จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 405 แคว้นเป่ยลี่โกลาหลวุ่นวาย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 405 แคว้นเป่ยลี่โกลาหลวุ่นวาย
“ข้าพูด ขอเพียงเจ้าอย่าทรมานข้าอีกเลย! ตอนที่ข้ายังหนุ่ม มีสติปัญญาไม่ยึดติด ก็เป็นคนหล่อเหลามีความสามารถเช่นกัน ตกหลุมรักองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วในครั้งแรกที่พบ
แต่คิดไม่ถึงว่า นางจะตกหลุมรักซื่อจื่อคนหนึ่งของแคว้นต้าเยียน ข้ารู้สึกโมโหมาก วางแผนทำร้ายซื่อจื่อคนนั้นหลายครั้งหลายหน
หลังจากที่องค์หญิงใหญ่รู้เข้า ในตอนแรกก็ด่าว่าข้าอย่างสาดเสียเทเสีย ยังไม่ลังเลที่จะเตะต่อยข้า ต่อมาไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆองค์หญิงใหญ่ก็ยอมที่จะอิงแอบอยู่ในอ้อมอกข้าด้วยตัวเอง ให้ยาข้ามาหนึ่งขวด บอกให้ข้าวางยาพิษผู้หญิงคนหนึ่ง
ต่อมาข้าถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือแม่ของเจ้า และฮ่องเต้องค์ก่อนแห่งแคว้นต้าเยียนก็ประชวรหนัก และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นคนเสนอให้สามแคว้นโจมตีแคว้นต้าเยียน
ตอนนั้นข้าก็คิดเอาไว้ว่าหากสามารถทำลายล้างแคว้นต้าเยียนได้ สามแคว้นแบ่งฮุบดินแดนต้าเยียน สำหรับแคว้นเป่ยลี่ข้าแล้วก็ถือเป็นความโชคดี ดังนั้นจึงได้ตอบตกลง
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าพ่อแม่เจ้าจะองอาจห้าวหาญชำนาญการต่อสู้ขนาดนั้น นำกำลังทหารต่อต้านอย่างสุดชีวิต ตอนนั้นแม่เจ้าตั้งครรภ์แถมยังถูกพิษแต่กลับยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย
ข้าก็ถูกองค์หญิงใหญ่หลอกใช้เหมือนกัน ทวงความแค้นก็ต้องหาคนทำผิดทวงหนี้ก็ต้องหาลูกหนี้ จวินหย่วนโยวหากเจ้าจะแก้แค้นก็ไปหาองค์หญิงใหญ่โน้น!
ยังมีไท่จื่อของข้า ไม่ว่าเจ้าจะมีเงื่อนไขอะไรล้วนสามารถเอ่ยกับไท่จื่อของข้าได้ เขาต้องรับปากอย่างแน่นอน ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป” เป่ยจิ่วฉิงรีบเล่าความเป็นมาของเรื่องราวทันที
สีหน้าของจวินหย่วนโยวโหดเหี้ยม นัยน์ตาสีดำเฉียบคมดุจมีด “เป่ยหมิงฉี่ เขาไม่มาช่วยเจ้าหรอก พระราชวังของแคว้นเป่ยลี่วุ่นวายขนาดนี้เจ้านึกว่าเขาจะไม่รู้หรือ เขาขอร้องให้ข้าใช้เจ้าคนเดียวแลกกับความสงบสุขของชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่!”
คำพูดประโยคเดียว ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาบนหัวใจของเป่ยจิ่วฉิงอย่างแรง “ไม่ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ไท่จื่อกตัญญูต่อข้าที่สุด เขาไม่ทำเช่นนี้กับข้าหรอก!”
ถึงแม้ปากจะไม่ยอมรับ แต่ในใจของเป่ยจิ่วฉิงก็รู้ดี สายของไท่จื่อกระจายอยู่ทั่วทั้งพระราชวัง พระราชวังวุ่นวายขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ไท่จื่อจะไม่รู้ มิน่านานขนาดนี้แล้วเขายังไม่มาช่วยตัวเอง ที่แท้ล้วนเป็นเขาที่แอบทรยศตัวเองอยู่ลับหลังนี่เอง
“เจ้าลูกอกตัญญูคนนี้ ข้าไม่มีทางปล่อยเขาไปเด็ดขาด!” เป่ยจิ่วฉิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“จวินซื่อจื่อโปรดปล่อยข้าไปเถอะ คนที่ทำร้ายพ่อแม่ท่านในตอนนั้นคือพ่อข้า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับข้าเลย เมื่อก่อนล้วนเป็นเพราะข้าไม่รู้จักขอบเขต ตกหลุมรักท่าน ดังนั้นข้าจึงตั้งใจฝึกฝนกู่ฉินหมากล้อมลายสือศิลป์จิตรกรรม และบทกลอนบทกวีมาตั้งแต่เด็ก อยากให้ตัวเองเก่งยิ่งขึ้น สามารถยืนอยู่ข้างกายของท่าน เพราะข้าไม่รู้ความ ไม่เข้าใจความรักเอง ดังนั้นถึงได้ก้าวล่าวท่านหลายครั้งหลายหน ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ ขอท่านโปรดปล่อยข้าไปเถอะ!” ซ่างกวนหรูร้องขอความเมตตาทันที
ทันทีที่สิ้นเสียงลง ใบหน้าของหยุนถิงก็ปรากฏขึ้นมาเหนือศีรษะ
“ซื่อจื่อ ซ่างกวนหรูยังไม่ยอมแพ้เรื่องท่านอีกหรือ?” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
ซ่างกวนหรูตกใจจนตัวแข็งทื่อ มองดูใบหน้าเล็กที่งดงามน่าทึ่งของหยุนถิง ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความอิจฉาและโกรธแค้น
ถือสิทธิอะไรที่หยุนถิงงดงามขนาดนี้ และใบหน้าของตัวเองกลับเสียโฉมแล้ว บัดซบ หากนางสามารถหนีรอดจากหายนะในครั้งนี้ไปได้ จะต้องทำลายใบหน้าของหยุนถิงอย่างแน่นอน
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชาดูหมิ่น “อย่างเจ้า ก็คู่ควร คนหนึ่งคือคนร้ายที่วางแผนทำร้ายพ่อแม่ข้า อีกคนคือลูกสาวของศัตรู ยังวางอุบายถิงเอ๋อร์หลายครั้งหลายหน พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปตามยถากรรมเถอะ!”
น้ำเสียงเย็นชาดุร้าย ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว
ทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง จวินหย่วนโยวก็จูงมือของหยุนถิงจากไป
เสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชของทั้งสองคนดังมาจากด้านหลัง โศกเศร้าสุดขีด หยุนถิงรู้ว่ายาพิษที่ตนเองสกัดออกมากำเริบแล้ว
นั่นคือยาพิษที่นางผสมยาพิษร้ายแรงหลายชนิดไว้ด้วยกัน คนที่ถูกพิษเปรียบเหมือนถูกลูกธนูนับหมื่นดอกทิ่มแทงหัวใจ ความเจ็บปวดที่ราวกับถูกถลกหนังดึงเส้นเอ็นเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีก อย่าให้พูดเลยว่าทรมานแค่ไหน
หลังฟ้าสาง ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ก็พากันออกมา ทุกคนล้วนสงสัยอย่างมากว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อคืนนี้มีเสียงร้องไห้โหยหวนดังออกมาจากพระราชวังแถมยังมีไฟไหม้อีก ทั่วทั้งพระราชวังของแคว้นเป่ยลี่ล้วนถูกเผาจนกลายเป็นซากปรักหักพัง ทีนี้บรรดาชาวบ้านล้วนตะลึงงันไปหมด
ในตอนเช้าตรู่ ร้านค้าที่ขายข้าวสารแป้งเมล็ดธัญพืชและน้ำมันในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ล้วนไม่มีของแล้ว ถึงขั้นปิดร้านไปหลายแห่ง นาทีนี้บรรดาชาวบ้านล้วนตื่นตระหนกกันหมด นี่มันเกี่ยวพันถึงรากฐานการดำเนินชีวิตของบรรดาชาวบ้านเลยนะ
ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนแตกตื่นกันไปหมด พากันไปแย่งซื้อที่ร้านค้า แต่แล้วเพื่ออาหารที่เหลือเพียงเล็กน้อยนั่นก็ทะเลาะกันยกใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว
เป่ยหมิงฉี่ยุ่งอยู่กับการจัดการกับเรื่องยุ่งเหยิงเละเทะเมื่อคืนนี้ตั้งแต่เช้าตื่น ได้ยินข่าวนี้เข้า เป่ยหมิงฉี่ที่ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้วก็ยังตกตะลึงไปเช่นกัน
ที่แท้นี่ถึงจะเป็นแผนการของจวินหย่วนโยว เขาช่างโหดจริงๆ นี่คือต้องการจะให้แคว้นเป่ยลี่เกิดความวุ่นวายภายใน ต้องการให้แคว้นเป่ยลี่ล่มสลายหรือ
ขุนนางราชสำนักย่อมได้ยินเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ต่างพากันให้พ่อบ้านและองครักษ์ของตัวเองออกไปแย่งอาหาร จากนั้นบรรดาขุนนางก็เข้าไปในพระราชวังด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าพระราชวังถูกเผาจนกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว ทุกคนรีบมุ่งหน้าไปที่จวนไท่จื่อทันที
ตอนนี้ฮ่องเต้หายสาบสูญ ก็มีเพียงไท่จื่อคนเดียวเท่านั้นที่สามารถออกมาดูแลจัดการสถานการณ์โดยรวมได้
เป่ยหมิงฉี่สั่งให้จั่วเฉินเซี่ยงพากองทหารหลวงไปเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายอาหารทันที จากนั้นก็ส่งพิราบสื่อสารออกไปให้ทุกคนที่อยู่ชายแดน ให้พวกเขาไปซื้ออาหารที่อีกสามแคว้น
เพียงแต่ว่า ในตอนที่พวกเขาเปิดยุ้งฉางด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความสุข กลับพบว่าอาหารที่กักตุนไว้ข้างในขึ้นราและเน่าเสียหมดแล้ว ทีนี้ทุกคนล้วนตะลึงงันไป
แม้แต่จั่วเฉินเซี่ยงก็ตื่นตระหนกเช่นกัน รีบไปรายงานไท่จื่อทันที ไม่มีอาหาร ทุกคนต้องอดตายอย่างแน่นอน
ข่าวเรื่องอาหารในยุ้งฉางขึ้นราถูกแพร่ออกไปในทันที ทั่วทั้งเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ล้วนตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย บรรดาชาวบ้านก็ทะเลาะกันยกใหญ่เพียงเพื่ออาหารที่เหลือเพียงเล็กน้อยนั่น พวกขุนนางก็ยิ่งอาศัยอำนาจรังแกแย่งชิง ไม่มีแม้แต่ของกิน ก็ได้แต่รอความตายแล้ว
เป่ยหมิงฉี่มองดูเมืองหลวงที่โกลาหลวุ่นวายไปทั่ว สีหน้าเย็นชาหงุดหงิด “ทุกคนอยู่ในความสงบ ข้าจะเผชิญกับสงครามการขาดแคลนอาหารในครั้งนี้ไปพร้อมกับพวกเจ้า ข้าส่งคนไปซื้ออาหารในราคาที่สูงในสามแคว้นอื่นๆแล้ว
เชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็สามารถส่งมาถึงแล้ว ดังนั้นทุกคนอย่าวุ่นวาย ยิ่งไม่ต้องตื่นตระหนกไป ในบ้านมีอะไรก็กินไปก่อน ไม่มีของกินก็ขึ้นเขาไปขุดของป่า จับปลาในน้ำ หรือไม่ก็เก็บผลไม้จากบนต้นไม้ก่อน——
สรุปคือขอให้ทุกคนโปรดเชื่อใจข้า ข้าจะเดินหน้าและถอยหลังพร้อมกับพวกเจ้า จะไม่ทนเห็นพวกเจ้าอดตายเด็ดขาด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะกินข้าวพร้อมกับพวกเจ้า” น้ำเสียงของเป่ยหมิงฉี่หนักแน่นจริงจัง ดังก้องไปทั่วทั้งถนน
ชาวบ้านที่ต่อสู้แย่งชิงอาหารกันอย่างวุ่นวายสงบลงมาทันที ต่างก็รู้สึกละอายใจในสิ่งที่ทำ แต่กลับมีคนไม่น้อยที่สงสัยในคำพูดของไท่จื่อ
“ไท่จื่อนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมอาหารในเมืองหลวงถึงได้หายไปภายในชั่วข้ามคืน ใครกันแน่ที่ขาดศีลธรรมขนาดนี้?” ชายชราคนหนึ่งอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
ในใจของเป่ยหมิงฉี่ด่าจวินหย่วนโยวแทบตาย แต่เขากลับไม่สามารถพูดออกมาโดยตรงได้ “มีบางคนจงใจก่อความวุ่นวายภายในแคว้นเป่ยลี่ จะได้ฉวยโอกาสลอบโจมตี ดังนั้นเราจะให้โอกาสแก่พวกเขาไม่ได้เด็ดขาด”
“ในเมื่อไท่จื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ทุกคนจะต้องฟังคำพูดของไท่จื่อ ฝ่าฟันความยากลำบากไปด้วยกัน!” บรรดาชาวบ้านแสดงเจตจำนง
เป่ยหมิงฉี่ซาบซึ้งใจอย่างมาก ให้คนนำอาหารทั้งหมดของจวนไท่จื่อออกมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านทันที ทำให้ชาวบ้านยิ่งสนับสนุนเป่ยหมิงฉี่มากยิ่งขึ้น
ปลอบประโลมชาวบ้านเสร็จแล้ว เป่ยหมิงฉี่มุ่งหน้าไปยังลานที่จวินหย่วนโยวอาศัยอยู่ แต่แล้วกลับถูกองครักษ์เงามังกรปฏิเสธไม่ยอมให้เข้า
“ซื่อจื่อของเราบอกแล้วว่าหากไท่จื่อเป่ยหมิงมา ไม่พบ ไม่มีข้อต่อรอง!”