จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 404 ความแค้นนี้ควรคิดบัญชีแล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 404 ความแค้นนี้ควรคิดบัญชีแล้ว
คนทั้งคนของเป่ยจิ่วฉิงตกใจจนชะงักงัน ตกตะลึง หวาดกลัว ไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่มีเวลาสนใจจะร้องขอความเมตตา วิ่งหนีออกไปอย่างล้มลุกคลุกคลานทันที
“ทหาร รีบมาคุ้มกันข้าเร็ว ทหารรีบมาเร็วเข้า!”
หลงเอ้อมองดูเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้ขัดขวางเขาหนีออกจากตำหนัก กระบี่ยาวที่อยู่ในมือเหวี่ยงออกไปในทันใด พลังกระบี่ยาวแทงขาของเป่ยจิ่วฉิงจนบาดเจ็บโดยตรง
“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องของเป่ยจิ่วฉิงดังมา คนทั้งคนล้มตัวอยู่บนพื้น เจ็บจนเขาสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่มีเวลาสนใจ คืบคลานไปข้างหน้าโดยตรง
“ฝ่าบาท รีบคุ้มกันเร็ว!” มีองครักษ์เห็นภาพฉากนี้ รีบตะโกนและพุ่งเข้ามาทันที
“รีบคุ้มกันเร็ว รีบไปหาไท่จื่อเร็ว ไปหาไท่จื่อ!” เป่ยจิ่วฉิงตะโกนเสียงดัง
องครักษ์นั่นยังไม่ได้เดินออกไปกี่ก้าว ก็ถูกองครักษ์เงามังกรใช้กระบี่ฟันทันที
เป่ยจิ่วฉิงตะลึงงันในทันที “ผู้กล้าไว้ชีวิตด้วย ไม่ว่าเจ้าจะมีเงื่อนไขอะไร ข้าล้วนรับปากทั้งนั้น แก้วแหวนเงินทอง หรือสาวงาม ขอเพียงเจ้าพูดมา ข้าล้วนรับปากทั้งนั้น!”
“เงื่อนไข เงื่อนไขใดๆก็ไม่อาจเทียบได้กับความผิดที่เจ้าเคยทำเอาไว้!” หลงเอ้อกล่าวออกมาอย่างเย็นชา กระบี่ยาวในมือโบกสะบัดอีกครั้ง
ซ่างกวนหรูที่กำลังหนีมาทางนี้ เดิมทียังคิดว่าจะขอร้องให้ฝ่าบาทช่วยชีวิต อย่างไรเสียความเป็นความตายของนางก็เกี่ยวพันถึงชีวิตของเป่ยจิ่วฉิง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะวิ่งมาถึงก็เห็นภาพฉากนี้เข้า
มองดูกระบี่ยาวที่แทงไปที่แขนของเป่ยจิ่วฉิงอย่างแรง ซ่างกวนหรูตกใจจนสีหน้าซีดขาว หันหลังก็จะวิ่งหนี แต่กลับถูกหลงซื่อที่ไล่ตามมาใช้กระบี่บาดใบหน้า
“อ๊า หน้าของข้า เจ็บจังเลย หน้าของข้า บัดซบเจ้าถึงกลับทำให้ข้าเสียโฉม ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!” เลือดไหลอาบแก้มของซ่างกวนหรู นางกระโจนมาทางหลงซื่ออย่างบ้าคลั่ง
ใบหน้าของหลงซื่อเต็มไปด้วยการดูหมิ่น ใช้เท้าเตะซ่างกวนหรูกระเด็นออกไป
ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา คนทั้งคนของซ่างกวนหรูกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง หมดสติไปในทันที
“ยังไม่รีบพาคนกลับไปอีก ซื่อจื่อยังรออยู่นะ” หลงซื่อเดินเข้าไป ยกซ่างกวนหรูจากไปอย่างรังเกียจ
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่ออะไรกัน?” เป่ยจิ่วฉิงถามไปโดยสัญชาตญาณ
“ย่อมคือซื่อจื่อจวินหย่วนโยวอยู่แล้ว!” หลงเอ้อกล่าวอย่างดูหมิ่น
คำพูดประโยคเดียว สีหน้าของเป่ยจิ่วฉิงซีดขาวดุจเถ้าที่ดับมอดไป
เป็นเช่นนั้นจริงๆ สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็มาจนได้
คิดไม่ถึงว่าคนที่ฆ่าคนราวกับผักปลาตรงหน้าพวกนี้จะเป็นองครักษ์เงามังกร เป่ยจิ่วฉิงรู้ว่า ตัวเองจบสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
นาทีนี้ เป่ยจิ่วฉิงหวังเพียงว่าไท่จื่อจะได้ข่าว และมาช่วยตัวเองเร็วๆ
เขาส่งองครักษ์ลับมาปกป้องตัวเองไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังไม่ปรากฏตัว นาทีนี้เป่ยจิ่วฉิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างสิ้นเชิง
ไหนเลยที่หลงเอ้อจะยอมฟังเขาพูดไร้สาระ ต่อยเขาจนหมดสติไป และเรียกองครักษ์เงามังกรอีกคนมาช่วยยกคนจากไป
พระราชวังที่กว้างใหญ่ถูกกวาดจนเกลี้ยง จากนั้นก็จุดไฟเผา
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระราชวังของแคว้นเป่ยลี่ในคืนนี้ รู้เพียงแต่ว่าทั่วทั้งพระราชวังในคืนนี้มีเสียงร้องไห้โหยหวน เสียงกรีดร้องไม่ขาดสาย จากนั้นทั่วทั้งพระราชวังก็ถูกไฟลุกไหม้
เปลวเพลิงเต็มท้องฟ้าย้อมรัตติกาลที่มืดมิดให้เป็นสีแดง เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสยดสยอง ไฟมหึมานั่นทำให้คนอยากจะช่วยแต่ก็เหลือบ่ากว่าแรง
ในคืนนี้ ทุกคนในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ล้วนปิดบ้านไม่ออกมา ทุกครัวเรือนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เพราะไม่กี่วันก่อนไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยส่งคนมาแจ้งพวกเขาว่าคืนนี้ห้ามออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะได้ยินอะไรก็ห้ามออกมา มิเช่นนั้นจะถูกประหารทันที
เวลานี้บรรดาชาวบ้านฟังเสียงร้องไห้โหยหวนนั่น ตกใจกลัวจนพากันปิดประตูและหน้าต่าง
ในคืนที่มืดมิด เป่ยหมิงฉี่ยืนอยู่บนสันกำแพงของจวนไท่จื่อ มองดูเปลวไฟโหมกระหน่ำที่ย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงไปกว่าครึ่งหนึ่งทางด้านพระราชวัง สีหน้ามืดมนลึกล้ำ นัยน์ตาสีดำเฉือนคมและมืดมน ความโหดเหี้ยมรอบตัวล้วนแผ่ซ่านออกมา คืนมืดมิดด้านหลังยิ่งเสริมให้เขาราวกับภูติผี
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เข้าไป และไม่ได้ส่งคนเข้าไปช่วย
นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อติดค้างจวินหย่วนโยว ยิ่งเป็นสิ่งที่เสด็จพ่อติดค้างเสด็จแม่ ดังนั้นเป่ยหมิงฉี่จึงสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
หลังจากที่เสด็จแม่ และครอบครัวพี่ชายพี่สะใภ้เสียชีวิตลง ไม่มีเวลาไหนที่เป่ยหมิงฉี่จะไม่เกลียดชังเป่ยจิ่วฉิง แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นเสด็จพ่อของตัวเอง เป่ยหมิงฉี่ไม่ลงมือกับเขา ไม่ได้แสดงว่าเขาจะสามารถลืมความแค้นในอดีตไปได้
หลังจากนั้นนานพักใหญ่ เป่ยหมิงฉี่ก็กลับตำหนักบรรทมของตัวเอง เดินเข้าไปในห้องแห่งหนึ่ง คุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นให้กับป้ายวิญญาณที่บูชาอยู่ข้างใน
“เสด็จแม่ ในที่สุดความแค้นของท่านก็ได้รับการชำระแล้ว คนผู้นั้นได้รับบทลงโทษตามสมควรแล้ว!”
ทางด้านนี้ หลงเอ้อและคนอื่นๆนำตัวเป่ยจิ่วฉิงกับซ่างกวนหรูมุ่งหน้าไปยังภูเขาแห้งแล้งในเขตชานเมือง
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงรออยู่ที่นั่นนานแล้ว มองดูทั้งสองคนที่หมดสติอยู่บนพื้น สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกและโกรธแค้น ยื่นขวดเครื่องเคลือบที่หยุนถิงให้เขาเอาไว้ก่อนหน้านี้มาให้
“ให้พวกเขาสองคนกินซะ!”
“ขอรับ” หลงซื่อรับมา แล้วยัดเข้าไปในปากของซ่างกวนหรูกับเป่ยจิ่วฉิงคนละเม็ด
“โยนพวกเขาสองคนเข้าไปในบ่องู!” จวินหย่วนโยวสั่งการอีกครั้ง
“ขอรับ”
หลังจากที่ซ่างกวนหรูกับเป่ยจิ่วฉิงตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สางแล้ว ในตอนที่เห็นฝูงงูที่อยู่ตรงหน้า เป่ยจิ่วฉิงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
“งู มีงู ช่วยด้วย ทหาร รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!” ซ่างกวนหรูตกใจจนกรีดร้องออกมา
“หุบปาก ล้วนเป็นเพราะนังแพศยาอย่างเจ้าทำลายข้า ตัวหายนะ หากข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ควรสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้นไปซะตั้งแต่แรกแล้ว!” เป่ยจิ่วฉิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“ฮึ ฝ่าบาทเสียใจภายหลังตอนนี้ก็สายไปแล้ว หากข้าตายพระองค์ก็ไม่รอดเช่นกัน เราสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นฝ่าบาทเก็บแรงเอาไว้แล้วคิดว่าควรจะออกไปจากที่นี่อย่างไรดีกว่า!” ซ่างกวนหรูกล่าวอย่างดูหมิ่น
“บัดซบ รอให้ข้าแก้หนอนพิษกู่แล้ว คอยดูว่าข้าจะไม่ฉีกเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น!”
“หากพระองค์อยากจะฆ่าหม่อมฉันก็รอให้ออกจากกองงูนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”
“บัดซบ!”
ทั้งสองคนจ้องมองกันด้วยความโกรธแค้น ฝูงงูที่อยู่ด้านข้างคอยจ้องเขมือบพวกเขาทั้งสอง แลบลิ้นสีแดงแผล็บๆ มืดมนและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เป่ยจิ่วฉิงกับซ่างกวนหรูในเวลานี้ถูกงูยักษ์นับไม่ถ้วนพันธนาการ ขยับเขยื้อนไม่ได้ หลังจากที่ทั้งสองคนสงบสติอารมณ์ลงมาก็ตกใจแทบตาย ไม่กล้าขยับเขยื้อน และไม่กล้าพูดอะไรอีก
โดยเฉพาะลิ้นที่ใหญ่และหนาเท่าปากชามจ้องตรงไปที่เป่ยจิ่วฉิง มองจนเขาสั่นสะท้านแม้จะไม่หนาว
เป่ยจิ่วฉิงตกใจจนฉี่ราดไปโดยตรง ความเปียกชื้นแผ่กระจายไปตามขาของเขาอย่างกะทันหัน ฝูงงูที่อยู่ด้านล่างก็ดูเหมือนจะรู้สึกเช่นกัน ขยับตัวเล็กน้อย เป่ยจิ่วฉิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว
“จวินหย่วนโยวได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้าผิดต่อเจ้า ผิดต่อพ่อแม่เจ้าเอง จะฆ่าจะแกงเจ้าก็ทำให้มันเร็วหน่อย!” เป่ยจิ่วฉิงไม่มีเวลาสนใจกลัว รีบตะโกนทันที
เงาปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ จวินหย่วนโยวมองลงมาจากที่สูง จ้องมองไปทางคนที่อยู่ในบ่องูด้วยความเย็นชาโกรธแค้น
“ตอนนั้นเจ้าวางแผนทำร้ายพ่อแม่ข้า ให้ซ่างกวนเจิ้นวางยาพิษแม่ข้า ความแค้นนี้ควรต้องคิดบัญชีแล้ว!” เสียงที่เย็นยะเยือกของจวินหย่วนโยว ราวกับถูกแช่แข็งอยู่บนภูเขาน้ำแข็งหมื่นปี ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว
ใบหน้าของเป่ยจิ่วฉิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ซ่างกวนเจิ้นเป็นคนทรยศข้าจริงๆด้วย จวินหย่วนโยวเจ้าอย่าไปฟังคำพูดของซ่างกวนเจิ้น เขาผลักไสความรับผิดชอบมาให้ข้าชัดๆ!”
“ยาพิษขวดนั้นท่านเป็นคนให้ซ่างกวนเจิ้นใช่ไหม?” เสียงที่เย็นยะเยือกและดุร้ายของจวินหย่วนโยวดังมาจากเหนือศีรษะ
เป่ยจิ่วฉิงตัวสั่นสะท้าน ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก เสียงของจวินหย่วนโยวก็ดังมาอีกครั้ง “หากเจ้าไม่พูดความจริง ข้าจะให้เจ้าอยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้อยากตายก็ตายไม่ได้!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง งูใหญ่ตัวนั้นก็กัดเป่ยจิ่วฉิงกะทันหัน ใบหน้าของเป่ยจิ่วฉิงบวมเป่งราวกับหัวหมูในชั่วพริบตา เจ็บปวดเหลือทน แต่ร่างกายถูกงูมากมายขนาดนั้นพันธนาการอยู่ ขยับเขยื้อนและเกาไม่ได้ อย่าให้พูดเลยว่าทรมานขนาดไหน
“ข้าพูด ข้าพูดหมดแล้ว!”