จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 369 หม่อมฉันตายเสียเลยดีกว่า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 369 หม่อมฉันตายเสียเลยดีกว่า
หยุนถิงหัวเราะขบขันเขานัก “ซื่อจื่อ ท่านทำเด็กตกใจแล้วนะ?”
จวินหย่วนโยวสีหน้าบูดบึ้ง “เขาโตป่านนี้แล้ว ยังเป็นเด็กรึ?”
“ข้าพูดไปงั้นเอง ซื่อจื่อที่รักพวกเรากลับไปนอนกันเถอะ ข้าง่วงมากเลย” หยุนถิงบอก
คิ้วขมวดมุ่นของจวินหย่วนโยวถึงค่อยคลายลง “เรื่องนี้ได้” พูดจบ ยื่นมือมาจูงมือหยุนถิง พลางเดินตรงไปยังรถม้าของตน
บนรถม้า
หยุนถิงพิงไหล่จวินหย่วนโยว หาท่าที่สบายก่อนหลับตาลง
อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ตื่นเช้าขนาดนี้ หรืออาจเพราะมีซื่อจื่อยู่ หยุนถิงเลยอุ่นใจ ดังนั้นไม่นานก็หลับไป
“ซื่อจื่อ วันนี้เหล่าจางรายงานว่า ทางเรือนนอกนั้นผลไม้และองุ่นของปีนี้อุดมสมบูรณ์นัก ถามว่าจะให้ส่งมาหน่อยหรือไม่?” นอกรถม้า หลิงเฟิงกระซิบบอก
พอจวินหย่วนโยวได้ยินอย่างนั้น ก้มหน้ามองหยุนถิงในอ้อมกอด “ไปเรือนนอกเลย”
อยู่ที่จวนซื่อจื่อ มักมีคนมารบกวนบ่อยครั้ง หยุนถิงเองก็เป็นคนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น จวินหย่วนโยวจะห้ามนางก็ไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าหยุนถิงไม่ชอบให้ใครมาบังคับอะไรมาก
หากไปเรือนนอก ไม่มีคนรบกวน มีแค่พวกเขาสองคน จวินหย่วนโยวคิดๆแล้วก็ตั้งตารอคอย
……
แคว้นเป่ยลี่
หลายวันนี้ ฮ่องเต้เป่ยจิ่วฉิงเอาแต่ขลุกอยู่ที่เรือนซ่างกวนหรู เรียกได้ว่าอบอวลไปด้วยบรรยากาศวาบหวาม ไม่ออกว่าราชการตอนเช้าด้วยซ้ำ ทำให้สนมคนอื่นของวังหลังต่างพากันอิจฉาริษยา
วันนี้เป่ยจิ่วฉิงไปจัดการงานราชการ ซ่างกวนหรูพาสาวใช้ไปเดินเล่นที่อุทยานหลวง และเห็นเหล่าสนิมกำลังคุยหยอกล้อกันในศาลาแต่ไกล
“ซ่างกวนหรูผู้นี้ทำให้ฝ่าบาทหลงใหลได้อย่างไรกัน ถึงกับทำให้ฝ่าบาทไม่ไปว่าราชการเช้าแล้ว ช่างเป็นหญิงงามล่มชาติจริงๆ” อวี๋เหม่ยเหรินพูดอย่างเยาะหยันเสียดสี
“เจ้าอย่าพูดซี้ซั้ว หรูเฟยพึ่งเข้าวังมา ฝ่าบาทจะรักใคร่สดใหม่อยู่ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว”
“แต่ฝ่าบาทมิเคยโปรดปรานสนมคนใดจนไม่ไปว่าราชการเช้านะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ฝ่าบาทคงลืมพวกเราไปหมดแล้วแน่”
“พวกเจ้าแต่ละคนอย่าเอาแต่พูดอวยศัตรูแล้วทำตนเองหมดกำลังใจสิ ต่อให้ซ่างกวนหรูได้รับแต่งตั้งเป็นเฟยแล้วอย่างไร ก็เป็นเชลยหลบหนีจากแคว้นต้าเยียนออกมา ข้าไหว้วานคนไปสืบมาแล้ว นางกับพ่อนางนั่นโดนองครักษ์ราชวงศ์แคว้นต้าเยียนไล่ฆ่า หลบหนีเอาชีวิตรอดมานะ!”
ห่างไปไม่ไกล ซ่างกวนหรูสีหน้าซีดเผือด สายตามีแววเคียดแค้นเดือดดาล
“เหนียงเหนียง ให้ข้าน้อยไปเตือนพวกนางหน่อยดีหรือไม่?” สาวใช้ข้างกายถาม
“มิต้อง นิสัยข้าคือมีแค้นต้องชำระต่อหน้า!” ซ่างกวนหรูแค่นเสียงหึ เดินตรงเข้าไปในศาลา
สนมหลายคนในนั้นพอเห็นคนที่มา ก็ตกใจหน้าซีดเผือด พากันลุกขึ้นคารวะ
ซ่างกวนหรูมองเหล่าสนมด้วยสีหน้าเย็นชา “ในเมื่อพวกเจ้ามานินทากันเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะให้คนตัดลิ้นพวกเจ้าซะ!”
พอคำนี้ออกมา เหล่าสนมตกใจมาก พากันคุกเข่าลงอ้อนวอนขอร้อง
มีเพียงอวี๋เหม่ยเหรินคนเดียวที่ไม่คุกเข่าลง นางแผดเสียงใส่อย่างเดือดดาลว่า “ซ่างกวนหรู เจ้ามันแค่เชลยหนีตายของแคว้นต้าเยียน คิดว่าตนเองเป็นสนมคนโปรดจริงรึ ท่านพ่อข้าเป็นเสนาบดี หากเจ้ากล้าตัดลิ้นข้า ท่านพ่อข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!”
น้ำเสียงจองหอง เหิมเกริม แฝงแววดุดันบีบคั้น
ซ่างกวนหรูมองนางอย่างเยาะหยัน “ในเมื่อท่านพ่อเจ้าเป็นเสนาบดี แต่บัดนี้เจ้ากลับยังเป็นแค่เหม่ยเหริน เลื่อนขั้นได้เชื่องช้านักนะ ถึงข้าจะไม่มีฐานะชาติกำเนิดทางบ้าน แต่พอเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเฟย ดูท่าฝ่าบาทคงมิได้โปรดปรานเจ้าสักเท่าไหร่นะ”
เยาะหยัน ไม่แยแส แฝงแววเสียดสี
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อวี๋เหม่ยเหรินเดือดดาลนัก ท่านพ่อนางเป็นเสนาบดี ตอนพึ่งเข้าวัง ฝ่าบาทแต่งตั้งนางเป็นอวี๋เฟยแล้วจริงๆ แต่เพราะนางมุทะลุเย่อหยิ่งจองหอง ดันสั่งลงโทษจินกุ้ยเหรินที่กำลังตั้งครรภ์คุกเข่าสองชั่วยาม สุดท้ายจินกุ้ยเหรินแท้งลูก ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก ปลดตำแหน่งนาง ลดขั้นลงเป็นเหม่ยเหรินทันที
พอเห็นซ่างกวนหรูพอเข้าวังมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเฟย อวี๋เหม่ยเหรินเลยโกรธจัด จงใจหาเรื่องนาง
ตอนนี้มาโดนซ่างกวนหรูเสียดสีเช่นนี้ อวี๋เหม่ยเหรินที่เอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไรมีหรือจะทนไหว นางเดือดดาลทะลุฟ้า
“ซ่างกวนหรูเจ้าหาเรื่องตาย!” อวี๋เหม่ยเหรินตะคอกอย่างเดือดดาล ซัดฝ่ามือใส่ไปทันที
ซ่างกวนหรูกำลังคิดจะหลบ แต่เห็นฝ่าบาทกำลังเดินมาทางนี้อยู่ไม่ไกล ซ่างกวนหรูจึงไม่หลบ ยืนรับฝ่ามือเต็มๆ จนล้มลงไปกับพื้น
ซ่างกวนหรูหวีดร้อง มองมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “อวี๋เหม่ยเหริน เหตุใดเจ้าต้องตบข้าด้วย เจ้าไม่เพียงนินทาข้าลับหลัง บอกว่าข้ายั่วยวนให้ฝ่าบาทหลงใหล ยังบอกอีกว่าฝ่าบาทเป็นทรราชที่เอาแต่คลั่งไคล้สตรีไม่ออกว่าราชการงานเมือง ฝ่าบาทแต่งตั้งข้าเป็นหรูเฟย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยอมรับ แต่เจ้าตบข้าก็เท่ากับตบพระพักตร์ฝ่าบาท หรือว่าเจ้าไม่กลัวฝ่าบาทลงโทษเจ้ารึ?”
อวี๋เหม่ยเหรินตะลึงอึ้ง ซ่างกวนหรูเมื่อครู่โอหังมากมิใช่รึ เหตุใดตอนนี้กลับทำตัวอ่อนแอ แต่เห็นท่าทางน่าสงสารของนางแล้ว อวี๋เหม่ยเหรินสาแก่ใจนัก
“เจ้าอย่าเอาฝ่าบาทมาขู่ข้า ข้าไม่กลัวฝ่าบาทดอก ท่านพ่อข้าเป็นเสนาบดี ฝ่าบาทยังต้องพึ่งพาท่านพ่อข้าอยู่ หากมิมีท่านพ่อข้า แคว้นเป่ยลี่มีหรือจะเจริญรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้
จะอย่างไรฝ่าบาทก็ต้องไว้หน้าท่านพ่อข้าอยู่บ้าง วันนี้ข้าตบเจ้าแน่” อวี๋เหม่ยเหรินยังพูดไม่ทันจบ พลันมีคนหนึ่งเข้ามาจากด้านหลังตบหน้านางฉาดใหญ่
“เพี๊ยะ!”
“อ๊า!” อวี๋เหม่ยเหรินเจ็บปวดนัก “ไอ้สารเลวที่ไหนกล้าตบ—“
นางยังพูดไม่ทันจบ เงยหน้าเห็นคนตรงหน้าชัดเจน ก็ตะลึงงงเป็นไก่ตาแตกเลย “ฝ่า ฝ่าบาท?”
“หากข้ามิได้ยินเองกับหู คงมิรู้ว่าเจ้าเย่อหยิ่งจองหองปานนี้ แคว้นเป่ยลี่ของข้ารุ่งเรืองมาได้จนบัดนี้เพราะใช้กองทหารนับพันนับหมื่นและขุนนางในราชสำนักร่วมกันปกปักรักษามา กลายเป็นความดีความชอบของบิดาเจ้าคนเดียวตั้งแต่เมื่อใดกัน!” ฮ่องเต้เดือดดาลนัก
อวี๋เหม่ยเหรินตกใจจนคุกเข่าลง “ฝ่าบาท หม่อมฉันพูดผิดแล้ว นั่นเป็นแค่คำพูดเพราะโกรธ หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนั้น เป็นเพราะหรูเฟย เมื่อครู่นางยังบอกว่าจะตัดลิ้นพวกเราทั้งหมด หากฝ่าบาทไม่เชื่อก็ถามทุกคนได้ ทุกคนเป็นพยานได้”
เป่ยจิ่วฉิงมองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชา “อวี๋เหม่ยเหรินพูดจริงรึ?”
“กราบทูลฝ่าบาท อวี๋เหม่ยเหรินพูดจริงเพคะ เมื่อครู่พวกหม่อมฉันคุยหยอกล้อกันในศาลา จากนั้นหรูเฟยก็เข้ามาบอกว่าจะตัดลิ้นพวกหม่อมฉัน” หลิ่วผินตอบ
“ฝ่าบาท ทรงได้ยินแล้วใช่ไหมเพคะ หรูเฟยหาเรื่องก่อน” อวี๋เหม่ยเหรินบอกอย่างได้ใจ
“แต่ฝ่าบาท เรื่องนี้พวกหม่อมฉันทำไม่ถูกก่อน อวี๋เหม่ยเหรินพูดขึ้นก่อนว่าหรูเฟยเป็นเชลยหนีตายจากแคว้นต้าเยียน พวกเราไม่ได้ยับยั้งนาง ดังนั้นเลยทำให้หรูเฟยโกรธ ขอฝ่าบาทลงโทษด้วย!” หลิ่วผินพูดต่อ
คำพูดเดียวทำอวี๋เหม่ยเหรินสีหน้าบูดบึ้งยิ่งนัก “หลิ่วผินเจ้าพูดพล่ามอะไรมากมาย!”
สายตาซ่างกวนหรูฉายแววประหลาดใจ ไม่คิดว่าหลิ่วผินจะช่วยพูดให้ตน แต่ต่อให้นางไม่ช่วย ซ่างกวนหรูก็มีหนทางรับมืออยู่ดี
“ฝ่าบาท หม่อมฉันพอเข้าวังมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเฟย หม่อมฉันหวาดหวั่นใจนัก ไม่คิดว่าจะโดนผู้อื่นริษยาและเคียดแค้น และยังโดนว่าเป็นเชลยหนีตาย ฐานะชาติกำเนิดไม่บริสุทธิ์ คนเราฆ่าได้หยามไม่ได้ หม่อมฉันขอตายเสียดีกว่า!”
ซ่างกวนหรูร้องไห้คร่ำครวญ จะพุ่งเข้าชนเสาข้างศาลา