จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 313 โม่ฉือหานตามไปดูเขาพลอดรักกัน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 313 โม่ฉือหานตามไปดูเขาพลอดรักกัน
ชิงหลัวจวิ้นจู่บื้อไปเลย หมดสิ้นแล้ว หากท่านพ่อรู้ต้องตีนางจนตายแน่
ส่วนฮูหยินไท่ผิงโหวตกใจขาอ่อนยวบลงพื้น สีหน้าซีดเผือด รีบขอร้องอ้อนวอน
เหล่าองครักษ์ลากพวกนางสองคนออกไป คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดโดนลงโทษหมดแล้ว อุทยานหลวงที่กว้างใหญ่พลันสงบลง
โม่ฉือหานเห็นหยุนถิงพลิกคดีได้อย่างสวยงามเช่นนี้ ความกังวลที่ถือมานานพลันวางลงในที่สุด ขนาดตัวเขาเองยังไม่สังเกตเลยว่า พอเห็นหยุนถิงเอาคืนอย่างสวยงามเช่นนี้ ก็มีแววเลื่อมใสและตื่นเต้นอยู่หลายส่วน
เขารู้ว่าหยุนถิงมีความคิดเป็นของตนเอง มีวิธีที่สุดมาตลอด และนางก็มีทางแก้เผ็ดจริงๆด้วย
เพียงแต่นางสามารถซื้อคนข้างกายจี๋ผินได้อย่างเงียบเชียบไม่มีใครรู้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ
“ในเมื่อจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันเถอะ ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว” ฮ่องเต้ทิ้งไว้คำเดียว ก็หมุนตัวจากไป
หลิ่วเฟยรีบตามไปทันที หลีอ๋องยังมีเรื่องจะรายงาน เลยเดินตามไป
“คุณหนูหยุน เมื่อครู่ขอโทษด้วย ข้ารู้ว่าจี๋ผินใส่ความท่าน เมื่อครู่ข้าไม่ได้ก้าวออกไปนะ” ฮูหยินท่านหนึ่งรีบเอ่ย
“ใช่คุณหนูหยุน ท่านน่ะงดงามแต่กำเนิด อีกทั้งมีพรสวรรค์เป็นที่เลื่องลือ พวกนางน่ะริษยาท่าน”
ทุกคนพากันเข้ามาห้อมล้อมหยุนถิง เอาอกเอาใจสุดๆ
หยุนถิงฟังแล้วพอใจมาก “ขอบคุณทุกท่านที่เชื่อใจข้า ที่เขาว่ากันว่าจะพบคนจริงใจยามเกิดเรื่อง พอเจอเรื่องวันนี้ข้ามองออกแล้วว่า คนดีในโลกนี้ยังมีมากอยู่ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณของข้าที่มีต่อทุกคน ขอเชิญทุกคนไปรับครีมทามือหนึ่งชิ้นที่หอชุนเฟิงขององค์ชายสี่เถอะ ขอทุกคนอย่าได้รังเกียจ”
“คุณหนูหยุนช่างใจกว้างยิ่งนัก ไม่รังเกียจเลย ไม่รังเกียจ ครีมทามือนั่นดีกับมือสตรียิ่งนัก” ฮูหยินคนหนึ่งดีใจจนหุบปากไม่ลงแล้ว
“นั่นสิ เดือนก่อนข้าซื้อมาอันหนึ่ง มือที่หยาบกร้านพลันเรียบลื่นขึ้นไม่น้อยเลย เพียงแต่ครีมทามือนั่นขายดียิ่งนัก ต่อแถวแล้วก็ยังซื้อไม่ได้”
“คุณหนูหยุนสมเป็นแบบอย่างของสตรีเราจริงๆ งดงาม เฉลียวฉลาด ใจกว้าง ต่อไปข้าจะเลื่อมใสคุณหนูหยุนนี่แหละ”
ทุกคนพากันพะเน้าพะนอหยุนถิง พูดจาน่าฟังไปหมด
หยุนถิงพอใจมาก ก่อนจะเดินไปทางซูชิงโยวและโม่หลานที่ยืนเงียบอยู่
โม่หลานทนไม่ไหวยกนิ้วโป้งให้เธอ “หยุนถิงสมเป็นหยุนถิงจริงๆ โดนใส่ร้ายขนาดนี้ยังพลิกสถานการณ์กลับมาตบหน้าคนชั่วได้ สุดยอดเลย”
“พวกข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีทางแก้เผ็ดแน่ ดังนั้นเลยยืนมองดูเจ้าแสดงเงียบๆ” ซูชิงโยวตอบ
“พวกเจ้าสองคนเข้าใจข้ามากที่สุดจริงๆ” หยุนถิงตอบ
“ครีมทามือนั่นพวกข้ามีไหม?” โม่หลานถาม
“มีแน่นอน ไม่เพียงแค่ครีมทามือ ยังมีเครื่องบำรุงผิว พร้อมบริการพวกเจ้าโดยไม่คิดเงินทั้งชีวิตเลย” หยุนถิงตอบ
“ดีเลย ดูจากคำนี้ของเจ้า ใจกว้างจริงๆ” โม่หลานเลื่อมใสนัก
เพราะพวกจี๋ผินโดนลงโทษ คุณหนูฮูหยินคนอื่นพากันเกี่ยวแขนไปรับครีมทามือที่หอชุนเฟิง
หน้าประตูพระราชวัง
พอเห็นหยุนถิงจะขึ้นรถม้า นางจ้าวรีบพุ่งเข้ามา “ถิงเอ๋อร์ วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก ขอบคุณที่ช่วยพูดแทนข้า ข้าซาบซึ้งในบุญคุณที่ช่วยชีวิตวันนี้ยิ่งนัก เมื่อก่อนข้าตามืดบอดเอง ข้าสมควรตายนัก ขอบคุณที่เจ้าเป็นผู้ใหญ่ไม่ถือสา ต่อไปข้าจะกลับเนื้อกลับตัวแน่นอน”
หยุนถิงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “คิดได้เยี่ยงนี้ดีที่สุด”
ถึงหยุนหลิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ก้มหน้าต่ำ ราวกับทั้งรู้สึกผิด ทั้งหวาดกลัว สรุปแล้วนางยืนข้างนางจ้าวก็ตกใจจนสีหน้าซีดเผือดแล้ว
วันนี้หากมิได้เห็นพี่หญิงใหญ่พลิกผันเอาคืนคนชั่วกับตาตนเอง ตีให้ตายนางก็ไม่เชื่อว่าหยุนถิงจะเก่งกาจเช่นนี้
จี๋ผินน่ะเป็นสตรีที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมากที่สุด นางวางแผนอย่างรัดกุมไร้ช่องโหว่ขนาดนั้น แต่กลับโดนพี่หญิงใหญ่ใช้เพียงแค่วิธีเดียวก็เอาคืนได้แล้ว วันนี้หยุนหลิงถึงได้รู้ว่า เมื่อก่อนตนเองนั้นโง่งมน่าขันเพียงไร
นางมิใช่คู่ต่อสู้ของพี่หญิงใหญ่เลยสักนิด
“คุณหนูใหญ่ หลิงเอ๋อร์กลับไปด้วยกันได้หรือไม่ ข้ารับรองว่า ต่อไปนางจะมิกล้าไม่เคารพท่านอีกแล้ว” นางจ้าวรีบถาม
“พี่หญิงใหญ่ ท่านให้พี่รองกลับบ้านเถอะ ข้าคิดถึงพี่รองนัก ขอร้องท่านล่ะ” หยุนเสี่ยวลิ่วอ้อนวอน
หยุนถิงเหล่มองสายตาหวาดกลัวของหยุนหลิง พลางยิ้มมุมปากว่า “ก็ได้ เห็นแก่หน้าเสี่ยวลิ่ว เจ้าก็กลับไปเถอะ”
“ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ ขอบคุณมาก” หยุนหลิงตาแดงเรื่อด้วยความซาบซึ้ง
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าคุณหนูจวนเฉิงเซี่ยงที่อยู่อย่างสุขสบายมาแต่เล็กเช่นนาง หลายวันนี้ต้องทำงานซักผ้าทำกับข้าวผ่าฟืนอยู่ที่เรือนโจวเซิน ทุกข์ยากลำบากยิ่งนัก
แต่เป็นเพราะการทรมานเหล่านี้ทำให้จิตใจนางมั่นคงขึ้นไม่น้อย และเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลย
“คุณหนูใหญ่ หากมีเวลาก็กลับไปเยี่ยมนายท่านบ้าง นายท่านคิดถึงท่าน” พ่อบ้านจวนตระกูลหยุนบอก
“ได้ ข้าจะกลับไปแน่”
ทุกคนต่างแยกย้ายกันขึ้นรถม้าตนกลับไป ส่วนจวินหย่วนโยวกุมมือหยุนถิงไว้ตลอด ไม่ได้ปล่อยออกเลย
“เจ้าซื้อตัวคนข้างกายจี๋ผินตั้งแต่เมื่อใดกัน?” จวินหย่วนโยวถาม
นังหนูนี่มักจะเอาคืนได้อย่างหมดจด สติปัญญาเฉลียวฉลาดเสียจนเขายังเลื่อมใสนาง
“ข้าพาหยุนเสี่ยวลิ่วไปเจอนางจ้าวที่คุกหลวง นางบอกข้าเอง ข้าเลยเริ่มวางแผน ซื่อจื่อท่านไม่คิดว่าข้าเจ้าเล่ห์มีแผนการ โหดเหี้ยมเกินไปรึ?” หยุนถิงมองมา
“จะเป็นไปได้อย่างไร สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของเจ้าล้วนนำมาใช้ป้องกันตนเองทั้งนั้น ข้าไม่อยากให้ฮูหยินของตนเป็นคนโง่เขลาที่โดนคนอื่นขายแล้วยังมานั่ง
ช่วยผู้อื่นนับเงินดอกนะ เพียงแต่การลงโทษของฝ่าบาทกับคนเหล่านั้นดูจะสบายพวกมันไปละ ที่เหลือยกให้ข้าแล้วกัน” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่และบ้าอำนาจ
“ได้ เช่นนั้นก็ลำบากซื่อจื่อแล้วนะ”
หยุนถิงเอนกายอยู่ในอ้อมกอดจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ข้าอยากไปที่สงบๆสักหน่อย”
“ได้ หลิงเฟิงไปศาลาเจ็ดลี้” จวินหย่วนโยวเอ่ยขึ้น
“ขอรับ” หลิงเฟิงรีบเปลี่ยนเส้นทางรถม้ามุ่งไปนอกเมืองทันที
หลีอ๋องออกจากวังมา ได้ยินลูกน้องรายงานความเคลื่อนไหวของหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว เขาเลยให้องครักษ์เตรียมรถม้าออกนอกเมืองเช่นกัน
หนึ่งชั่วยามผ่านไป รถม้ามาจอดลงที่ตีนเขา
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงลงจากรถม้า ห่างไปไม่ไกลมีศาลาทรงแปดเหลี่ยมศาลาหนึ่งอยู่กลางเขา หญ้าเขียวขจี น้ำในทะเลสาบใสกระจ่างดุจหยก ห่างไปไม่ไกลมีป่าดอกซากุระผืนใหญ่มาก กลีบดอกไม้สีชมพูพลิ้วไหวตามลม แค่มองก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายแล้ว
“ที่นี่ดียิ่ง เหมือนกับโลกเซียนเลย” หยุนถิงชื่นชมออกมา
“หากเจ้าชอบ ต่อไปพวกเราก็มาบ่อยๆนะ” จวินหย่วนโยวบอก พลางจูงมือหยุนถิงเดินไปทางศาลา
หลงเอ้อร์เตรียมน้ำชาขนมของกินมา รีบวิ่งไปที่โต๊ะหินในศาลา และยังเอาพิณโบราณ ขลุ่ยหยก ผีผามาด้วย เพื่อสะดวกให้ซื่อจื่อและฮูหยินผ่อนคลาย
จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงเดินเข้าไป “อยากกินอะไร ดื่มอะไร ข้าช่วยเจ้าหยิบไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ข้าอยากนั่งเงียบๆสักหน่อย” หยุนถิงตอบ
“ได้ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า!”
จวินหย่วนโยวมองออกว่าหยุนถิงรู้สึกหม่นหมองเล็กน้อย ทั้งๆที่เอาคืนจี๋ผินได้น่าจะดีใจ แต่เขากลับมองออกว่าหยุนถิงไม่ชอบเรื่องเล่ห์กลเพทุบายเหล่านี้เลย หากมิใช่วันนี้จี๋ผินบีบคั้นเช่นนี้ หยุนถิงก็ไม่มีทางทำกับนางเช่นนั้น
“พูดไป ก็คือนางทำตนเอง เหตุใดต้องทำให้ตนเองรู้สึกไม่ดีกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเช่นนี้ด้วยเล่า” จวินหย่วนโยวปลอบ
“ข้าเพียงแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนในยุคโบราณอย่างพวกท่านชอบวางแผนใส่กันไปมาขนาดนี้ ซื่อจื่อท่านดีดพิณให้ข้าฟังเถอะ” หยุนถิงบอก
“ได้” จวินหย่วนโยวเดินเข้าไป นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนกรีดกรายสายพิณ
หยุนถิงนอนลงข้างๆเฉยเลย นอนไขว่ห้างเด็ดหญ้ามาเคี้ยวใส่ปาก ดูแล้วสบายยิ่งนัก
ท่าทางนักเลงเช่นนี้ของนาง จวินหย่วนโยวเห็นทั้งหมด ในแววตาเขาเต็มไปด้วยแววรักใคร่และอ่อนโยน แล้วจึงดีดพิณต่อไป
ห่างไปไม่ไกล โม่ฉือหานที่ไล่ตามมาเห็นภาพเหล่านี้ทั้งหมด ถึงจะเห็นภาพจวินหย่วนโยวรักใคร่หยุนถิงจนคุ้นชินแล้ว แต่พอเห็นจวินหย่วนดีดพิณอย่างนี้แล้ว โม่ฉือหานอดตะลึงไม่ได้