จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 379 ตอนนี้ควรถึงตาข้าบ้างรึไม่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 379 ตอนนี้ควรถึงตาข้าบ้างรึไม่
“ซื่อจื่อเฟยทำการรักษาอยู่ด้านใน คิดว่าไม่นานก็จะรู้ผล” จวินหย่วนโยวตอบเสียงเย็นชา
“ฝีมือการแพทย์ของซื่อจื่อเฟยน่ะที่หนึ่งในใต้หล้า ต้องไม่เป็นไรแน่” แม่ทัพโม่ยืนรออยู่ข้างๆ
เขาไม่คิดเลยว่า เรื่องนี้จะกระทบไปถึงจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยด้วย เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก
“น้องหญิงต่อไปมิว่าทำอะไรอย่าผลีผลามเช่นนี้อีก หากคุณชายจ้าวลวนลามเจ้าก่อน ข้าจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่ พี่ใหญ่และท่านพ่อจะช่วยเจ้าสั่งสอนเขาเอง ไม่ต้องให้เจ้าลงมือเองดอก” โม่ฉีเฟิงกำชับ
“รู้แล้วน่าพี่ใหญ่ ข้าก็ไม่คิดว่าจะลงมือหนักไปหน่อย” โม่หลานถึงแอบถอนหายใจ
เมื่อครู่โดนพ่อที่พึ่งเห็นหน้าก็ชักกระบี่ฟันเลย นางตกใจหนักมากจริงๆ โชคดีที่พ่อไม่ได้ตั้งใจจะฆ่านางจริงๆ
จ้าวซ่างซูที่อยู่ข้างๆสีหน้าทะมึนเคียดแค้น “โม่ฉีเฟิง เจ้าพูดเยี่ยงนี้หมายความว่ากระไร นี่หาว่าเป็นความผิดลูกชายข้ารึ?”
โม่ฉีเฟิงหันมามอง พูดด้วยสีหน้าเย็นชาเข้มงวด “ถึงน้องสาวของข้าจะอารมณ์ร้อนไปหน่อย แต่ไม่ใช่คนชอบทำร้ายผู้ใด ต้องเป็นเพราะคุณชายจ้าวลวนลามนางแน่ หากนางพลั้งมือฆ่าคุณชายจ้าวจริง ข้าจะชดใช้ชีวิตแทนนาง แต่นี่มันคนละเรื่องกัน เป็นถึงซ่างซูกลับให้บุตรชายลวนลามน้องสาวข้ากลางวันแสกๆ ข้าจะกราบทูลฝ่าบาทเรื่องนี้แน่ รับรองเรื่องไม่จบง่ายๆแน่!”
น้ำเสียงเย็นชาบ้าอำนาจ แววปกป้องเต็มเปี่ยม
โม่หลานซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก พี่ใหญ่เชื่อถือได้กว่าท่านพ่อจริงๆด้วย
สีหน้าจ้าวซ่างซูยิ่งดูเดือดดาลหนักขึ้น ถลึงตามองมาอย่างโกรธขึ้ง “โม่ฉีเฟิง จวนซ่างซูมิใช่ที่ที่เจ้าจะมากร่างได้ คำพูดพวกนี้เป็นเพียงคำพูดของพวกเจ้าฝ่ายเดียว ตอนนี้ลูกชายข้านอนอยู่ด้านใน ยังมิรู้ว่าเป็นหรือตาย หากเขาเป็นอะไรไป ข้าจะต้องกราบทูลฝ่าบาทให้ตัดสินให้ข้าแน่!”
“หุบปากให้หมด ซื่อจื่อเฟยของข้าบอกแล้วว่า ต้องการความสงบ!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงอย่างเย็นชา
จ้าวซ่างซูพลันหงอลงทันที รีบหุบปากเงียบ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกชาย เขาต้องอดทนไว้ก่อนเพื่อลูกชาย
หยุนถิงที่อยู่ในห้องช่วยฝังเข็มให้คุณชายจ้าว ไม่นานคุณชายจ้าวก็ได้สติ
เขาลืมตามาก็เห็นหยุนถิงที่อยู่เบื้องหน้า สองตาคุณชายจ้าวเบิกโพลง เหมือนเห็นเหยื่อก็ไม่ปาน มองคนตรงหน้าด้วยสายตาหลงใหล “คนงาม เหตุใดเจ้างดงามเพียงนี้ ข้าชอบนัก”
คุณชายจ้าวพูดพลางยื่นมือจะมาจับหน้าหยุนถิง สตรีงามล้ำเช่นนี้เขาพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เพียงแต่มือยังไม่ทันโดนหยุนถิง ก็โดนหยุนถิงซัดใส่หนึ่งหมัดจนสลบไป
พอเห็นคนตรงหน้าสลบไป หยุนถิงมองด้วยสายตารังเกียจและไม่แคร์ ผู้ชายลามกจริงๆนะเนี่ย
หยุนถิงลุกขึ้นเดินออกไป ผู้คนนอกประตูพากันสอบถามเป็นการใหญ่
“คุณชายจ้าวไม่เป็นอะไรแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้ก็คงฟื้น พรุ่งนี้ข้าจะมาฝังเข็มให้เขาอีกครั้ง” หยุนถิงบอก
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยที่ไม่ถือสาเรื่องคราก่อนและช่วยชีวิตลูกชายข้า บุญคุณอันยิ่งใหญ่ของซื่อจื่อเฟยนี้ให้ข้าเป็นวัวเป็นควายตอบแทนท่านก็ยอม!” จ้าวซ่างซูซาบซึ้ง
“ไม่ต้องเป็นวัวเป็นควาย วันนี้เรื่องนี้เป็นเพราะคุณชายจ้าวลวนลามโม่หลานก่อน โม่หลานเองก็ทำร้ายคุณชายจ้าวจนได้รับบาดเจ็บ ถือว่าเสมอกัน จ้าวซ่างซูไม่เอาเรื่องต่อก็ถือว่าตอบแทนข้าแล้ว!” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
โม่หลานที่อยู่ข้างๆซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก หยุนถิงเชื่อใจได้ที่สุดจริงๆ
สีหน้าจ้าวซ่างซูเย็นชาบอก “ซื่อจื่อเฟยช่วยชีวิตลูกชายข้า ข้าซาบซึ้งนัก แต่เรื่องที่โม่หลานทำร้ายลูกชายข้า จะจบง่ายๆเยี่ยงนี้ได้รึ?”
“เช่นนั้นจ้าวซ่างซูก็เชิญหมอท่านอื่นเถอะ!” หยุนถิงก้าวเดินออกไปทันที
จวินหย่วนโยวไม่พูดมาก รีบตามไปทันที
หมอหลวงหลิวที่อยู่ข้างๆรีบเกลี้ยกล่อม “จ้าวซ่างซูทำไมท่านโง่งมเพียงนี้ ฝีมือการแพทย์ของคุณหนูหยุนน่ะเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า หากพรุ่งนี้นางมิมาฝังเข็มให้ลูกชายท่าน ข้าก็ช่วยเขาไม่ได้ ลูกชายกับหน้าตาอย่างไหนสำคัญกว่า ท่านไม่รู้รึ?”
จ้าวซ่างซูสีหน้าเก็บกด เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้ว รีบไล่ตามไป “ขอซื่อจื่อเฟยรอประเดี๋ยวก่อน เมื่อครู่ข้ากังวลมากเกินไป ทำตามที่ซื่อจื่อเฟยบอกเถอะ ข้าจะไม่เอาเรื่องเอาราวเรื่องนี้อีก ขอให้พรุ่งนี้ซื่อจื่อเฟยมาช่วยฝังเข็มให้ลูกชายข้าด้วยเถอะ”
“ตกลง!” หยุนถิงจากไปอย่างไม่หันหลังกลับมาสักนิด
จ้าวซ่างซูก็ไม่สนใจอะไรแล้ว รีบพุ่งเข้าห้องไปดูคุณชายจ้าวทันที
หน้าประตูจวนซ่างซู
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยมากที่ยื่นมือเข้าช่วยชีวิตลูกสาวข้าไว้ ข้าติดค้างน้ำใจท่าน หากวันหน้าต้องการ ข้าจะตอบแทนท่านอย่างที่สุดแน่นอน” แม่ทัพโม่ซาบซึ้งใจนัก
“ซื่อจื่อเฟยไม่เพียงช่วยคุณชายจ้าวไว้ ยังช่วยพูดแทนน้องสาวข้าด้วย ข้าซาบซึ้งใจนัก วันหน้าน้อมรับคำสั่งซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย” โม่ฉีเฟิงเสริม
“ข้าสนิทสนมกับโม่หลานนัก นางเกิดเรื่องข้ามีหรือจะไม่ช่วย ทั้งสองท่านมิต้องเกรงใจดอก นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับไปเถอะ” หยุนถิงพูดจบ ก็ขึ้นรถม้า
จวินหย่วนโยวเห็นสองพ่อลูกตระกูลโม่รู้งานเช่นนี้ ไม่ได้พูดอะไร และตามขึ้นรถม้าจากไป
ซื่อจื่อเฟยของตนยุ่งวุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนมาช่วยคน ถือว่าพวกเขายังพอมีศีลธรรมอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นจวินหย่วนโยวไม่ยอมแน่
พอเห็นรถม้าจากไป แม่ทัพโม่ดึงหูโม่หลานขึ้นมา “นังเด็กบ้านี่ ทำไมเจ้าโง่ราวกับหมูเช่นนี้ คราวหน้าจะสั่งสอนใคร ลอบทำได้ไหม ต้องเปิดเผยตนเองด้วยรึ มีสมองหรือไม่?”
“ไอ้โหย ท่านพ่อ หูของข้า เจ็บนะ—“ โม่หลานที่กำลังกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน พอได้ยินคำนี้ก็ตัวแข็งค้าง “ท่านพ่อ ท่านไม่โทษที่ข้าสั่งสอนคุณชายจ้าว?”
“มันกล้ามาลวนลามลูกสาวข้า ไอ้สารเลวบังอาจนัก เจ้าอัดให้ตายไปเลย อัดตายแล้วพ่อรับหน้าให้เจ้าเอง!” แม่ทัพโม่ตะคอกดัง
“ท่านรับหน้าให้ข้ารึ เมื่อครู่ใครกันที่หยิบกระบี่จะฟันข้าน่ะ ข้ายังสงสัยเลยว่าท่านเก็บข้ามาเลี้ยงหรือเปล่า?” โม่หลานย้อน
“เด็กโง่ ถ้าข้าไม่แสร้งทำอย่างนั้น คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างจ้าวซ่างซูคงรีบไปฟ้องต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ถึงเวลานั้นจะไม่ได้ง่ายดายเป็นการสั่งสอนคนแล้ว”
“ที่แท้ท่านพ่อจะฟันข้ากลับเป็นการช่วยข้ารึ?” โม่หลานพูดไม่ออก
“อย่างนั้นสิ แต่ถึงเจ้าจะชั่วร้ายไปหน่อย แต่สามารถคบเป็นสหายกับซื่อจื่อเฟยได้ ทำให้นางยอมช่วยเจ้าถึงเพียงนี้ หายากยิ่งนัก ไม่ทำข้าขายหน้า!” แม่ทัพโม่ชมเชย
“แน่นอนอยู่แล้ว ตอนกลางวันพวกเรายังสู้กัน สุดท้ายข้ากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!”
“หะ เจ้าประลองกับซื่อจื่อเฟย แล้วทำไมนางยังช่วยเจ้าเล่า?” แม่ทัพโม่สงสัย
โม่หลานถึงเล่าเรื่องตอนกลางวันให้ฟัง โม่ฉีเฟิงฟังไปเงียบๆ สามคนพ่อลูกพูดไปเดินไป บนถนนที่กว้างใหญ่มีเสียงหัวเราะร่าเริงของแม่ทัพโม่ดังมาเป็นระยะ และยังมีเสียงต่อว่า—
อีกด้าน จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงกลับไปยังจวนซื่อจื่อ อาบน้ำเสร็จรีบพักผ่อนเลย คืนนี้เหน็ดเหนื่อยจริงๆ
“คุณชายจ้าวฟื้นแล้วรึ?” จวินหย่วนโยวถาม
ถึงจวินหย่วนโยวจะไม่สามารถใช้กำลังภายในได้บ่อยครั้ง แต่หูดีมาก
หยุนถิงเบ้ปาก “เขาฟื้นแล้ว พอเห็นข้าก็เรียกสาวงาม แถมยังอยากลูบหน้าข้าข้าเลยซัดไปหมัดหนึ่งจนสลบไปอีก”
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาลง “พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปตัดมือเขา!”
“ไม่ต้องหรอกซื่อจื่อ ข้าสั่งสอนเขาเองได้ แก้แค้นมันต้องลงมือเองถึงจะสะใจ”
“คืนนี้เจ้าสะใจแล้ว ตอนนี้ควรถึงตาข้าบ้างรึไม่?” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงต่ำ พลิกตัวหยุนถิงลงใต้ร่างเขา