จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 397 กล้ามากลั่นแกล้งให้ข้าเดือดเนื้อร้อนใจ เจ้าลองดู
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 397 กล้ามากลั่นแกล้งให้ข้าเดือดเนื้อร้อนใจ เจ้าลองดู
แคว้นต้าเยียน
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการเตรียมการนี้ ทุกอย่างก็พร้อมสำหรับเทศกาลเก็บเกี่ยว ชั่วพริบตาก็ถึงเวลาเปิดทำการแล้ว
เช้าตรู่ บนถนนทั่วทั้งเมืองหลวงมีรถม้านับไม่ถ้วนมุ่งหน้าไปยังลานอีกแห่งของจวินหย่วนโยวนอกเมืองหลวง เมื่อทุกคนมาถึงสถานที่เก็บผลผลิต ล้วนตกตะลึงกันหมด
ที่จอดรถม้าแยกต่างหากถูกวาดเอาไว้อย่างดี ยังมีคนรับผิดชอบดูแลรถม้าโดยเฉพาะ เช่นนี้ทุกคนก็สามารถไปเล่นกันอย่างสบายใจแล้ว
รถเข็นขายอาหารสองแถวเรียงรายจากที่จอดรถไปยังประตูของเรือนนอกเมือง กินดื่มเที่ยวเล่นมีครบทุกอย่าง ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกด้วย
คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหนุ่มๆสาวๆ เมื่อเห็นของเล่นที่แปลกใหม่มากมายขนาดนี้ ทุกคนรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง พากันเข้าไปชิมกันทุกอย่าง
“สวรรค์ ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม อันนั้นถึงกับแขวนป้ายของจวนหลีอ๋อง จวนหลีอ๋องขายอาหารว่างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ทางโน้นยังมีป้ายของหอชุนเฟิง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพวกนั้นล้วนเป็นแบบเดียวกับหอชุนเฟิง!”
“ตระกูลซู ตระกูลหยุน ตระกูลโม่——ล้วนแขวนป้ายเอาไว้หมด ทำไมตระกูลใหญ่โตเหล่านี้ถึงได้เปลี่ยนมาทำการค้าได้!”
ในขณะที่ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ องค์ชายสี่ยืนอยู่ตรงหน้ารถเข็นของตัวเอง “หาได้ยากที่ทุกคนจะมีเวลามาที่นี่ เพื่อช่วยเทศกาลเก็บเกี่ยวของจวินหย่วนโยว จึงสั่งให้คนนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของหอชุนเฟิงมาขายโดยเฉพาะ เป็นของแท้อย่างแน่นอน หากมีของปลอมยินดีจ่ายหนึ่งหมื่นเท่า ข้าใช้ชื่อเสียงของตัวเองเป็นประกัน วันนี้เปิดทำการวันแรก ลดราคาให้กับทุกคนร้อยละยี่สิบ!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หญิงสาวทุกคนต่างวิ่งกรูกันเข้ามา มีการรับประกันขององค์ชายสี่ใครมันจะยังสงสัยอีก แถมยังมีการลดราคาด้วย โอกาสดีๆเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ
เมื่อโม่หลานที่อยู่ด้านข้างเห็นว่ารถเข็นขององค์ชายสี่ถูกแย่งกันอย่างบ้าคลั่ง ก็เบะปากขึ้นมาทันที “ทุกคนรีบมาดูเร็ว มันฝรั่งเกรียวทอดออกใหม่ของตระกูลโม่เรา รสชาติอร่อยมาก ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย ราคาเพียงสิบตำลึงเท่านั้น
ทุกคนก็เห็นของแปลกใหม่เช่นนี้เป็นครั้งแรก คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นคุณชายมีเงิน ต่างก็กรูกันเข้ามาชิม
องค์ชายสี่จ้องมองด้วยความโกรธ “นังเด็กบ้า เจ้าไม่ต้องมาแย่งลูกค้าไม่ได้หรือ”
“ทุกคนทำการค้า ต่างก็อาศัยความสามารถ ของข้าเป็นของกิน ของเจ้าเป็นของใช้ ไม่ได้ขัดแย้งกันสักหน่อย บ่นพึมพำอะไร” โม่หลานเบะปาก
“นังเด็กบ้า ถึงกับกล้าว่าข้าบ่นพึมพำ อีกไม่กี่วันเจ้าก็เข้าวังไปคัดเลือกหญิงงามแล้ว ระวังข้ากลั่นแกล้งเจ้าให้เดือดเนื้อร้อนใจ” องค์ชายสี่กล่าวอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้น
“ฮึ กล้ามากลั่นแกล้งให้ข้าเดือดเนื้อร้อนใจ เจ้าลองดู” โม่หลาน
เมื่อซูชิงโยว หยุนซูและคนอื่นๆเห็นเข้า ต่างก็หมดคำพูด รีบตะโกนเรียกลูกค้าทันที
หลีอ๋องเห็นว่ามันฝรั่งลูกเดียวโม่หลานก็ขายสิบตำลึงแล้ว รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที รีบร้อนไปยืนอยู่ตรงหน้ารถเข็นของตนเองทันที
เพียงแต่ว่าพลังรัศมีของหลีอ๋องแข็งแกร่งเกินไป ทำหน้าจริงจัง แต่ว่าใบหน้านั้นถูกขนานนามว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าเยียน ก็ยังมีหญิงสาวไม่น้อยทำใจกล้าเข้ามาซื้อของ
เดิมทีทุกคนยังสงสัยอยู่ แต่เมื่อเห็นตรงหน้าป้ายที่แขวนอยู่หน้ารถเข็นของทุกร้านมีคนของตัวเองยืนอยู่ ต่างก็พากันเชื่อในทันที ทุกคนพูดคุยหัวเราะกัน เพลิดเพลินกับการกินดื่มอย่างสนุกสนาน
โดยเฉพาะเรือนนอกเมือง มีสถานที่พักผ่อนดื่มชา ยังสามารถสั่งอาหารที่นี่และอาหารที่นี่ล้วนเป็นอาหารบ้านไร่ที่มีเอกลักษณ์ทั้งนั้น ในไร่แตงก็มีคนคอยดูแลอยู่เช่นกัน ทุกคนที่เข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ครึกครื้นอย่างมาก
หยุนเฉิงเซี่ยงก็พากันออกมาทั้งครอบครัว ขอรถเข็นสองคันโดยเฉพาะ คันหนึ่งให้หยุนซู อีกคันให้หยุนหลิง ส่วนจะประกอบการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกนางแล้ว
เมื่อพ่อบ้านของเรือนนอกเมืองเห็นหยุนเฉิงเซี่ยง ก็เข้าไปต้อนรับด้วยความเคารพนบนอบ พ่อบ้านชงน้ำชาด้วยตัวเอง
จ้าวซ่างซูที่ตามเข้าด้านหลังรีบเข้ามารับกาน้ำชาไปทันที “หาได้ยากที่หยุนเฉิงเซี่ยงจะมีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้ เรื่องแบบนี้ให้ข้าเป็นคนทำเถอะ”
ท่าทางประจบสอพลอนั่น หยุนเฉิงเซี่ยงมองด้วยความรังเกียจ “จ้าวซ่างซูสมองของท่านได้รับความกระทบกระเทือนมา หรือว่าถูกคุณไสยเข้า คงจะไม่ได้วางยาพิษในน้ำชานี้ใช่ไหม?”
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้จ้าวซ่างซูก็พุ่งเป้าเป็นปริปักษ์กับหยุนเฉิงเซี่ยงมาโดยตลอด ใช้เล่ห์เหลี่ยมทั้งแบบเปิดเผยและลับๆสบโอกาสเมื่อไหร่ก็หาเรื่องทันที ไม่มีโอกาสก็ยังสร้างโอกาส จู่ๆมาเอาใจเช่นนี้ ทำให้หยุนเฉิงเซี่ยงจำต้องสงสัย
ใบหน้าของจ้าวซ่างซูเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน “ในอดีตล้วนเป็นเพราะข้าที่สารเลว ข้าเป็นคนหน้ามืดตามัวเอง เอาแต่ฝักใฝ่ในตำแหน่งจั่วเฉินเซี่ยงของท่าน ครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้นกับลูกชายของข้า โชคดีที่ได้ความช่วยเหลือของคุณหนูหยุน หากไม่ได้นาง เกรงว่าข้าคงจะต้องสูญเสียลูกชายไปแล้ว
หยุนเฉิงเซี่ยงในอดีตล้วนเป็นข้าเองที่มีตาหามีแววไม่ ข้าเป็นคนจิตใจคับแคบเอง ต่อไปข้ายินดีจะติดตามหยุนเฉิงเซี่ยง ท่านให้ข้าบุกน้ำลุยไฟ ข้าจะทำโดยไม่รีรอแน่นอน”
หยุนเฉิงเซี่ยงถึงได้เข้าใจ มิน่าจู่ๆเจ้าจิ้งจอกเฒ่าคนนี้ถึงได้มาประจบเอาใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะถิงเอ๋อร์นี่เอง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็ทุบขาให้ข้าก็แล้วกัน นั่งรถม้ามาตลอดทางขาชาไปหมดแล้ว” หยุนเฉิงเซี่ยงยื่นข้าเข้ามา
ใบหน้าของจ้าวซ่างซูดำมืดทันที กำลังจะโมโห
“ทำไม เมื่อครู่ยังบอกว่ายินดีติดตามข้า ทุบขาก็ไม่ยินดีแล้ว ข้ารู้สึกสงสัยความภักดีของเจ้ายิ่งนัก”
จ้าวซ่างซูรีบบีบนวดทันที เห็นแก่ลูกชาย อดทนๆๆ
หลังจากนั้นหยุนเฉิงเซี่ยงก็ให้เขาปอกวอทนัท หั่นแตงหอม หยิบมันฝรั่งเกรียวทอด คีบผัก——เปลี่ยนวิธีการทรมานเขา ถึงแม้จ้าวซ่างซูจะไม่ยินดีแต่ก็ทำตามเช่นนั้น
หยุนเฉิงเซี่ยงทอดถอนใจในทันที ลูกสาวอย่างถิงเอ๋อร์ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ มีลูกสาวเช่นนี้เพียงพอแล้ว
……………
แคว้นเป่ยลี่
ซ่างกวนเจิ้นถูกองครักษ์นำตัวไป เดิมที่จะไปเข้าเฝ้าที่พระราชวัง แต่ซ่างกวนเจิ้นกลับไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย มีหรูเอ๋อร์อยู่ ฮ่องเต้ต้องไม่กล้าทำอะไรตัวเองแน่นอน
คิดไม่ถึงว่า รถม้าแล่นผ่านถนนสองสามสาย ทันใดนั้นข้างหน้าก็มีคนเร่ขายคนหนึ่งกำลังจุดไฟ จากนั้นก็มีควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมามากมาย
องครักษ์เหล่านั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินหน้าต่อไป รถม้าวิ่งผ่านคนเร่ขายคนนั้นไป เดินออกไปเพียงไม่กี่เมตร องครักษ์กับผู้คุ้มกันที่อยู่บนรถม้าก็หมดสติกันไปหมด
ซ่างกวนเจิ้นยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา กระบี่ยาวสองเล่มก็พาดอยู่บนคอของซ่างกวนเจิ้นแล้ว
ซ่างกวนเจิ้นตกตะลึง “ใครเป็นคนส่งเจ้ามาลอบสังหารข้า อีกฝ่ายให้เงินเจ้าเท่าไหร่ ข้าให้เจ้าสองเท่า ไม่สิ สิบเท่า!”
มุมปากที่อยู่ภายใต้หน้ากากของหลงซื่อเกี่ยวขึ้นอย่างดูหมิ่นเล็กน้อย ต่อยซ่างกวนเจิ้นจนสลบไป และควบรถม้าจากไปเลย
หลังจากที่บรรดาองครักษ์ตื่นขึ้นมา รถม้าก็ไม่รู้ว่าหายไปทางไหนแล้ว บรรดาองครักษ์พากันตื่นตระหนก องครักษ์นายหนึ่งไปเรียกคน องครักษ์อีกคนกลับไปรายงาน คนอื่นๆรีบทำการค้นหาทันที
ในพระราชวัง
เป่ยจิ่วฉิงเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ทรมานจะตายอยู่แล้ว เห็นกงกงคนสนิทพาองครักษ์นายหนึ่งเข้ามา
องครักษ์ทำความเคารพด้วยความเคารพนบนอบทันที “ฝ่าบาทแย่แล้ว ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้เข้าควบคุมตัวซ่างกวนเจิ้น แต่แล้วก็ถูกซุ่มโจมตีระหว่างทาง ซ่างกวนเจิ้นก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย!”
เป่ยจิ่วฉิงโกรธจัด “พวกไม่เป็นโล้เป็นพาย ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ยังไม่รีบส่งคนไปตามหาอีก หาไม่เจอพวกเจ้าก็ยกศีรษะมาพบข้าเลย!”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ตกใจจนรีบถอยออกไปทันที
ซ่างกวนหรูที่อยู่ข้างในก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน และได้ยินว่าท่านพ่อหายตัวไปพอดี สีหน้าของนางซีดขาวเล็กน้อย หรือว่าจะถูกซวนอ๋องลักพาตัวไป แต่เขาก็ให้ความกดดันฝ่าบาทแล้วนี่นา เหตุใดยังต้องทำเรื่องเกินความจำเป็นเช่นนี้อีก หรือว่าท่านพ่อมีแผนอื่นจงใจแสดงแผนหลบหนีโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว
เป่ยจิ่วฉิงได้ยินหมอหลวงบอกว่าซ่างกวนหรูตื่นแล้ว ก็วิ่งเข้ามาทันที “นังแพศยา ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมแก้หนอนพิษกู่ให้ข้ากันแน่ ไม่ว่าเจ้าจะมีเงื่อนไขอะไร ข้าล้วนรับปากทั้งนั้น!”