท่านอ๋อง ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?” เหลยถิงถาม
“ไปจับตัวเจ้ากรมอู๋ และตัวหลักๆของกรมชุดหลวง รวมถึงคนของร้านผ้ามาให้หมด ข้าจะสืบสวนด้วยตัวเอง!” โม่ฉือหานออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
ครั้งนี้โม่ฉือหานมีหลักฐาน เลยไม่ต้องเกรงใจอะไรอีกแล้ว
ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ในเมื่อช่วยเขาเอาหลักฐานมาได้ โม่ฉือหานก็จะไม่ออมมือแน่นอน
เช้าวันต่อมา หยุนถิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า กินข้าวเช้า และไปฝังเข็มให้หลิ่วเฟยที่พระราชวัง
ฝังเข็มเรื่องเล็ก ไปดูอะไรสนุกสิสำคัญกว่า
จวินหย่วนโยวกลับพาพวกหลิงเฟิงไปบ่อน นับตั้งแต่คุณชายใหญ่ตระกูลโจวสารภาพกับเขาว่าโดนบ่อนวางแผน จวินหย่วนโยวก็ส่งคนไปจับตาดูบ่อนเอาไว้ เมื่อกลางดึกถึงพบว่ามีคนน่าสงสัยเข้าไป เพียงแต่จนเช้าแล้วคนผู้นั้นก็ยังไม่กลับออกมา
ดังนั้นพอเช้า จวินหย่วนโยวก็รีบพาคนไป
พระราชวัง
พอเช้ามา หยุนถิงก็ไปตำหนักหลิ่วเฟยช่วยฝังเข็มให้นาง “ขอบพระทัยเหนียงเหนียงที่ช่วยเหลือ”
“เกรงใจข้าทำไมกัน เห็นเจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่จวินซื่อจื่อผู้นี้ก็ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง เพียงแค่สองวันก็หาตัวฆาตกรเจอแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขารักเจ้าด้วยใจจริง” หลิ่วเฟยบอก
“จุดนี้ข้าไม่เคยสงสัยเลย” หยุนถิงหัวเราะแหะๆ
“นังหนูนี่ เห็นเจ้ามีความสุขเช่นนี้ ข้าก็วางใจละ”
หยุนถิงจับชีพจรให้หลิ่วเฟย “พิษในร่างพระสนมกำจัดไปพอควรแล้ว อีกประมาณสิบวันหรือครึ่งเดือนก็จะหายดีแล้ว อีกครู่ข้าจะทิ้งยาถอนพิษไว้ให้ท่านสักหน่อย ต่อไปก่อนพระสนมกินอะไรก็กินก่อนสักเม็ด แบบนี้จะได้หลีกเลี่ยงพิษได้”
“ขอบใจนัก เจ้ารอบคอบยิ่ง” หลิ่วเฟยบอกอย่างซาบซึ้ง
“พระสนมมิต้องเกรงใจดอก”
หยุนถิงช่วยฝังเข็มให้หลิ่วเฟยเสร็จ ถึงได้จากไป แต่เธอไม่ได้ออกจากพระราชวังในทันที แต่ไปยังตำหนักข้างแทน เมื่อคืนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น พอตื่นมา ตอนนี้ตำหนักข้างน่าจะมีอะไรสนุกๆดู
ในตำหนักข้าง
ฮ่องเต้มองดูสมุดบัญชีที่โม่ฉือหานถวายขึ้นมา เดือดจัด ใบหน้าดำมืด โกรธจนโยนสมุดบัญชีสองเล่มนั้นกระแทกหน้าเจ้ากรมอู๋
“เจ้ากรมอู๋ เจ้าตอบข้ามาตามตรงสิ ด้านบนนี้เป็นลายมือเจ้าทั้งนั้น ทุกพู่กันล้วนเป็นเจ้าที่บันทึกลงไปด้วยตัวเอง เจ้าติดสินบนฮองเฮารึไม่?” ฮ่องเต้ตะคอกดัง
เจ้ากรมอู๋นอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น เมื่อคืนหลีอ๋องทรมานเขา จนเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว เจ้ากรมอู๋ตกใจแทบตาย
เพียงแค่หากเปิดโปงเรื่องฮองเฮา น่ากลัวว่าจะกระทบครอบครัวของเขาด้วย
เจ้ากรมอู๋ตัดสินใจ คลานลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก พลางคุกเข่าลง “ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย สมุดบัญชีเล่มนี้หลีอ๋องจงใจใส่ร้ายข้าน้อย ต่อให้ข้าน้อยมีร้อยหัวก็ไม่กล้าติดสินบนฮองเฮาดอก รับสินบนของกรมชุดหลวงหรอก!”