จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 342 ซื่อจื่อท่านอย่าเสียใจไปเลย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 342 ซื่อจื่อท่านอย่าเสียใจไปเลย
“ซื่อจื่อ รบกวนท่านช่วยข้าตรวจสอบเหมยเฟยหน่อย ดูว่านางเป็นคนของซ่างกวนเจิ้นหรือไม่” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ตกลง” จวินหย่วนโยวให้หลงซานไปตรวจสอบทันที
หยุนถิงย่อมรู้ความสามารถขององครักษ์เงามังกรอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าหากเหมยเฟยเป็นคนของซ่างกวนเจิ้นจริงๆ เช่นนั้นนางก็ปิดบังซ่อนเร้นได้เป็นอย่างดีจริงๆ ตอนนี้ร้านค้าและช่องทางการจัดส่งหลายแห่งของนางล้วนเป็นคนของพรรควิหค นี่มันเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากจริงๆ
“ซื่อจื่อ ข้าอยากไปดูที่ตระกูลซ่างกวนหน่อย” หยุนถิงเสนอแนะ
“ข้าไปกับเจ้า” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นมา
โม่เหลิ่งเหยียนไม่พูดอะไรเลย หันหลังก็เดินไปด้านหน้าสุด
ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงจวนซ่างกวน
หยุนถิงเดินเข้าไป การตกแต่งในลานวิจิตรงดงาม ดอกไม้ใบหญ้าล้ำค่านับไม่ถ้วน การจัดวางพิถีพิถันมาก ภูเขาเทียมสระน้ำ ต้นไม้เขียวขจี คานแกะสลักจิตรกรรมสี โออ่าอย่างมาก
ในห้องโถงค่อนข้างยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะการค้นบ้านและยึดทรัพย์สิน โต๊ะและเก้าอี้มากมายล้มระเนระนาด บนพื้นยังมีชุดน้ำชาแตกกระจายอยู่ ระเกะระกะอย่างมาก
“ฝ่าบาทมีราชโองการ ค้นบ้านและยึดทรัพย์สินตระกูลซ่างกวน ของมีค่าทั้งหมดถูกยึดเข้าท้องพระคลังแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงรกมาก พวกเจ้าระวังหน่อย” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปาก
“ขอบคุณซวนอ๋องมาก”
หยุนถิงกวาดตามองไปที่ห้องโถงที่กว้างใหญ่ แน่ใจว่าไม่มีอะไรพิเศษแล้ว นางก็ตรวจดูทุกห้องหนึ่งรอบ สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่ห้องหนังสือ
“เจ้ากำลังหาอะไรอยู่?” จวินหย่วนโยวถาม
เขาดูออกว่า หยุนถิงไม่ได้แค่เดินเที่ยวเตร่
“จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างซ่างกวนเจิ้น ต้องมีห้องลับอะไรทำนองนั้นแน่นอน ข้าอยากจะลองหาดู” หยุนถิงอธิบาย
จวินหย่วนโยวเข้าใจในทันที และก็เดินเข้าไป
เพียงแต่ว่าห้องหนังสือที่กว้างใหญ่ ชั้นหนังสือกองโต หนังสือทั้งหมดก็ถูกทิ้งรกรุงรังไม่เป็นระเบียบอยู่บนพื้น โต๊ะและเก้าอี้ยิ่งระเกะระกะ ยุ่งเหยิงมากจริงๆ
หยุนถิงมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง ของประดับที่อยู่บนโต๊ะ ชั้นหนังสือ แม้กระทั่งของที่ไม่สะดุดตาหยุนถิงก็ลองดูหมดแล้ว แต่กลับไม่พบอะไร
แต่นางรู้สึกว่า ด้วยนิสัยของซ่างกวนเจิ้นต้องมีห้องลับอะไรทำนองนั้นแน่นอน หยุนถิงกำลังจะหาต่อไป จู่ๆก็ได้ยินเสียงของจวินหย่วนโยว
“ที่นี่!”
จวินหย่วนโยวแตะไปโดนพู่กันขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง สะกิดไปถูกกลไก จู่ๆกำแพงของห้องหนังสือก็มีประตูลับปรากฏขึ้นมา
“ซื่อจื่อ ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” หยุนถิงรีบวิ่งเข้ามาทันที
“ข้าก็แค่ลองดูเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ ระวังตัวด้วย” จวินหย่วนโยวกล่าวกำชับ
“ตกลง”
จวินหย่วนโยวไม่วางใจ ยื่มมือไปจับมือของหยุนถิง หลิงเฟิงเดินอยู่ด้านหน้าสุด ทั้งสามคนเดินเข้าไป
โม่เหลิ่งเหยียนเข้ามาพอดี เห็นพวกเขาเข้าไปในห้องลับแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
ห้องลับไม่ใหญ่มาก มีขนาดเพียงครึ่งห้องเท่านั้น ข้างในสักการบูชาป้ายบรรพบุรุษ และกระถางธูป
ในตอนที่จวินหย่วนโยวเห็นสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะสักการะ สีหน้าซีดขาว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ซื่อจื่อ ไปอะไรไป?” หยุนถิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของจวินหย่วนโยว อดที่จะถามออกมาไม่ได้
คนทั้งคนของจวินหย่วนโยวเกือบจะล้มอยู่บนพื้น หยุนถิงเป็นคนที่ยื่นมือไปประคองเขาเอาไว้
จวินหย่วนโยวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว คว้าลูกประคำเกล็ดหิมะที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา มองดูลวดลายที่คุ้นเคยบนนั้น คนทั้งคนของเขาสั่นเทาอย่างมาก ตื่นเต้นไม่สิ้นสุด
“นี่คือของของแม่ข้า!”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้หยุนถิงแข็งทื่อไปเช่นกัน นางรีบร้อนมองไปทางป้ายบรรพบุรุษที่อยู่ในลาน
บนป้ายบรรพบุรุษนั่นไม่มีชื่อเขียนอยู่ เป็นป้ายว่างเปล่า ด้านหน้ากลับวางสิ่งของของท่านแม่จวินหย่วนโยว แถมยังมีกระถางธูปหนึ่งอัน ในนั้นมีขี้เถ้าธูปมากมาย ผ้าปูโต๊ะกลับสะอาดเรียบร้อย ดูออกว่าสักการบูชาด้วยความใส่ใจอย่างมาก
“หรือว่าคนที่ซ่างกวนเจิ้นสักการบูชาคือแม่ของเจ้า เขารู้จักแม่ของเจ้า?” โม่เหลิ่งเหยียนที่เข้ามาภายหลังอดที่จะเอ่ยปากไม่ได้
เขากับจวินหย่วนโยวเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อันคำว่ารู้เขารู้เราถึงจะสามารถเอาชนะศัตรูได้ ซึ่งก็คือหลักเหตุผลข้อนี้
มือที่จับลูกประคำเอาไว้ของจวินหย่วนโยว ยังอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ เป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไป จวินหย่วนโยวไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
หยุนถิงรีบยื่นมือไปตบหลังให้เขา จากนั้นก็หยิบยาฉีดออกมาจากกระเป๋าหนึ่งหลอดยื่นให้แก่เขา“ช่วยให้จิตใจสงบ ท่านดื่มเถอะ”
เวลานี้ไหนเลยที่จวินหย่วนโยวจะยังมีเวลามาสนใจ ปล่อยให้หยุนถิงป้อนให้เขาดื่มตามอำเภอใจ ลมหายใจถึงได้คงที่ขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมสิ่งของของแม่ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เหตุใดซ่างกวนเจิ้นต้องสักการบูชานางด้วย หรือเขาจะรู้สาเหตุการตายของแม่ข้าในตอนนั้น!” เสียงของจวินหย่วนโยวเย็นชาราวกับน้ำแข็ง คิ้วขมวดกันแน่น
ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยืนยัน
หากไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เหตุใดซ่างกวนเจิ้นถึงต้องบูชาลูกประคำนี้ด้วย
“ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจหรือว่านี่คือสิ่งของของท่านแม่ของท่าน?” หยุนถิงถามด้วยความสงสัย
อย่าเป็นซ่างกวนเจิ้นจงใจปลอมแปลงสิ่งของขึ้นมา จะได้เบี่ยงเบนความสนใจทุกคน อย่างไรเสียซ่างกวนเจิ้นก็เป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว
“นี่เป็นของของท่านแม่ข้าจริงๆ ข้าเคยเห็นมันในรูปเหมือนของท่านแม่ข้า นี่คือของขวัญที่ท่านพ่อมอบให้กับนาง พ่อบ้านบอกว่าสมัยนั้นตอนที่ตั้งครรภ์ข้า นางแพ้ท้องรุนแรงเป็นพิเศษ ถึงขั้นไม่สามารถนอนหลับได้
ดังนั้นพ่อข้าจึงไปที่วัดชิงหยุนขอให้ใต้ซือหยวนอู๋มอบให้ นี่คือลูกประคำที่ใต้ซือหยวนอู๋ปลุกเสกด้วยตัวเอง แม่ข้าใส่ติดตัวตลอด ต่อมาบนภาพเหมือนที่พ่อข้าวาดให้นางยังมี” จวินหย่วนโยวอธิบาย
หยุนถิงฟังแล้วอดที่จะรู้สึกเอ็นดูสงสารไม่ได้“ซื่อจื่อท่านอย่าเสียใจไปเลย รอให้จับตัวซ่างกวนเจิ้นได้แล้วจะต้องถามเขาให้ชัดเจนแน่นอน”
“หลิงเฟิง เรียกทุกคนมารวมตัวทันที ถึงแม้จะต้องพลิกแผ่นดินก็จะต้องจับตัวซ่างกวนเจิ้นให้ได้!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างแข็งกร้าว
“ขอรับ!” หลิงเฟิงไปจัดการทันที
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ออกคำสั่งให้จับตัวซ่างกวนเจิ้น เพียงเพื่อไม่อยากเก็บตัวปัญหาอย่างเขาเอาไว้ แต่ตอนนี้ได้รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับท่านแม่ของตัวเอง จวินหย่วนโยวยอมทุ่มเททุกอย่างก็จะต้องจับตัวซ่างกวนเจิ้นให้ได้
หลายปีมานี้ การตายของพ่อแม่เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจของจวินหย่วนโยวมาตลอด เขาสงสัยมาตลอดว่าการตายของพ่อแม่ไม่ธรรมดา ดังนั้นหลายปีมานี้ก็ตามสืบอย่างลับๆตลอด
เพียงแต่ว่า กลับไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้มาเจอเบาะแสที่ซ่างกวนเจิ้น จวินหย่วนโยวไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
หยุนถิงยื่นมือไปจับมือที่สั่นเทาของจวินหย่วนโยวเอาไว้“ซื่อจื่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ”
หัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความตื้นตัน มืออีกข้างหนึ่งยื่นเข้ามา จับมือของหยุนถิงเอาไว้“อืม”
นาทีนี้โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ด้านข้างกลับมีความรู้สึกอิจฉาจวินหย่วนโยวเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว
จวินหย่วนโยวอยู่ในห้องลับนานมากๆ คนทั้งคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือข้างหนึ่งจับลูกประคำเกล็ดหิมะเส้นนั้นเอาไว้ อีกข้างจับมือของหยุนถิงเอาไว้แน่น
ถึงแม้มือของหยุนถิงจะชาเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้สะบัดจวินหย่วนโยวออก นางรู้ว่าเวลานี้ เขาต้องการการปลอบโยนของตัวเองที่สุด
ถึงแม้จะไม่พูดอะไรเลย แค่อยู่ข้างกายของเขาเงียบๆเช่นนี้ ก็คือการปลอบโยนและความห่วงใยที่ดีที่สุดสำหรับเขา
โม่เหลิ่งเหยียนตรวจสอบทั่วทั้งห้องลับอีกครั้งหนึ่ง ให้คนตรวจสอบห้องอื่นๆของจวนซ่างกวนอีกครั้ง แน่ใจว่าไม่มีห้องลับอื่นๆแล้ว ถึงได้พาคนจากไป
………….
ทางด้านนี้ พระราชวัง
ฮ่องเต้ได้ยินว่าพ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้นหายตัวไป ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธทันที โยนฎีกาทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะลงไปบนพื้นด้วยความกราดเกรี้ยว
“บัดซบ พวกเขาพ่อลูกถึงกับหนีไปต่อหน้าต่อตาของข้า กองทัพหลวงของข้าทำงานกันอย่างไร!” ฮ่องเต้โกรธจัด
โม่ฉีเฟิงตกใจจนคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย เป็นเพราะกระหม่อมบกพร่องต่อหน้าที่เอง!”