จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 338 ดื่มมากไปข้าถึงจะสามารถปล่อยให้เจ้าทำตามใจ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 338 ดื่มมากไปข้าถึงจะสามารถปล่อยให้เจ้าทำตามใจ
ทุกคนเห็นองค์หญิงหลันรั่วและคนของนางจากไป ต่างพากันโห่ร้อง ดีใจ ตื่นเต้น และแสดงความยินดีกับหยุนถิง
จู่ๆจากนางสนมกลายเป็นซื่อจื่อเฟย ทำให้คนรู้สึกอิจฉาจริงๆ
หยุนถิงไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามา ยกถ้วยสุราขึ้นดื่มอย่างกล้าได้กล้าเสีย
“ยินดีด้วยซื่อจื่อเฟย!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวพร้อมยกถ้วยสุรา
เขาก็ว่าด้วยนิสัยใจแคบอย่างหยุนถิง จะยินดีเป็นแค่นางสนมคนหนึ่งได้อย่างไร ที่แท้จวินหย่วนโยวก็เขียนตำแหน่งซื่อจื่อเฟยให้นางบนลำดับศักดิ์วงศ์ตระกูลนานแล้ว ข้อนี้กลับทำให้โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่กลับชื่นชมมากยิ่งขึ้น
เขามีค่าให้หยุนถิงปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้จริงๆ
“ซวนอ๋องอย่าล้อข้าอีกเลย” หยุนถิงยกถ้วยสุราขึ้นมาก็จะดื่ม แต่กลับถูกจวินหย่วนโยวคว้าไป
“เจ้าดื่มไปหลายถ้วยแล้ว ห้ามดื่มอีก ข้าดื่มถ้วยนี้แทนเจ้า” จวินหย่วนโยวเงยหน้าแล้วดื่มลงไป
โม่เหลิ่งเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไร ดื่มลงไปเองคนเดียว
“หยุนถิง เราสองคนต้องดื่มถ้วยหนึ่งแล้ว เราเป็นหุ้นส่วนกัน เจ้าถึงกับปิดบังข้า ซื่อจื่อเฟยอย่างเจ้าทำตัวค้อมต่ำเกินไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นข้า จะต้องป่าวประกาศไปทั่วให้ได้” โม่ฉือชิงเบะปาก
หยุนถิงกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง“ต้นไม้งามในป่าลมจะพัดทำลาย บุคคลมีความสามารถง่ายต่อการถูกอิจฉา ข้าก็แค่ไม่อยากสร้างปัญหาเท่านั้น”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ฮ่องเต้ที่อยู่ไม่ไกลออกไปมองดูหยุนถิงกับองค์ชายสี่และคนอื่นๆเข้ากันได้อย่างดีเช่นนี้ ถึงกับรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“ฝ่าบาท คิดไม่ถึงจริงๆว่าจวินซื่อจื่อจะเขียนชื่อของคุณหนูหยุนเอาไว้บนลำดับศักดิ์วงศ์ตระกูลแล้ว ช่างเป็นความรักที่ลึกซึ้งจริงๆ” เหมยเฟยทอดถอนใจ
“ใช่แล้ว ตอนนั้นข้าก็ประหลาดใจจริงๆ แต่ด้วยความสามารถของหยุนถิง ตำแหน่งซื่อจื่อเฟยนางสามารถปฏิบัติได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ตรัสชื่นชม
สีหน้าของโม่ฉือหานที่อยู่ด้านข้างมืดมนดำคล้ำ เดิมทียังคิดว่าให้หลันรั่วทำให้จวินหย่วนโยวขยะแขยง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกจวินหย่วนโยวพลิกผันตบหน้า บัดซบจริงๆ
ไม่ไกลออกไป เหลยถิงวิ่งเข้ามาทันที กระซิบที่ข้างหูของโม่ฉือหาน
โม่ฉือหานที่เดิมทีกำลังโมโหอยู่ สีหน้ายิ่งดำมืดและโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น เขาลุกขึ้นไปและรายงานต่อฮ่องเต้ทันที
สีหน้าของฮ่องเต้เย็นชา“พวกเขาถึงกับบังอาจเช่นนี้ เจ้าพาคนไปเดี๋ยวนี้เลย จะต้องเก็บพยานปากที่รอดชีวิตเอาไว้ ข้ายังรอที่จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับแคว้นเทียนจิ่ว”
ตอนกลางวัน โม่ฉือหานเล่าเรื่องที่หลันรั่วส่งคนไปลอบสังหารหยุนถิง ฮ่องเต้ส่งคนไปคุ้มกันมือสังหารพวกนั้นโดยเฉพาะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนฉวยโอกาสจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลองในตอนกลางคืนเพื่อไปฆ่าปิดปาก แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายก็ถูกบีบจนเป็นกังวลแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่” โม่ฉือหานไปดำเนินการทันที
ในคืนนี้ หยุนถิงสร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองหลวงอีกครั้ง
ระยะนี้หยุนถิงทำชื่อเสียงให้ขาวสะอาดอย่างต่อเนื่อง พรสวรรค์อันน่าทึ่ง ทำให้คนรอบข้างอิจฉา เมื่อได้ยินว่านางเป็นซื่อจื่อเฟยของจวินซื่อจื่อ ทุกคนต่างปรบมือแสดงความยินดี เห็นด้วยอย่างยิ่ง ล้วนยอมรับในความฉลาดของจวินซื่อจื่อ หยุนถิงที่น่าทึ่งเช่นนี้คู่ควรกับตำแหน่งซื่อจื่อเฟยจริงๆ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คนอื่นๆล้วนไปล่าสัตว์กันแล้ว แต่เนื่องจากเมื่อคืนหยุนถิงดื่มมากเกินไป ตอนเช้าไม่ได้ลุกขึ้นมา นอนจนกระทั่งตอนเที่ยงถึงตื่น
ทันทีที่หยุนถิงลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาที่อยู่ด้านข้าง หยุนถิงยื่นมือแตะดั้งจมูกที่สูงโด่งของซื่อจื่อ ใช้นิ้วมือวาดด้านข้างใบหน้าของเขาเบาๆ
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงที่มีแรงดึงดูดน่าฟังของจวินหย่วนโยวดังมา
“อืม ซื่อจื่อตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว ข้ารู้สึกหิวเล็กน้อยแล้ว?” หยุนถิงกล่าวตอบ
“ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว เมื่อคืนกินข้าไปหลายรอบขนาดนั้น ยังไม่อิ่มหรือ?” จวินหย่วนโยวหยอกเย้า
แก้มของหยุนถิงแดงก่ำในทันที นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่นางตื้อซื่อจื่อยืนกรานที่จะอยู่ข้างบนให้ได้ คนทั้งคนอายจนรีบดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าเอาไว้ทันที“ซื่อจื่อ ต่อไปท่านห้ามให้ข้าดื่มเหล้าอีกนะ”
นางคออ่อนมากจริงๆ เมื่อดื่มมากเกินไปก็จะทำเรื่องที่เกินขอบเขตอะไรไป แม้แต่ตัวนางเองก็ยั้งเอาไว้ไม่อยู่
จวินหย่วนโยวก็ยังรู้สึกขบขัน“เมื่อคืนเจ้าเป็นคนจะดื่มให้ได้เอง ข้าขวางก็ขวางไม่อยู่ แต่ว่าเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ดื่มมากไปข้าถึงจะสามารถปล่อยให้เจ้าทำตามใจ”
“ห้ามพูดอีกนะ” หยุนถิงกระดากอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“เอาล่ะ ไม่ล้อเจ้าแล้ว หิวแล้วใช่ไหม ลุกขึ้นมาข้าจะพาเจ้าไปกินอาหาร” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นมานั่ง
หยุนถิงเข้าใจชัดเจนจริงๆ รีบร้อนตามไปทันที หลังจากที่ทั้งสองแต่งกายเรียบร้อยแล้วถึงได้ออกจากกระโจมไป
เวลานี้เลยเวลาเที่ยงวันแล้ว หลังจากที่คนอื่นๆกินข้าวเที่ยงแล้วก็ไปล่าสัตว์ต่อ ดังนั้นทางกระโจมฝั่งนี้จึงไม่มีใครอยู่
จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงไปที่ครัว หลิงเฟิงบอกให้พวกเขาเก็บอาหารเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หยุนถิงก็ไม่รังเกียจ ให้คนตักข้าวแล้วก็กินทันที
“คุณหนูหยุนในที่สุดก็หาท่านเจอแล้ว ฝ่าบาทเรียกหาท่าน ขอท่านโปรดรีบตามบ่าวไปเถอะ” ซูกงกงเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้น?” หยุนถิงถาม
“ฝ่าบาทเพิ่งได้รับสาส์นเร่งด่วนระดับสูงสุด จู่ๆทางตอนเหนือก็เกิดภัยหิมะกะทันหัน ภูเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะ พืชผลจำนวนมากถูกแช่แข็งจนตาย พืชผลที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวได้ไม่สามารถขนส่งออกมาได้ คนนอกก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ชาวบ้านหิวตายไปมากมาย ซวนอ๋องกับหลีอ๋องกำลังหารือกันอยู่ รอแค่คุณหนูหยุนแล้ว” ซูกงกงอธิบาย
หยุนถิงเลิกคิ้วมองไปทางเขา“มีหลีอ๋องกับซวนอ๋องอยู่ ฝ่าบาทยังจะหาข้าทำไม ผู้หญิงห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ใช่หรือ?”
“ไอ๊หยา แม่เจ้าประคุณทูนหัวของบ่าว คุณหนูหยุนท่านอย่าทำให้บ่าวอายุสั้นเลย ปัญหาที่แม้แต่ขุนนางราชสำนักยังแก้ไขไม่ได้ สำหรับท่านก็เป็นแค่คำพูดประโยคเดียว ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับท่านมากกว่าบรรดาขุนนางราชสำนักพวกนั้น”
“เช่นนี้ งั้นข้าก็ตามท่านไปก็แล้วกัน แต่ว่าข้ายังไม่ได้กินข้าว ขอยกไปด้วยได้ไหม?” หยุนถิงถาม
มุมปากของซูกงกงกระตุกขึ้นมา เขาสามารถพูดว่าไม่ได้ด้วยหรือ“ได้ ย่อมได้อยู่แล้ว ท่านเร็วหน่อยก็ยิ่งดี”
ดังนั้นในตอนที่หยุนถิงไปถึง ฮ่องเต้กับซวนอ๋อง หลีอ๋องมองดูนางยกจานผักและเนื้อ และก็หมั่นโถวอีกสองลูกใหญ่ มุมปากของทุกคนกระตุกขึ้นมาทันที
“หยุนถิง เจ้าคือวิญญาณหิวโหยกลับชาติมาเกิดหรือ ถึงกับยกอาหารมาถึงที่นี่?” โม่ฉือหานกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาดุร้าย
“สำหรับประชาชนเรื่องกินเป็นสิ่งสำคัญเทียมฟ้า ใครเป็นกำหนดว่าไม่สามารถกินอาหารต่อหน้าฝ่าบาท อีกอย่างฝ่าบาทก็ยังต้องกินข้าว ทำไมข้าถึงกินไม่ได้” หยุนถิงถามกลับ
“ฮูหยินของข้าอยากกินตอนไหน ก็กินตอนนั้น หลีอ๋องสนใจรายละเอียดมากเกินไปแล้ว!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นชา
สีหน้าของโม่ฉือหานไม่น่าดูขึ้นมาอีกเล็กน้อย กำลังจะพูดอะไร ก็ถูกฮ่องเต้ตัดบทไป
“เอาล่ะ ข้าเรียกพวกเจ้ามาเพื่อหารือเรื่องต่างๆ ตอนนี้ตอนเหนือมีภัยหิมะปิดภูเขา พืชผลที่ชาวบ้านเพาะปลูกถูกแช่แข็งจนตายไปหมด อาหารในบ้านก็มีไม่มากนัก ภัยหิมะที่มากะทันหันทำให้ชาวบ้านทำอะไรไม่ถูก ข้าอยากส่งคนไปช่วยเหลือแต่ภูเขาที่กว้างใหญ่ไม่มีทางเข้าไปเลยด้วยซ้ำ หยุนถิงเจ้ามีวิธีอะไรหรือไม่?” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หยุนถิงมองไปทางโม่ฉือหาน“หลีอ๋องมีวิธีอะไรหรือไม่?”
โม่ฉือหานจ้องมองนางด้วยความโกรธครู่หนึ่ง“ข้ากำลังคิดอยู่”
“เหอะๆ รอให้ท่านคิดได้ คาดว่าคงสายเกินไปสำหรับชาวบ้านทางตอนเหนือแล้ว” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น
ใบหน้าของโม่ฉือหานเต็มไปด้วยความโกรธ“ภัยหิมะจู่โจมกะทันหัน ทุกคนล้วนทำอะไรไม่ถูก ข้าไม่สามารถทำนายอนาคตได้ก่อนเสียหน่อย หรือว่าเจ้ามีวิธี?”
“ข้าย่อมมีวิธีอยู่แล้ว แต่ว่าหมั่นโถวของข้าใกล้จะเย็นแล้ว กินไม่อิ่มข้าไม่มีแรงพูด” หยุนถิงกินเองคนเดียวขึ้นมา
โม่ฉือหานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ แต่กลับถูกสายตาของฮ่องเต้กำราบในทันที รีบหุบปากอย่างรู้งานทันที
“หยุนถิง เจ้ามีวิธีจริงหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสถามอย่างมีความสุข