จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 365 อันที่จริงคนที่ข้ารักคือเจ้านะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 365 อันที่จริงคนที่ข้ารักคือเจ้านะ
“บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ของคุณหนูหยุน ข้าจะระลึกไว้ชั่วชีวิต หากวันหน้าท่านต้องการข้าเมื่อใด ข้าจะมิรีรอเลย” จ้าวเคอโขกศีรษะอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะจากไป
หยุนถิงเองก็ดีใจกับเขาเช่นกัน ตนเสนอโอกาสให้เขาก็จริง แต่ถ้าเขาไม่เรียนไม่พยายามเอง ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน
องครักษ์กองหนึ่งตีฆ้องร้องป่าว ตรงไปบ้านของจ้าวเคอ ไปแสดงความยินดี
พอจ้าวเคอกลับบ้านก็เจอฉากนี้เข้า เห็นท่านแม่ตนสีหน้าอึ้ง ก่อนจะหน้าบานยิ้มไม่หุบเลย หันไปโขกศีรษะให้ป้ายวิญญาณท่านพ่อสามครั้งรวด
จ้าวเคอรีบพุ่งเข้าไปหาทันที “ท่านแม่ ท่านโขกศีรษะให้ท่านพ่อทำไมกัน?”
แม่ของจ้าวเคอน้ำตาไหลพราก ตื่นเต้นจนพูดแทบไม่ออก “เด็กโง่ ย่อมขอบคุณท่านพ่อเจ้าที่คอยปกปักรักษาเจ้าอยู่บนสวรรค์อย่างไรเล่า”
“ท่านแม่ หากท่านจะขอบคุณ ต้องขอบคุณคุณหนูหยุนต่างหาก หากมิใช่คุณหนูหยุนเสนอให้ข้าได้เข้าร่วมการสอบหน้าพระพักตร์ ข้าไม่มีทางสอบได้แน่ นางต่างหากที่เป็นผู้มีพระคุณของข้า” จ้าวเคออธิบาย
“ใช่ คุณหนูหยุน ต้องขอบคุณนางให้ดี อีกครู่เจ้าพาข้าไปโขกศีรษะให้คุณหนูหยุนด้วยตัวเองนะ”
จ้าวเคอหันไปบอกองครักษ์ที่มาประกาศผลว่า “ขอบคุณท่านพี่ทั้งหลายที่ลำบากแล้ว หากพวกท่านไม่รังเกียจ ขอเชิญเข้าไปดื่มชาก่อนค่อยกลับเถิด”
บอกว่าดื่มชา น่ากลัวว่าแม้แต่น้ำดื่มก็ไม่มี ยากจนจริงๆ
“ท่านจอหงวนเกรงใจไปแล้ว ไม่ดื่มชาแล้วล่ะ นี่เป็นชุดขุนนางของท่านจอหงวน พรุ่งนี้จำไว้ว่าใส่ชุดนี้เต็มพิธีการไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทยามว่าราชการเช้าด้วยล่ะ!” องครักษ์ที่นำหน้ามากำชับ
จ้าวเคอรีบคารวะทันที “ขอบคุณพี่ชายท่านนี้มากที่เตือน”องครักษ์กำชับอีกหลายคำก่อนจะจากไป จ้าวเคอมองชุดขุนนาง น้ำตาไหลพรากออกมา
จนถึงตอนนี้ เขายังรู้สึกเหมือนฝันไป เขาทำได้แล้วจริงๆ สอบได้แล้วจริงๆ สองคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้กลม
แต่ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และยินดี
ผู้คนที่มารายล้อมนอกเรือนพากันแสดงความยินดี พอเห็นภาพนี้ก็ตาแดงเรื่อไปตามๆกัน
นับจากเหล่าจ้าวตายไป สองแม่ลูกกำพร้านี้ก็ใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก อดมื้อกินมื้อ ตอนนี้จ้าวเคอสอบได้แล้ว เรียกได้ว่าฟ้าหลังฝนช่างงดงามนัก
ท่ามกลางผู้คน สตรีนางหนึ่งใบหน้ากระดาก ตกตะลึง อับอาย สุดท้ายสายตาไปหยุดลงที่ชุดขุนนางในอ้อมกอดจ้าวเคอ สายตาพลันมีแววยินดีและตื่นเต้น
นางก็คือจูจู สตรีที่เหยียดหยาม ถอนหมั้น ทอดทิ้งจ้าวเคอ ไปเพื่อติดตามคุณชายหลิ่วเมื่อไม่นานมานี้
นับจากครั้งก่อนที่คุณชายหลิ่วโดนหยุนถิงและจวินหย่วนโยวจัดการไป ไม่เพียงไม่รับนางเป็นอนุ กลับให้คนมาซ้อมนางจนเกือบเสียโฉมอีกด้วย
หากมิใช่เพราะจูจูคนนี้ คุณชายหลิ่วต้องถูกจวินซื่อจื่อจัดการกลางถนนรึ ดังนั้นคุณชายหลิ่วเลยระบายความโกรธลงมาที่นาง ให้คนมาซ้อมนางทุกๆสามถึงห้าวัน จูจูอยู่ไม่สู้ตายจริงๆ
นางรู้ว่าจ้าวเคอก็เข้าร่วมการสอบต่อหน้าพระพักตร์ นางไม่ได้คาดหวังอะไร สุดท้ายไม่คิดเลยว่าจ้าวเคอจะสอบได้จริงๆ
ตอนนี้จูจูอับอายโทษตนเองยิ่งนัก หากคราแรกตนไม่ทอดทิ้งจ้าวเคอ เช่นนั้นตอนนี้นางก็คือฮูหยินจอหงวนแล้ว ต้องโทษตนเองที่คิดผิดพลาดไป หลงเชื่อคำลวงหลอกของคุณชายหลิ่ว
จ้าวเคอเชื่อฟังมาตลอด หากตนเองใช้เล่ห์เพทุบายร้องไห้ก่อกวนผูกคอตาย เขาต้องยอมกลับมารักนางแน่ ถึงเวลานั้นนางแต่งกับจ้าวเคอ ก็เป็นฮูหยินจัดการบ้านแล้ว จะสง่างามแค่ไหนกันนะ
พอคิดมาถึงตรงนี้ จูจูรีบเดินเข้ามาทันที “จ้าวเคอ ยินดีด้วยที่เจ้าสอบได้จอหงวน”
พอจ้าวเคอมองจูจู ใบหน้าเย็นชาลงทันที “เจ้ามาทำอะไร?”
“จ้าวเคอข้าผิดไปแล้ว เมื่อก่อนข้าตาหามีแววไม่เอง ถูกคุณชายหลิ่วหลอกลวง อันที่จริงคนที่ข้ารักคือเจ้านะ ในใจข้ามีเจ้าอยู่เสมอมา พวกเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก เจ้ายังไม่เข้าใจข้าอีกรึ?” จูจูอ้อนวอนด้วยใบหน้าน้ำตาไหลพราก ท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจนัก
จ้าวเคอใบหน้าแข็งเกร็ง “ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าเป็นสตรีหลงใหลลาภยศสรรเสริญคนหนึ่ง”
“จ้าวเคอข้าโดนบังคับนะ ท่านพ่อข้าแพ้พนันในบ่อน บังคับข้าให้ยอมเป็นอนุคุณชายหลิ่ว ข้าเลยต้องยอม เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้คุณชายหลิ่วถูกจวินซื่อจื่อสั่งสอนกลางถนน เขาเลยเอาความโกรธมาลงที่ข้า เจ้าดูบาดแผลบนแขนข้าสิ ล้วนโดนคนของเขาซ้อมนะ จ้าวเคอเจ้าช่วยข้าด้วยเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นจอหงวนแล้ว แค่เจ้าเอ่ยปากข้าต้องหลุดพ้นจากความลำบากแน่!” จูจูพูดพลางเลิกแขนเสื้อขึ้น
พอเห็นรอยแผลเขียวช้ำม่วงบนแขนนาง จ้าวเคอพลันใจอ่อนยวบ ยังไงก็เป็นสตรีที่เติบโตด้วยกันมากับเขาตั้งแต่เล็ก
“สตรีหน้าไม่อายเช่นเจ้ายังมีหน้ามาหาบุตรชายข้า ตอนแรกไม่ใช่เจ้ารังเกียจที่ตระกูลจ้าวเรายากจน รังเกียจว่าจ้าวเคอไม่มีความสามารถ ไม่มีฝีมือถึงทอดทิ้งเขารึ
ตอนนี้เห็นบุตรชายข้าสอบได้จอหงวน เจ้าก็มาขอให้เขาให้อภัย คิดว่าคนตระกูลจ้าวเราโง่งมกันหมดรึ จ้าวเคอเจ้าอย่าโดนนางหลอกเอานะ ตอนแรกนางเหยียดหยามเจ้ากลางถนนอย่างไร เจ้าคุกเข่าให้นางนางยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ก่อนหน้านี้เจ้าให้นางดูแลข้า นางกตัญญูกับข้าต่อหน้าเจ้า ลับหลังไม่ยอมให้ข้ากินข้าว กระทั่งน้ำยังไม่ให้ข้าดื่ม ยังบอกอีกว่า ยายแก่อย่างข้าเป็นภาระของเจ้า หากข้าตายไปเจ้าก็หลุดพ้นแล้ว
ซาลาเปาเนื้อที่เจ้าเหลือไว้นางก็กินจนหมด ข้าไม่ได้บอกเจ้า เพราะไม่อยากให้เจ้าเป็นห่วง บ้านเรายากจนนัก นางยอมติดตามเจ้าถือว่าดีมากแล้ว ใครจะคิดว่านางเป็นคนหน้าเงิน พอเห็นคนมีเงินก็รีบตามติดเขาไปทันที” แม่ของจ้าวเคอบอกอย่างอ่อนแรง ดูแล้วน่าสงสารนัก
ถึงตอนนั้นท่านแม่จ้าวเคอจะป่วยหนัก แต่ชาวบ้านที่มาห้อมล้อมมากมายนัก ชาวบ้านที่หวังดีมาบอกเรื่องนี้กับท่านแม่จ้าวเคอ ทำเอาท่านแม่จ้าวเคอโกรธจนกระอักเลือดเลย
จ้าวเคอสีหน้าเย็นชาลงทันที “ท่านแม่ ทำไมท่านไม่บอกข้าล่ะ จูจูเจ้าทำอย่างนี้กับท่านแม่ข้าได้อย่างไร?”
จ้าวเคอตนไม่กินไม่ดื่มประหยัดไว้ให้แม่ตนเอง ไม่คิดเลยว่าจะโดนจูจูกินหมด
นางทำอย่างไรกับตนนั้นมิเป็นไร แต่โหดร้ายกับท่านแม่เช่นนี้ จ้าวเคอไม่มีวันยอมเด็ดขาด
จูจูใบหน้าซีดเผือด กระดากอายนัก แต่นางรู้ว่า ถ้าพลาดวันนี้ไป คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
จูจูพลันคุกเข่าลงพื้นทันที “จ้าวเคอ ข้าไม่ได้ทำอย่างนี้จริงๆ เจ้ากตัญญูกับท่านแม่เจ้าที่สุดแล้ว ข้าจะทำอย่างนั้นกับท่านแม่เจ้าได้อย่างไรกัน นางไม่ชอบข้า ดูถูกข้า ดังนั้นเลยใส่ร้ายข้า ท่านน้าท่านพูดจาซี้ซั้วเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ารู้ว่าท่านโกรธข้าที่ทำผิดต่อจ้าวเคอ แต่ข้าโดนบังคับนะ”
ท่านแม่จ้าวเคอโกรธจนเหลือบตามองบน นางไม่คิดเลยว่าจูจูผู้นี้จะหน้าด้านเพียงนี้ ไม่เพียงไม่ยอมรับ ยังใส่ร้ายนางอีก
จูจูพอเห็นท่านแม่จ้าวเคอจะเป็นลมไป คิดในใจ พลางเหลือกตาเป็นลมสลบไปเลย
ขอเพียงจ้าวเคออุ้มตนเข้าเรือน นางก็จะสามารถบอกกับคนอื่นว่า นางกับจ้าวเคอมีสัมพันธ์กันแล้ว ถึงเวลานั้นจ้าวเคอจะบิดพลิ้วก็ไม่ได้แล้ว
ผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่ด้านนอกพากันชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์ ทุกคนล้วนเหยียดหยันรังเกียจจูจู
“นี่ เหตุใดเป็นลมไปได้เล่า?” ท่านแม่จ้าวเคอเองก็ตกใจมาก นางเป็นสตรีวัยกลางคนที่ซื่อๆคนหนึ่ง ถึงจะโกรธจูจู แต่ไม่ได้คิดจะทำอะไรนาง
จ้าวเคอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี กำลังจะเดินเข้าไปพยุงนางลุกขึ้น
“คุณชายจ้าว หากท่านพยุงนางขึ้นมา และให้นางเข้าเรือนท่าน ท่านคงพูดไม่ชัดเจนแล้วจริงๆ” น้ำเสียงอ่อนโยนใสกระจ่างหนึ่งลอยมา