จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 401 คนร้ายตัวจริงที่ทำร้ายแม่เจ้าคือองค์หญิงใหญ่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 401 คนร้ายตัวจริงที่ทำร้ายแม่เจ้าคือองค์หญิงใหญ่
โม่หลานก็เหมือนกับม้าป่าที่หลุดออกจากบังเหียน นางไม่มีทางพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้และอยู่ในวังหลังหรอก โดยเฉพาะต้องแก่งแย่งชิงดีกับผู้หญิงมากมายขนาดนั้นเพื่อผู้ชายคนเดียว โม่หลานดูหมิ่นที่สุด
สาเหตุที่หยุนถิงไม่ได้ออกหน้าขอร้องแทนโม่หลาน ก็เพราะต้องการเห็นความครึกครื้น โม่หลานเข้าวังเกรงว่าทั่วทั้งวันหลังคงไม่ได้สงบสุขแน่
ก่อนหน้านี้เรื่องที่ฮ่องเต้จงใจกระตุ้นหยุนเฉิงเซี่ยงด้วยวาจา ให้หยุนถิงออกความคิดเห็นทางอ้อม หยุนถิงจำได้อย่างชัดเจน
ระยะนี้ฮ่องเต้สบายเกินไปแล้ว อย่างไรก็ต้องหาเรื่องกลัดกลุ้มให้เขาหน่อย
“เจ้าอยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ ฟ้าถล่มลงมาข้าช่วยเจ้าค้ำเอาไว้” จวินหย่วนโยวกล่าวปลอบโยน
“ตกลง ข้อนี้ข้าเชื่อ”
สองวันต่อจากนั้น หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวอยู่กันแต่ในลาน คนหนึ่งดีดพิณ คนหนึ่งร้องเพลง คนหนึ่งทำอาหาร คนหนึ่งก่อไฟ ทั้งรักใคร่และติดดิน อบอุ่นไร้ที่เปรียบ
จนกระทั่งวันที่สี่ องครักษ์เข้ามารายงาน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย ซ่างกวนเจิ้นบอกว่าต้องการพบท่าน”
มุมปากของจวินหย่วนโยวยกขึ้นอย่างเย็นชาเล็กน้อย เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาตั้งใจทิ้งองครักษ์ไว้เฝ้าดูซ่างกวนเจิ้นคนหนึ่งโดยเฉพาะ จะให้เขาตายไม่ได้อยู่แล้ว
“ซื่อจื่อ ข้าไปกับท่านด้วย” หยุนถิงเสนอแนะ
“ตกลง!”
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงถึงได้ขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปที่ภูเขาแห้งแล้งในเขตชานเมือง ในตอนที่เห็นซ่างกวนเจิ้นอีกครั้งคนทั้งคนสีหน้าซีดขาว ริมฝีปากไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อย แววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและว่างเปล่า แสดงให้เห็นว่าหลายวันมานี้เขาถูกงูพวกนี้ทำให้ตกใจไม่น้อย
ไม่มีอาหารให้กิน และไม่มีน้ำให้ดื่ม ยังต้องมองตากับงูพวกนี้อีก อกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลา กลัวว่าตัวเองจะถูกงูพวกนี้กลืนกินทั้งเป็น
ความทรมานจากทางร่างกายและจิตใจ บดทำลายซ่างกวนเจิ้นที่เฉลียวฉลาดรอบคอบ เจ้าเล่ห์เพทุบายไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาถึงได้ร้องขอความเมตตา
“ข้าให้เวลาเจ้าแค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้น หากสิ่งที่เจ้าพูดมาไม่ใช่ความจริง หรือมีข้อปิดบังใดๆ บ่องูแห่งนี้ก็คือสถานที่ฝังศพของเจ้า!” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของจวินหย่วนโยว ดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาแห้งแล้ง ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว
“ข้าพูดแล้ว ข้าพูดทุกอย่างแล้ว การแข่งขันทักษะการต่อสู้ในตอนนั้น แม่เจ้ามีพรสวรรค์และหน้าตาอันน่าทึ่ง มีคุณธรรมและเปิดเผยตรงไปตรงมา ได้รับสิทธิในการเข้าสนามประลองเป็นคนแรก ทำให้ผู้ชายทั่วทั้งสี่แคว้นล้วนหลงรักไม่สิ้นสุด
ในตอนนั้นข้าก็เคยหลงรักแม่เจ้า แต่สุดท้ายแม่เจ้าเลือกพ่อเจ้า ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่รู้ความอิจฉาถึงที่สุด จากนั้นเป่ยจิ่วฉิงก็ติดต่อข้า และให้ยาพิษข้ามาหนึ่งขวด
อันที่จริงข้าไม่อยากจะวางยาพิษให้กับแม่เจ้าแต่ทุกครั้งที่เห็นพ่อแม่เจ้ารักใคร่อย่างยิ่ง ต่อมาแม่ของท่านตั้งครรภ์ ท่าทางที่พ่อเจ้ารักและดูแลนางเช่นนั้นทำให้ข้าคลุ้มคลั่ง
ต่อมาไท่ซ่างหวงแห่งแคว้นต้าเยียนสวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งขึ้นครองราชย์ ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนเผชิญกับการกุมอำนาจของราชสำนัก ดังนั้นเป่ยจิ่วฉิงจึงร่วมมือกับอีกสองแคว้นส่งกำลังทหารมาที่แคว้นแคว้นต้าเยียนพร้อมกัน
พ่อแม่เจ้าองอาจห้าวหาญชำนาญการต่อสู้ ใช้กำลังน้อยสยบกำลังมาก ต่อสู้กับศัตรูหนึ่งต่อร้อย สร้างความตกตะลึงไปทั้งสี่แคว้น ถ้าหากมีพวกเขาอยู่ ต้องการจะโจมตีต้าเยียนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นเป่ยจิ่วฉิงสัญญาจะให้เงินจำนวนมากและตำแหน่งเฉินเซี่ยงของแคว้นเป่ยลี่กับข้า ขอให้ข้าช่วยเหลือ
ตอนนั้นข้าก็ถูกความอิจฉาทำให้สมองเลอะเลือน วางยาพิษในน้ำชาของแม่เจ้าตอนที่ส่งนางออกเดินทาง ตอนนั้นแม่เจ้าไม่ได้สงสัยในตัวข้าเลย ดื่มชาพิษถ้วยนั้นลงไปเลย
นางเห็นข้าเป็นเพื่อน แต่ข้ากลับวางแผนทำร้ายนางอย่างต่ำช้าเช่นนี้ ต่อมาแม่เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบ และให้กำเนิดเจ้าโดยไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเอง เพื่อปกป้องพวกเจ้าสองแม่ลูกสุดท้ายพ่อเจ้าก็ตายในสนามรบ
แม่เจ้าเพิ่งจะคลอดลูกเสร็จ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสแถมยังถูกพิษอีก สุดท้ายก็ตายในสนามรบเพื่อช่วยเจ้าเช่นกัน คำสั่งเสียก่อนตายเพียงหนึ่งเดียวของนาง ก็คือช่วยลูกของนาง
นั่นคือคำขอเพียงหนึ่งเดียวที่นางขอข้าในชาตินี้ และนางก็ตายเพราะข้า ดังนั้นข้าจึงสู้ตายช่วยเจ้าเอาไว้ จากนั้นก็ส่งไปให้ครอบครัวชาวนาช่วยเลี้ยงดู ต่อมาคนของจวนซื่อจื่อก็หาเจ้าเจอ และรับเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัย
ข้าที่แอบเฝ้าดูอย่างลับๆ นาทีนั้นถึงได้วางใจลง นี่คือสิ่งที่ข้าติดค้างแม่เจ้า และเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำเพื่อนางได้
กงเกวียนกำเกวียน วันนี้ข้าตกอยู่ในมือของเจ้า มันเป็นการลงโทษที่สวรรค์มีต่อข้าจริงๆ ความจริงข้าไม่เสียใจเลยสักนิดที่ช่วยเจ้าเอาไว้ตอนนั้น” ซ่างกวนเจิ้นเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นออกมาอย่างไม่มีตกหล่น
เรื่องนี้เก็บซ่อนในใจของเขามานานมากแล้ว อัดอั้นจนเขาหายใจไม่ออก ตอนนี้ได้พูดออกมากลับรู้สึกสบายใจมาก
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือก นัยน์ตาสีดำที่มืดมิดราวกับเที่ยงคืนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เพราะโกรธแค้นมากเกินไป ร่างกายของจวินหย่วนโยวสั่นเทาอย่างรุนแรง เขาแทบอยากจะฉีกเขาเป็นหมื่นๆชิ้น สับเขาเป็นหมื่นๆท่อน
“แม่ข้าเชื่อใจเจ้าเช่นนี้ เจ้าถึงกับวางแผนทำร้ายนาง สารเลว!” อากาศรอบๆตัวจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกจนถึงติดลบ เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุ้บๆ
“ใช่แล้ว ข้าทำผิดต่อแม่เจ้า ดังนั้นข้าถึงได้ช่วยเจ้าเอาไว้” ซ่างกวนเจิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
แต่จวินหย่วนโยวก็ยังอดกลั้นต่อความวู่วามที่อยากจะฆ่าคน ถามต่อไปว่า “คนที่มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ยังมีใครอีก?”
“ฮ่าๆ สมกับที่เป็นจวินหย่วนโยว ตอนนี้คนที่วางแผนทำร้ายพ่อแม่เจ้าไม่ได้มีเพียงข้ากับเป่ยจิ่วฉิงจริงๆ ยังมีอีกคนที่เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติเจ้าก็ไม่สามารถสืบหาเจอ ขอเพียงเจ้ารับประกันว่าจะไม่ฆ่าข้า ข้าก็จะบอกเจ้า!” มุมปากของซ่างกวนเจิ้นเกี่ยวขึ้นมาอย่างคิดคำนวณเล็กน้อย
เขารู้ว่าจวินหย่วนโยวให้ความสำคัญกับการตายของพ่อแม่เขามากที่สุด ดังนั้นนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาจะใช้ต่อรองได้
หยุนถิงที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพฉากนี้อยู่ในสายตา ดวงตาคู่สวยเคร่งขรึมทันที “ซ่างกวนเจิ้นหากเจ้ารู้จักดูทิศทางลมก็สารภาพมาให้หมด มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเสียใจภายหลังที่ปิดบัง!”
“อย่างเจ้าน่ะหรือ? นอกเสียจากว่าเจ้าไม่อยากรู้ว่าคนที่มีส่วนร่วมในตอนนนั้นยังมีใครอีก!” ซ่างกวนเจิ้นกล่าวอย่างจงใจทำให้แย่ลง
เขาไม่เชื่อหรอกว่า หยุนถิงจะสามารถทำอะไรเขาได้
“อาศัยแค่ข้า จัดการกับเจ้าเพียงพอแล้ว” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา หยิบขวดเครื่องเคลือบออกมาจากมิติแล้วเทลงไปในบ่องู
ได้ยินเพียงเสียงซื้ดๆดังขึ้นมา งูที่เดิมทีไม่ค่อยเคลื่อนไหวจู่ๆก็เหมือนได้การกระตุ้นอะไรบางอย่าง จู่โจมกันและกันขึ้นมา ซ่างกวนเจิ้นถูกงูเหล่านั้นพันอยู่ ย่อมกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีอยู่แล้ว
งูนับไม่ถ้วนจู่โจมไปทางซ่างกวนเจิ้น กัดแทะไม่หยุด ร่างกายถูกพันธนาการเอาไว้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ถูกโจมตีเป็นระยะๆ เจ็บปวดจนเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ ตะโกนกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
และหยุนถิงที่อยู่ข้างบนเพียงแค่มองดูอย่างเย็นชา แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
งูเหล่านั้นล้วนมีพิษร้ายแรง ก่อนหน้านี้ไม่ได้โจมตีนั่นเป็นเพราะหยุนถิงโรยผงยาเอาไว้บนร่างกายของซ่างกวนเจิ้น ตอนนี้คำนวณเวลาดูแล้วผงยาก็หมดฤทธิ์ไปแล้ว ฝูงงูก็หิวโหยมาสามสี่วันแล้วเช่นกัน ย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้ว
“อ๊า ช่วยด้วย จวินหย่วนโยวเจ้าไม่อยากรู้ใครคือคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าพ่อแม่เจ้าจริงหรือ?”
“ความจริงแล้วเป่ยจิ่วฉิงก็ไม่ได้เป็นคนเอ่ยความคิดนี้ขึ้นมา คิดว่าพ่อเจ้าคงไม่ได้บอกเจ้าเรื่องชาติกำเนิดของแม่เจ้าใช่ไหม!”
“หรือเจ้าเต็มใจจะให้แม่เจ้านอนตายตาไม่หลับจริงๆ ให้คนร้ายตัวจริงอยู่เหนือกฎหมาย?” ซ่างกวนเจิ้นตะโกน
“ถิงเอ๋อร์ หยุดก่อน!” ได้ยินจวินหย่วนโยวกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชาคำหนึ่งจริงๆ
“ตกลง” หยุนถิงโรยผงยาเข้าไปอีกครั้ง งูพวกนี้ดูเหมือนจำศีลในทันที นิ่งเฉยกันไปหมด
ซ่างกวนเจิ้นถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หอบหายใจอย่างแรง เมื่อครู่เขาตกใจแทบตายจริงๆ
เพียงแต่ว่ายิ่งเขาหายใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ ทั่วทั้งตัวร้อนรุ่มอย่างยิ่ง รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เวลานี้ถูกงูพิษพวกนี้พันธนาการเอาไว้อีก ขยับเขยื้อนไม่ได้ ทั่วทั้งตัวเปียกแฉะ เนื้อลื่นๆ อย่าให้พูดเลยว่าทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวแค่ไหน
“พูดมาเถอะ คนที่เกี่ยวข้องในตอนนั้นยังมีใครอีก?”
“องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว!” ซ่างกวนเจิ้นเพิ่งจะพูดจบ คนทั้งคนก็ตะลึงงันไป “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมข้าถึงพูดออกมาได้