จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 292 ข้าส่งมันเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้หรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 292 ข้าส่งมันเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้หรือ
“ท่านแม่คำพูดนี้เห็นข้าเป็นคนนอกแล้ว เสี่ยวลิ่วคือน้องชายของข้า ข้าจะทำร้ายเขาได้อย่างไร นอกเสียจากว่ามีคนไม่สนว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร มิเช่นนั้นเห็นแก่ที่เราสองคนล้วนเป็นคนตระกูลหยุนด้วยกันทั้งคู่ ข้าจะไม่ลงมือฆ่าด้วยความเจ็บปวดหรอก!” หยุนถิงกล่าวด้วยความเย็นชา
นางจ้าวสะดุ้งตกใจในทันที มองดูหยุนถิงที่พูดอย่างสงบราบเรียบ นางกลับตกใจแทบตาย
หรือว่านางรู้เรื่องของคนเมื่อคืนนี้แล้ว นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ที่นี่คือคุกนะ หยุนถิงไม่ได้อยู่ซะหน่อย เป็นไปไม่ได้ที่นางจะรู้เรื่อง
“ท่านแม่ ท่านเข้าใจพี่ใหญ่ผิดแล้ว พี่ใหญ่เป็นคนพาข้ามาเยี่ยมท่าน ทำไมท่านถึงอยู่ในคุกได้ ข้าจะกลับไปขอร้องท่านพ่อ ให้เขาไปขอร้องให้ฝ่าบาทปล่อยท่านออกมาเดี๋ยวนี้แหละ” หยุนเสี่ยวลิ่วเป็นห่วงอย่างยิ่ง
“เด็กดี แม่ไม่เป็นไร แม่เป็นคนเดินบนทางที่ผิดเอง อย่าไปขอร้องพ่อเจ้าเลย” นางจ้าวรีบกล่าวเกลี้ยกล่อมทันที
เสี่ยวลิ่วคือชีวิตจิตใจของนาง นางไม่ได้พบกับเสี่ยวลิ่วมานานมากแล้ว เวลานี้เห็นลูกชายที่อยู่ตรงหน้า นางจ้าวร้องไห้น้ำตานองหน้า
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะต้องคิดหาวิธีช่วยท่านออกไปอย่างแน่นอน” หยุนเสี่ยวลิ่วให้คำมั่น
“เสี่ยวลิ่วไม่ต้องสนใจแม่ ตอนที่แม่ไม่อยู่เจ้าต้องเชื่อฟังท่านพ่อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องคิดทบทวนให้ดี ห้ามหุนหันพลันแล่นเหมือนในอดีต ยิ่งห้ามก่อเรื่องสร้างปัญหา” นางจ้าวกล่าวกำชับ
“ข้าทราบแล้วท่านแม่ ท่านก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
“คุณหนูหยุน ใกล้จะถึงเวลาแล้ว” หัวหน้าผู้คุมเข้ามาเตือน
“ได้” หยุนถิงพยักหน้า
“เสี่ยวลิ่วต้องกินข้าวให้อิ่มๆ นอนหลับให้สบาย มีเวลาว่างก็ฝึกวรยุทธให้มากๆ แม่ไม่คาดหวังให้เจ้าประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อะไร ขอเพียงเจ้าสามารถปกป้องตัวเองได้ในอนาคตเท่านั้นก็พอ” นางจ้าวรีบกล่าวทันที
“วางใจเถอะท่านแม่”
“ท่านแม่ ข้ายังมีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้ท่าน เวลาที่คิดถึงคนในครอบครัว ก็ดูสิ่งนี้เถิด” หยุนถิงกล่าวพร้อมยื่นปิ่นปักผมมาให้
ทันทีที่นางจ้าวเห็นปิ่นปักผม คนทั้งคนก็ตะลึงงันไป: “เจ้าทำอะไรกับหลิงเอ๋อร์ นางถูกเจ้าทำให้ตกใจกลัวจนบ้าๆบอๆไปแล้ว เจ้ายังไม่ปล่อยนางไปอีกหรือ?”
“ท่านแม่อย่าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าเสี่ยวลิ่วสิ ข้าไม่ค่อยชอบน้องหญิงรองก็จริง แต่ขอเพียงนางไม่รนหาที่ตาย ข้าก็จะไม่ทำอะไรนางหรอก ช่วงที่ท่านแม่อยู่ในคุกท่านวางใจได้เลย ข้าจะดูแลน้องหญิงรองกับน้องชายหกแทนท่านเป็นอย่างดีเอง” หยุนถิงกล่าวจบ ก็ดึงหยุนเสี่ยวลิ่วจากไป
นางจ้าวตกใจจนใบหน้าซีดขาวไปหมด คนทั้งคนทรุดตัวอยู่บนพื้น ตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิง
นางที่เดิมทีเมื่อคืนนี้ยังได้ใจอยู่ เวลานี้แทบอยากจะบ้าตายแล้ว
ไหนเลยที่นางยังจะกล้าจัดการกับหยุนถิงอีก ลูกชายและลูกสาวของตัวเองทั้งคู่ล้วนอยู่ในกำมือของหยุนถิง หากนางกล้ามีความคิดออกนอกลู่นอกทางใดๆ ด้วยนิสัยของหยุนถิงต้องไม่ปล่อยหยุนหลิงกับเสี่ยวลิ่วไปแน่นอน
สุดท้าย นางก็ไม่สามารถเอาชนะหยุนถิงได้
หยุนถิงพาเสี่ยวลิ่วเดินไป ตอนที่เดินผ่านห้องขังของเสวี่ยเชียนโฉว หยุนถิงสะบัดแขนเสื้อ ขวดเครื่องเคลือบอันหนึ่งก็ลอยเข้าไป
นัยน์ตาสีดำของเสวี่ยเชียนโฉวที่นอนอยู่บนหญ้าฟางเบิกกว้างขึ้นมาทันที ยื่นมือไปรับเอาไว้
ภาพฉากนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น แม้แต่หยุนเสี่ยวลิ่วที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น ก็ติดตามหยุนถิงออกไปจากคุกไป
เสวี่ยเชียนโฉวมองดูขวดเครื่องเครือบที่อยู่ในมือ ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นมุมโค้งเล็กน้อย เป็นผู้หญิงที่มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระจริงๆด้วย
หยุนถิงออกมาจากคุก ได้ยินบรรดาบ่าวรับใช้คุยกันว่าคุณหนูว่านตื่นแล้ว อินทรีทองก็ถูกจับและถูกขังอยู่ในกรงแล้วเช่นกัน
สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึมลงทันที รีบร้อนสอบถามองครักษ์ว่าอินทรีทองถูกขังอยู่ที่ไหน และพาหยุนเสี่ยวลิ่วไปที่นั่นทันที
ทันทีที่องครักษ์ที่เฝ้ายามเห็นหยุนถิง ก็คำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที: “คุณหนูหยุน ฝ่าบาทสั่งการเอาไว้ว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าเยี่ยม อินทรีทองตัวนี้ดุร้ายเกินไป ท่านอย่าเข้าไปเยี่ยมดีกว่า”
“ข้าคือเจ้านายของมัน มาส่งมันเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้หรือ?” หยุนถิงถามกลับอย่างเย็นชา
“เช่นนั้นคุณหนูหยุนโปรดรีบหน่อยแล้วกัน มิเช่นนั้นข้าน้อยก็ลำบากใจเหมือนกัน”
หยุนถิงเตะประตูห้องออก ในเรือนที่กว้างใหญ่มีกรงเหล็กขนาดใหญ่วางอยู่ ปีกทั้งสองข้างของอินทรีทองกำลังมีเลือดไหล ขนนกถูกดึงออกไปหลายเส้น นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
พอเห็นหยุนถิง ดวงตาที่ปิดอยู่เล็กน้อยของอินทรีทองก็เปิดกว้างในทันที เหมือนจะดีใจ และดูเหมือนจะตื่นเต้น ต้องการจะลุกขึ้นมาแต่กลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ใบหน้าของหยุนถิงเย็นยะเยือกราวกับสระน้ำเย็นทันที: “เสี่ยวลิ่วปิดประตู”
หยุนเสี่ยวลิ่วไปปิดประตูทันที องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูก็ไม่ได้ขัดขวาง คิดเพียงว่าคุณหนูหยุนอยากจะกล่าวอำลาอินทรีทองเท่านั้น
หยุนถิงหยิบปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะลงมาทันที จากนั้นก็ไขกุญแจประตูกรงเหล็กออก นางไม่มีเวลามาสนใจเสี่ยวลิ่วแล้ว จับอินทรีทองใส่เข้าไปในมิติโดยตรง จากนั้นก็จำลองอินทรีทองที่เหมือนกันทุกประการและปล่อยออกมาหนึ่งตัว
หยุนเสี่ยวลิ่วที่อยู่หน้าประตูมองด้วยความตกตะลึง เขาขยี้ตาโดยสัญชาตญาณ เมื่อครู่นี้เขาต้องมองผิดไปแน่ๆใช่ไหม อินทรีทองที่ตัวใหญ่ขนาดนั้นจู่ๆจะหายตัวไปและปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร นี่ต้องเป็นภาพหลอนของเขาแน่ๆ
หลังจากที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้เสร็จ หยุนถิงก็ใส่กุญแจประตูกรงเหล็ก ถึงได้พาหยุนเสี่ยวลิ่วจากไป
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นว่าอินทรีทองยังอยู่ในกรง จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
หยุนถิงพาหยุนเสี่ยวลิ่วออกจากพระราชวังโดยตรง ตอนที่อยู่หน้าประตูพระราชวังก็ได้พบกับโม่ฉือหาน
“หยุนถิง เจ้าเข้าวังมาทำไม?”
“ใครเป็นคนจับอินทรีทองของข้ามา แล้วจับได้อย่างไร?” ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงมองมาอย่างน่าเกรงขาม
อินทรีทองที่ห้าวหาญขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนจับมันได้
โม่ฉือหานสบตาเข้ากับดวงตาคู่สวยของนาง รู้สึกประหลาดใจ และหวาดกลัวเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นสายตาที่ดุร้ายไร้ความปรานีเช่นนี้ของหยุนถิงมาก่อน
“เท่าที่ข้ารู้มา การจับตัวอินทรีทองในครั้งนี้ต้องขอบคุณหอเทพเซียน คนของหอเทพเซียนปลอมตัวเป็นเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็ล่ออินทรีทองออกมาให้ถูกจับ!” โม่ฉือหานเล่าสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมา
“บัดซบ!” หยุนถิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น เดินจากไปโดยตรง
มองดูแผ่นหลังที่เฉยเมยและห่างเหินเช่นนั้นของนาง โม่ฉือหานรู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย
แค่สัตว์ตัวหนึ่งยังทำให้นางใส่ใจ และโกรธเคืองเช่นนี้ ระหว่างเขากับนาง ก็สามารถมีความเปลี่ยนแปลงได้เช่นกันใช่ไหม
โม่เหลิ่งเหยียนเข้ามาจากหน้าประตูวังพอดี เมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาดุร้ายของหยุนถิง รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย: “หยุนถิง เจ้ารู้แล้วใช่ไหม?”
“ซวนอ๋อง ส่งข้ากลับจวนซื่อจื่อ ข้าไม่เป็นไรขอนอนก่อนครู่หนึ่ง” หยุนถิงกล่าวจบ ดวงตาสองข้างปิดลงก็จะล้มลงไปกับพื้นเลย
โม่เหลิ่งเหยียนรีบคว้าตัวนางเอาไว้ทันที: “หยุนถิง เจ้าเป็นอะไรไป?”
โม่ฉือหานที่อยู่ไม่ไกลออกไปเห็นหยุนถิงหมดสติกะทันหัน รีบวิ่งเข้ามาโดยสัญชาตญาณ: “นางเป็นอะไรไป?”
“นางบอกว่าเหนื่อยแล้ว ขอนอนก่อน ให้ข้าส่งนางกลับจวนซื่อจื่อ” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวตอบ อุ้มหยุนถิงขึ้นมาในแนวนอนก็จากไป หยุนเสี่ยวลิ่วรีบตามไปทันที
สีหน้าของโม่ฉือหานดำคล้ำ นัยน์ตาดำที่ลึกล้ำมีความเจ็บปวดและไม่เต็มใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย
นางยอมเชื่อใจซวนอ๋อง ก็ไม่ยินดีจะเชื่อใจตัวเอง หรือว่าระหว่างนางกับตัวเองไม่มีความเป็นไปไม่ได้อีกแล้วจริงๆ?
และหลังจากที่หยุนถิงหลับตาลงก็เข้าไปในมิติทันที มองดูอินทรีทองที่ถูกนางเก็บเข้ามา นอนหายใจรวยริน หยุนถิงรู้สึกเอ็นดูสงสารอย่างยิ่ง รีบเข้ามาจัดการบาดแผล ใส่ยาและทำแผลให้มันทันที
อินทรีทองดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับบริเวณโดยรอบด้วยเช่นกัน แต่ว่ามันเจ็บปวดยิ่งกว่า นาทีที่ผงยาโรยลงมา เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูของอินทรีทองดังมา
“ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัยมาก บาดแผลของเจ้าสาหัสเกินไป อดทนเอาไว้ ใส่ยาเสร็จก็หายแล้ว หลับให้สบายเถอะ” เสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวลของหยุนถิงดังมา
เป็นเช่นนั้นจริงๆอินทรีทองหลับตาลง ก่อนหน้านี้มันฝืนยืนหยัดตลอดจริงๆ หวังเอาไว้ว่าก่อนที่มันจะตายขอให้ได้เจอกับเจ้านายเป็นครั้งสุดท้าย
หยุนถิงมองดูอินทรีทองที่อ่อนแอเช่นนี้ ดวงตาคู่สวยดุร้ายน่าเกรงขาม ไม่ว่าจะเป็นใครกล้าใช้วิธีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้จัดการกับอินทรีทอง หยุนถิงไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด!