จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 271 จวินหย่วนโยวคว้านางเข้ามากอด
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 271 จวินหย่วนโยวคว้านางเข้ามากอด
โม่เหลิ่งเหยียนกับหมิงจิ่วซางกลับไปดื่มชาอีกครั้ง พ่อบ้านสั่งให้คนไปยกน้ำชามาให้ใหม่ จากนั้นก็ให้ห้องครัวเตรียมอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะ ดูจากท่าทางแล้วซื่อจื่อกับฮูหยินไม่ตื่น ซวนอ๋องคงจะไม่จากไปแล้ว
แต่ว่าพ่อบ้านก็คิดไม่ถึงว่า ซวนอ๋องจะให้ความช่วยเหลือ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาทำเพื่อฮูหยิน แต่พ่อบ้านก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่ดี
“วันนี้ เจ้าติดค้างน้ำใจข้าอย่างหนึ่ง” หมิงจิ่วซางกล่าวอย่างได้ใจ
“เจ้าต้องการอะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“ถ้าหากเป็นไปได้ ก็ให้หยุนถิงทำอาหารให้ข้ากินสักมื้อแล้วกัน อาหารว่างพวกนี้ของจวนซื่อจื่อยังอร่อยขนาดนี้ อาหารก็ต้องยิ่งอร่อยอย่างแน่นอน” หมิงจิ่วซางจงใจกล่าวออกมา
“เป็นไปไม่ได้” โม่เหลิ่งเหยียนปฏิเสธ
“เพราะอะไร?”
“ข้ายังไม่เคยกินอาหารฝีมือของหยุนถิงเลย เจ้ายิ่งไม่ต้องคิดเลย”
หมิงจิ่วซางเลิกคิ้ว: “ไม่ใช่มั้ง ตอนเทศกาลดอกท้อเจ้ากินหม้อไฟพร้อมกับหยุนถิงไม่ใช่หรือ?”
“นั่นคือทุกคนทำด้วยกัน” โม่เหลิ่งเหยียนแก้ไขให้ถูกต้อง
“เจ้าหมอนี่——” หมิงจิ่วซางกำลังจะพูดอะไรต่ออีก จู่ๆก็ได้ยินเสียงต่อสู้กันดังมาจากด้านนอกจวนซื่อจื่อ สีหน้าของหมิงจิ่วซางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“อดกลั้นกันไม่ไหวแล้วหรือ” มุมปากของโม่เหลิ่งเหยียนเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย
“ดูท่าวันนี้คงจะครึกครื้นแล้ว” หมิงจิ่วซางกล่าว
“ชมการแสดงก็พอ”
ในที่ลับของจวนซื่อจื่อ องครักษ์เงามังกรเห็นคนที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมากะทันหันพวกนั้น เดิมทีคิดจะไปรับมือ แต่คิดไม่ถึงว่ายังมีคนชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งขวางพวกเขาเอาไว้ และต่อสู้ร่วมกับพวกเขา
นึกถึงว่าตอนนี้ซวนอ๋องอยู่ที่จวนซื่อจื่อ ดูท่าคนพวกนี้คือคนของซวนอ๋อง องครักษ์เงามังกรทั้งหมดปกป้องลานเอาไว้เป็นอย่างดี สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือปกป้องความปลอดภัยของซื่อจื่อและฮูหยิน
ในคืนนี้ เสียงต่อสู้ด้านนอกจวนซื่อจื่อดังอย่างต่อเนื่อง แสงดาบเงากระบี่พร่างพราย เลือดหลั่งเป็นแม่น้ำ ศพกลาดเกลื่อนไปทั่ว
ตอนใกล้จะรุ่งสางขฌ องครักษ์ของจวนซื่อจื่อออกไปทันที เอาผงสลายกระดูกที่ฮูหยินให้พวกเขาจัดการกับศพพวกนั้น หลังจากที่ฟ้าสางแล้ว ด้านนอกจวนซื่อจื่อที่กว้างใหญ่ก็ถูกจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยนานแล้ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยุนถิงก็ตื่นขึ้นมา หลังจากที่ตรวจให้กับจวินหย่วนโยว และแน่ใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ถึงได้วางใจลงมา จากนั้นก็ตรวจดูบาดแผลและร่างกายให้กับรั่วจิ่ง ป้อนสารอาหารเหลวให้กับรั่วจิ่งสองขวด หลังจากทำทุกอย่างนี้จบหยุนถิงถึงออกจากประตูไป
ในคืนนี้ถึงแม้นางจะนอนหลับอยู่ แต่กลับได้ยินเสียงต่อสู้อยู่ตลอด ดังนั้นหยุนถิงจึงนอนหลับไม่สนิทนัก ซื่อจื่อถูกวางแผนทำร้ายคิดว่าคงจะไม่สบายใจเท่าไหร่
ในนาทีที่หยุนถิงเปิดประตูออก เมื่อเห็นคนสองคนที่อยู่ด้านนอก ก็ตกตะลึงไปจริงๆ
ด้านนอกลาน โม่เหลิ่งเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน และคนที่อยู่ด้านข้างใช้ผ้าห่มห่อตัวเองเอาไว้โดยตรง ดูแล้วน่าขำอย่างมาก
“ซวนอ๋อง ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่?”ดท หยุนถิงถามด้วยความตกตะลึง
โม่เหลิ่งเหยียนเห็นนางออกมา หัวใจที่ตึงเครียดอยู่ถึงได้ผ่อนคลายลง: “มาดื่มชา”
“อ๋า?”
“เขากลัวว่าเจ้าจะมีอันตราย ดังนั้นจึงพาข้ามาคุ้มกันเอาไว้ ยังส่งคนไปดักซุ่มที่จวนซื่อจื่อ ตลอดคืนที่ผ่านมาขับไล่คนไปหลายกลุ่มแล้ว” หมิงจิ่วซางบ่นอุบ
นัยน์ตาสีดำที่ลึกล้ำของโม่เหลิ่งเหยียนมองมาทางเขาอย่างเย็นชาดุร้าย: “หุบปาก”
“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น เพื่อตอบแทนบุญคุณเจ้าลากข้ามาอดหลับอดนอน จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลย” หมิงจิ่วซางกล่าวด้วยความน้อยใจ
“ขอบคุณซวนอ๋องกับพี่ชายท่านนี้มาก น้ำใจในครั้งนี้ข้าจะจำเอาไว้ หากไม่รังเกียจ ไปที่เรือนที่อยู่ด้านข้างเถอะ ในลานค่อนข้างหนาว เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” หยุนถิงเสนอแนะ
“ตกลง” โม่เหลิ่งเหยียนลุกขึ้นเดินไปทางหยุนถิง หมิงจิ่วซางรีบตามไปทันที
หยุนถิงพาพวกเขาไปที่เรือนที่อยู่ด้านข้าง: “ที่นี่อบอุ่นกว่า พวกท่านก็สามารถพักผ่อนด้วย ต่อไปอย่าไปรอในลานเลย”
“ในเรือนอบอุ่นกว่าจริงๆ” หมิงจิ่วซางตรงไปที่เตียง ห่อผ้านวมก็นอนลงเลย วุ่นวายมาทั้งคืน เขาเหนื่อยแล้วจริงๆ
โม่เหลิ่งเหยียนมองไปทางหยุนถิง: “วันนี้มู่ฟงมาที่จวนซื่อจื่อ ผู้ที่มาลอบสังหารในตอนกลางคืนน่าจะมีคนที่ตระกูลมู่ส่งมาด้วยเช่นกัน”
“ตระกูลมู่อีกแล้ว บัดซบ ดูท่าซื่อจื่อเกิดเรื่องในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับตระกูลแน่นอน” มู่หยุนถิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“ข้าเดาว่าเบื้องหลังของตระกูลมู่น่าจะยังมีอิทธิพลอยู่ มิเช่นนั้นด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่นของมู่ฟง เป็นไปไม่ได้จวินหย่วนโยวจะเสียที” โม่เหลิ่งเหยียนวิเคาระห์
“ดูท่า ข้าก็ควรจะมีอิทธิพลของตัวเองแล้ว” หยุนถิงทอดถอนใจ มิเช่นนั้นใช้แค่พิษจัดการกับคนคนหนึ่งยังพอได้ แต่ว่าจะจัดการกับคนจำนวนกลับใช้การไม่ได้
“หากเจ้าต้องการ คนของข้ายืมให้เจ้าได้ทุกเวลา” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิด
หมิงจิ่วซางที่อยู่บนเตียงอดบ่นในใจไม่ได้: โม่เหลิ่งเหยียนผู้นี้เกรงว่าคงจะตกอยู่ในเงื้อมมือของหยุนถิงแล้ว คนที่ตัวเองฝึกฝนออกมาเป็นอย่างดีบทจะยืมก็ยืมให้เลย นั่นเป็นถึงไพ่ตายของเขาเชียวนะ
หยุนถิงซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง: “ซวนอ๋อง ขอบคุณท่านมาก นอกจากซื่อจื่อแล้ว ท่านเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้รูม่านตาดำของโม่เหลิ่งเหยียนเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว หัวใจที่เย็นยะเยือกดวงนั้นก็อบอุ่นขึ้นมาเพราะคำพูดของหยุนถิง
เขาคิดไม่ถึงว่า หยุนถิงจะประเมินค่าตัวเองสูงขนาดนี้ นางถึงกับเชื่อใจตัวเองเช่นนี้
ชั่วขณะหนึ่ง โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อย เขาไม่เคยเชื่อถือความจริงใจมาก่อน ยิ่งไม่เชื่อใจใครง่ายๆ เดิมทีคนข้างกายที่เขาสามารถเชื่อใจได้ก็มีเพียงไม่กี่คน
“จู่ๆข้าก็มีความคิดหนึ่ง เราสามารถร่วมมือกันสร้างกองทัพเลือดเหล็กขึ้นมาหน่วยหนึ่ง ท่านมีกำลังคน และข้ามีอาวุธ เราสองคนร่วมมือกันแข็งแกร่งทรงพลังไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งได้ ข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ต่อไปตอนที่ข้าต้องการใช้กำลังคน ท่านยืมพวกเขาให้ข้าใช้ก็พอ” จู่ๆหยุนถิงมีความคิดกะทันหัน กล่าวเสนอแนะ
“ตกลง ข้ารับปาก”
“ซวนอ๋องท่านใจป้ำมากจริงๆ ท่านวางใจ ข้ารับรองว่าท่านจะไม่เสียเปรียบแน่” หยุนถิงตบไปที่ไหล่ของโม่เหลิ่งเหยียนอย่างมีสัจจะ
“หยุนถิง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” เสียงที่เย็นยะเยือกดังมา จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู
ทันทีที่หยุนถิงหันกลับไปก็มองเห็นเขา: “ซื่อจื่อท่านตื่นแล้ว ร่างกายดีขึ้นหรือยัง ข้าช่วยดูให้ท่าน” ขณะที่กล่าวไป ก็จับชีพจรให้กับจวินหย่วนโยวไปด้วย
มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวคว้านางเข้ามากอด ประกาศความเป็นเจ้าของอย่างเผด็จการ
“ซื่อจื่อ ท่านเพิ่งตื่นอย่างเพิ่งโมโหไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าให้อารมณ์แปรปรวนมากเกินไป ครั้งนี้โชคดีที่ได้ซวนอ๋องกับพี่ชายท่านนี้ช่วยเอาไว้ เขาเป็นคนขวางมู่ฟง แล้วก็คนที่แอบลอบโจมตีจวนซื่อจื่อพวกนี้ด้วย” หยุนถิงอธิบาย
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกราวกับเกล็ดน้ำแข็ง แต่ก็กล่าวออกมาอย่างกระอักกระอ่วน: “เรื่องในวันนี้ ขอบคุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าตายด้วยน้ำมือคนอื่นเท่านั้น” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“ข้าโชคดีอยู่แล้ว เจ้ายังไม่ตายเลย ข้าย่อมไม่ตายอยู่แล้ว”
“พอเถอะซื่อจื่อ ท่านกับซวนอ๋องอย่าเจอหน้ากันก็ทะเลาะกันเลย ผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ ข้ามีข้อเสนอแนะอย่างหนึ่ง ซื่อจื่อมีองครักษ์เงามังกร ซวนอ๋องมีหอดวงจันทร์ หากพวกท่านทั้งสองร่วมมือกันขึ้นมาญด นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าพันธมิตรที่แข็งแกร่งร่วมมือกัน มันจะต้องแข็งแกร่งที่สุดในต้าเยียนหรือแม้กระทั่งในสี่แคว้นอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นแม้แต่สี่แคว้นก็จะต้องยำเกรงกำลังที่แข็งแกร่งของพวกท่านเช่นกัน”
“เป็นไปไม่ได้!” จวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปากพร้อมกัน
พวกเขาสองคนไม่ชอบหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็กำจัดอีกฝ่ายไปไม่ได้ญท ต่างคนต่างก็มีกองกำลังและผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง จู่ๆจะให้คนสองฝ่ายที่ไม่มีทางเข้ากันได้ร่วมมือกัน เป็นเรื่องยากมากจริงๆ
“ผู้หญิงอย่างเจ้าช่างเพ้อฝันจริงๆ” แม้แต่หมิงจิ่วซางก็ยังอดแขวะไม่ได้ อย่าว่าแต่ซวนอ๋องเลย ถึงจะเป็นเขาก็ไม่เห็นด้วยหรอก
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ก้าวล่วงแล้ว ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดมาก่อนแล้วกัน” หยุนถิงกล่าวขอโทษ เป็นเพราะนางพิจารณาไม่รอบคอบเอง