จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 368 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองเอาคืนจ้าวซ่างซู
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 368 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองเอาคืนจ้าวซ่างซู
พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้ย่อมไม่จำเป็นต้องเรียกคนอื่นมาอีกแล้ว
หลีอ๋องรังเกียจ เคียดแค้นหยุนถิงแค่ไหน ผู้คนทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนต่างรู้กันดี ดังนั้นหลีอ๋องไม่มีทางช่วยเป็นพยานให้หยุนถิงแน่ เรื่องนี้ทุกคนรู้ดีแก่ใจ
ในเมื่อหลีอ๋องพูดเช่นนี้แล้ว ย่อมต้องเป็นเรื่องจริงแน่
สีหน้าจ้าวซ่างซูดูน่าขันนัก เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก บูดบึ้งขั้นสุด
เขาขุดหลุมฝังตนเองเสียจริง ยังคิดจะอาศัยโอกาสนี้ลบหลู่หยุนถิงกับหยุนเฉิงเซี่ยงอยู่เลย สุดท้ายกลับขุดหลุมฝังตนเอง ตอนนี้จ้าวซ่างซูเสียใจยิ่งนัก
นั่นไง จิ้งจอกเฒ่าให้กำเนิดจิ้งจอกน้อย เป็นจิ้งจอกกันทั้งตระกูล ชั่วร้ายนัก จ้าวซ่างซูเคียดแค้นในใจนัก
“วันนี้มีจ้าวซ่างซูออกมาสงสัยข้ากับจ้าวเคอ วันหน้าบางทีก็อาจจะมีคนอื่นออกมาสงสัยว่าจ้าวเคอทุจริตอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอฝ่าบาทให้โอกาสจ้าวเคอพิสูจน์ตนเองสักครั้ง จะได้ให้ทุกคนได้รู้ว่า เขาคู่ควรตามจริงกับตำแหน่งจอหงวนนี้” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
“พิสูจน์อย่างไร?” ฮ่องเต้ถาม
“ฝ่าบาทออกหัวข้อ ณ ที่นี้เลย หรือไม่ก็ขุนนางคนอื่นออกหัวข้อ ให้จ้าวเคอตอบออกมาเลย แบบนี้ทั้งมีผลและเห็นชัด ว่ามีความสามารถจริงหรือไม่ แค่ลองก็รู้
เพราะหัวข้อที่ฝ่าบาทและขุนนางทุกท่านออกนี่ ข้าไม่ได้รู้มาก่อน หรือเป็นหัวข้อที่จ้าวเคอเตรียมตัวมาก่อน คราวนี้จ้าวซ่างซูคงไม่สงสัยแล้วกระมัง” หยุนถิงมองเขาอย่างเยาะหยัน
จู่ๆจ้าวซ่างซูก็โดนเรียกชื่อ กระดากจนแทบแทรกแผ่นดินหนี หยุนถิงน่าตายนัก เจ้าคิดเจ้าแค้นเหลือเกิน
“ในเมื่อคุณหนูหยุนพูดเช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดแน่นอน” จ้าวซ่างซูกระแอมไอออกมาสองครั้ง พลางตอบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นขอให้จ้าวซ่างซูออกหัวข้อแรกเลยแล้วกัน เพราะท่านเป็นคนแรกที่สงสัยจ้าวเคอ” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
จ้าวซ่างซูตกใจตัวสั่น เขามีหรือจะกล้าออกหน้า “คุณหนูหยุนท่านอย่าให้ร้ายข้าสิ ฝ่าบาทยังไม่ได้ตรัสอะไรเลย มีฝ่าบาทเป็นผู้ออกหัวข้อ ย่อมต้องยุติธรรมที่สุดอยู่แล้ว”
ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ถึงพูดเสียงเนิบช้าว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะออกหัวข้อที่หนึ่ง อาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อประชาชน จ้าวเคอเจ้าใช้หัวข้อนี้ทำบทความหนึ่งบทเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าคิดหนึ่งก้านธูป”
จ้าวเคอน้อมรับพระบัญชา หันมองหยุนถิงอัตโนมัติ
“เชื่อมั่นในตัวเอง เจ้าทำได้แน่ อยากจะพูดอย่างไรก็พูด” หยุนถิงให้กำลังใจ
“ขอรับ” จ้าวเคอสีหน้าตึงเครียด เปิดปากพูดทันที
ขุนนางคนอื่นรวมถึงฮ่องเต้ต่างตกใจไปตามๆกัน จ้าวเคอไม่คิดเลยสักนิด เปิดปากพูดเลย ยังพูดปัญหาการดำรงชีวิตของประชาชนในตอนนี้ทั้งนั้น อีกทั้งยังเสนอวิธีการเพาะปลูกการเกษตรที่เป็นประโยชน์กับราษฎร์ออกมา ทำเอาฮ่องเต้ทั้งตกใจและดีใจนัก
“ดี พูดจาได้เป็นบทความ แต่ละคำล้วนตรงประเด็น ทั้งยังเสนอความคิดเห็น ไม่เลวเลยจริงๆ ขุนนางคนอื่นก็ถามด้วยได้!” ฮ่องเต้ชมเชยไม่หยุด
“จ้าวเคอ ในเมื่อเจ้ามีชาติกำเนิดยากลำบาก ข้าขอทดสอบเรื่องโคลงกลอนที่เป็นแรงบันดาลใจของเจ้า เจ้าจะพูดออกมาห้าบทได้หรือไม่ ไม่อาจพูดสิ่งที่คนอื่นรู้ หรือสิ่งที่บุตรสาวของข้าเคยเขียนไว้ก่อนได้!” หยุนเฉิงเซี่ยงเอ่ยปาก
คนอื่นพากันเห็นด้วย ยกเว้นจ้าวซ่างซูที่คิดในใจอย่างดูถูก หยุนเฉิงเซี่ยงนี่จะทดสอบจ้าวเคอ ยังไม่วายชมเชยบุตรสาวตนอีก หน้าไม่อายจริงๆ
จ้าวเคอร่ายโคลงกลอน
“กลอนดี ข้าไม่เคยได้ยินกลอนดีที่โดนใจคนเช่นนี้มาก่อนเลย สมเป็นจอหงวนคนปัจจุบัน” ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยชมออกมา
ขุนนางคนอื่นๆพินิจกลอนนี้ ก็ยิ่งชมเชยไม่ขาดปาก
“จ้าวเคอ เจ้าใช้ชีวิตคนแต่งกลอน—“
“จ้าวเคอ เจ้าใช้ฤดูใบไม้ผลิแต่งกลอน—“
“จ้าวเคอ เจ้าใช้สี่ฤดูแต่งกลอน—“
ขุนนางทั้งหลายจากตอนแรกที่สงสัยไม่เชื่อใจ กลายมาเป็นตกตะลึง ชมเชย และสุดท้ายก็อยากดูว่าจ้าวเคอจะมีฝีมือสักแค่ไหน ล้วนพากันออกหัวข้อกันหมด
ส่วนจ้าวเคอก็ตอบได้อย่างคล่องแคล่ว เปิดปากตอบรัวๆ ขนาดป๋างเหยี่ยนและทั่นฮัวอีกสองคนข้างๆยังเลื่อมใสในตัวเขาอย่างเต็มหัวใจ
คนอื่นทดสอบล้วนแต่ต้องเตรียมตัวมาหนึ่งปีหรือกระทั่งหลายปีนัก โคลงกลอนที่เป็นก็มีไม่มาก แต่จ้าวเคอกลับอ้าปากก็ร่ายยาว แต่ละคำล้วนไพเราะตรงประเด็น ทั้งยังพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ป๋างเหยี่ยนและทั่นฮัวพากันยกนิ้วโป้งให้เขากันใหญ่
หยุนถิงยืนดูอยู่ข้างๆ พอใจยิ่งนัก เขาท่องโคลองกลอนมีชื่อพวกกวีราชวงศ์ถังราชวงศ์ซ่งพวกนั้นที่ตนมอบให้เขาไว้หมดแล้วจริงๆ ไม่เลวเลย
ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ยิ่งพอใจ สมเป็นคนที่หยุนถิงเสนอชื่อ มีความสามารถพรสวรรค์เพียงนี้ สำหรับราชสำนักแคว้นต้าเยียนแล้วราวกับเสือติดปีกเลยทีเดียว
“มิทราบว่าขุนนางทุกท่านพอใจกับการตอบของจ้าวเคอหรือไม่?” ฮ่องเต้แกล้งถาม
“กราบทูลฝ่าบาท ไหนเลยจะแค่พอใจ พวกข้าเลื่อมใสกันอย่างท่วมท้นหัวใจ หากต่อไปมีใครกล้าสงสัยว่าจ้าวเคอทุจริตอีก ข้าคนแรกล่ะที่ไม่ยอม!” นายสนองหลิวชมเชย
เขาชื่นชมคนมีพรสวรรค์มากที่สุด และขึ้นชื่อเรื่องเที่ยงตรงยอมหักไม่ยอมงอ เห็นจ้าวเคอมีพรสวรรค์ความสามารถเพียงนี้ ย่อมต้องออกโรงปกป้องอยู่แล้ว
“แล้วจ้าวซ่างซูเล่า?” หยุนถิงพลันออกเสียงถาม
จ้าวซ่างซูสีหน้ากระดาก บูดบึ้งขั้นสุด “จ้าวเคอมีความสามารถจริงๆ”
เขาตอบว่าไม่ได้งั้นรึ ฮ่องเต้และขุนนางคนอื่นต่างพากันมองอยู่ เขาไม่อาจพูดจาซี้ซั้วได้เลยนะ
“แบบนี้ดีนัก จ้าวเคอ เจ้าอาศัยความรู้ความสามารถสอบได้ตำแหน่งท่านจอหงวน ข้าตื้นตันใจนัก ประทานตำแหน่งนายสนองกรมพิธีการ พระราชทานคฤหาสน์หนึ่งหลัง เงินหนึ่งร้อยตำลึงทอง ที่นาหนึ่งร้อยไร่!” ฮ่องเต้เอ่ยปาก
จ้าวเคอรีบคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้น “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้ป๋างเหยี่ยนและทั่นฮัวอีก ถึงจะจบการออกว่าราชการ
ขุนนางคนอื่นพากันเข้ามาแสดงความยินดีกับจ้าวเคอ หยุนถิงหาวหวอดๆ เดินตามจวินหย่วนโยวออกมา ลากเธอมาทรมานแต่เช้า นี่ง่วงจะตาย ต้องกลับไปนอนต่ออยู่แล้ว
“คุณหนูหยุนรอประเดี๋ยวก่อน!” มีเสียงจ้าวเคอดังไล่หลังมา
หยุนถิงหยุดยืน หันมามองเขา “มีอะไรกับข้ารึ?”
จ้าวเคอไม่พูดพร่ำทำเพลง คุกเข่าลงทันที “คุณหนูหยุน ขอบคุณท่านที่ช่วยข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ช่วยพูดให้ข้า!”
หยุนถิงยื่นมือไปพยุงเขาขึ้นมา “เจ้าเที่ยงตรงยอมหักไม่ยอมงอ ต่อให้คนอื่นพูดอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ ต่อไปเจ้าคือนายสนองกรมพิธีการของฝ่าบาท ตั้งใจทำงานให้ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงเฉลียวฉลาดมีสติปัญญาที่สุด ผู้ใดเป็นอย่างไรฝ่าบาททรงรู้ดี เจ้าแค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
“ขอรับ ข้าจะจำไว้” จ้าวเคอยังอยากพูดอะไร พลันรู้สึกถึงสายตาเย็นเยียบจ้องมองมาจากด้านหลัง ทำเอาเขาขนหัวลุก
เขาหันไปมอง เห็นจวินซื่อจื่อกำลังจ้องมองเขา พอเห็นสายตาจวินซื่อจื่อ จ้าวเคอถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เว้นระยะห่างกับหยุนถิง ทำให้ในเวลาเดียวกันมือหยุนถิงที่พยุงเขาอยู่ปล่อยออก
หยุนถิงถึงได้สติกลับมา “ซื่อจื่อ ข้าแค่กำชับจ้าวเคอไม่กี่คำเอง”
“ก็มิจำเป็นต้องดึงแขน” จวินหย่วนโยวบ่น
จ้าวเคอถูกออร่าสะท้านทรวงของจวินซื่อจื่อทำเอาสั่นสะท้าน ขนหัวลุก รีบอธิบาย “คุณหนูหยุน เมื่อครู่ข้าเสียมารยาทแล้ว ข้าไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อน” พูดจบหมุนตัวหนีไปทันที ไปอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งมีอสูรร้ายอยู่ด้านหลัง