จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 423 เจ้ากล้าคบชู้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 423 เจ้ากล้าคบชู้
พอหยุนถิงได้ยินอย่างนั้น ก็นึกสนใจ เลิกผ้าม่านรถม้าขึ้น และเห็นป่าแอปริคอตด้านนอกแถบใหญ่ ฤดูกาลนี้แอปริคอตกำลังสุกได้ที่ สีเหลืองอร่ามเต็มกิ่งไม้ ชวนกินยิ่งนัก
“ซื่อจื่อ พวกเราลงไปดูกันเถอะ!” หยุนถิงเสนอ
“ตกลง”
จวินหย่วนโยวพยุงนางลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง เดินไปทางป่าแอปริคอต
เหลือองครักษ์ลับหลายคนดูแลรถม้า คนอื่นตามไปอารักขากันหมด
“ซื่อจื่อ ที่นี่ไม่มีชาวบ้านรึ พวกเราเข้าไปเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมหรือไม่?” หยุนถิงถาม
“มิเป็นไร ให้เงินเขาก็ได้แล้ว” จวินหย่วนโยวตอบ
“ซื่อจื่อพูดถูก แอปริคอตมากขนาดนี้พวกเราช่วยเขาเก็บแล้วยังให้เงิน ช่วยเขาประหยัดเวลาเอาไปขายอีก” หลงเอ้อร์บอก
ป่าแอปริคอตใหญ่มาก แถมต้นยังสูงมาก หยุนถิงเดินเข้าใกล้ต้นแอปริคอตต้นหนึ่ง ยื่นมือจะเด็ด แต่กลับโดนจวินหย่วนโยวคว้ามือไว้
“ตอนนี้เจ้าต้องดูแลร่างกายให้ดี จะหยิบของที่อยู่สูงไม่ได้ และหยิบของหนักไม่ได้ ระวังหน่อย เรื่องเช่นนี้ข้าจัดการเอง เจ้ารอกินก็พอแล้ว”
“ได้ แต่ซื่อจื่อ ข้าได้ยินว่าแอปริคอตที่อยู่ยอดต้นน่ะหวานที่สุด เพราะว่าตากแดดได้มากที่สุด” หยุนถิงบอก
“หลงเอ้อร์!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
“ได้เลย งานเช่นนี้ข้าถนัดนัก” หลงเอ้อร์เหาะขึ้นไปเหนือยอดต้นแอปริคอต เริ่มต้นเด็ดผล
ไม่นาน หลงเอ้อร์ใช้ชุดคลุมห่อแอปริคอตกองโตลงมา จวินหย่วนโยวรับมา หยุนถิงหยิบน้ำขวดหนึ่งออกมาจากในมิติล้างเล็กน้อย และกัดกินเลย
“ซื่อจื่อ แอปริคอตนี่หวานจริงๆ ท่านลองดูสิ!” หยุนถิงยื่นให้
จวินหย่วนโยวกินจากมือนางเลย “ไม่เลวจริงๆ หวานเปรี้ยวชุ่มคอ”
“ใครก็ได้ เด็ดแอปริคอตที่สุกแล้วจากต้นนี้ให้หมดเลย!” เสียงแหลมแสบแก้วหูหนึ่งดังขึ้น
“ขอรับ ฮูหยิน” ห้าหกคนในชุดคนรับใช้เดินมา แต่ละคนถือตะกร้าไว้เริ่มต้นเด็ดเลย
หยุนถิงมองมา และเห็นสตรีวัยกลางคนในชุดสดใสผู้หนึ่งพาคนรับใช้ห้าหกคนมาเด็ด และมีสองแม่ลูกในชุดชุดผ้ากระสอบหยาบกร้านคู่หนึ่งพยายามห้ามปราม
“เด็ดไม่ได้นะ นี่เป็นสิ่งที่นายท่านเหลือไว้ให้พวกเราแม่ลูก พวกเจ้าหยุดนะ!” สตรีวัยกลางคนร้องห้าม
“นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อเหลือไว้ให้ข้ากับท่านแม่ พวกเจ้าห้ามเด็ดนะ!” เด็กหญิงอายุราวห้าหกปีวิ่งเข้ามาห้ามปราม แต่โดนสตรีในชุดสดใสผู้นั้นตบหน้าจนลงไปกองกับพื้น
“ชุ่ยชุ่ย ชุ่ยชุ่ยเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นางหลิวเจ้าถือสิทธิ์อะไรมาตบลูกสาวข้า?” สตรีวัยกลางคนรีบเข้ามาปกป้องลูก
“ถือสิทธิ์ที่ข้าเป็นฮูหยิน ตอนนี้ข้าต่างหากที่เป็นฮูหยินของตระกูลอู๋ ยายแก่หนังยานที่โดนนายท่านสลัดทิ้งอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาควบคุมข้า! ไอ้เด็กเลว เจ้าคู่ควรมาห้ามปรามข้ารึ วันนี้ข้าจะเด็ดแอปริคอตพวกนี้ไปให้หมดเลย ใครก็ได้สั่งสอนพวกนางให้ข้าซะ!” นางหลิวบอกอย่างเย่อหยิ่งจองหอง
คนรับใช้หลายคนพุ่งเข้ามาทันที ทั้งเตะและต่อยสองแม่ลูกชุดผ้ากระสอบหยาบกร้านนั่น
ทันใดนั้นมีลมแรงพัดมา คนพวกนั้นยังมองไม่ชัดว่าคืออะไร คนรับใช้ทั้งหมดก็โดนซัดลอยกระเด็น ล้มลงพื้นอย่างแรง ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ขยับตัวไม่ได้เลย
“ใคร ใครกัน?” นางหลิวตกใจหน้าซีดเผือด
หลงเอ้อร์ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านางทันที และซัดหมัดจนนางลอยกระเด็นออกไป
“อ๊า ข้าเจ็บ เจ้า เจ้าเป็นใครกัน นางจัวเจ้าช่างกล้านัก กล้าคบชู้ ข้าจะดูสิว่า หากเจ้าตายไปจะบอกกล่าวแก่นายท่านอย่างไร!” นางหลิวตะคอกดังด้วยความโกรธ
“หุบปาก เจ้าอย่าใส่ความข้านะ!” นางจัวที่นอนอยู่ที่พื้นเถียงทันที
“ใส่ความรึ ทุกคนเห็นกันเต็มสองตา ไม่เช่นนั้นชายผู้นี้ทำไมต้องช่วยเจ้าด้วย คราวนี้ข้าจะกลับไปบอกพวกอารอง ดูสิว่าพวกเขาจะพูดอย่างไร พวกอารองไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไว้แน่” นางหลิวที่อยู่บนต้นไม้กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันบอก
“ข้าเกลียดการโดนใส่ความที่สุด เจ้าอย่ามีลิ้นไว้เลย!” หลิงเฟิงแค่นเสียงเย็น กระบี่ยาวในมือตวัด
นางหลิวที่อยู่บนต้นไม้ตกใจมาก รีบปิดปากทันที เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ปิดปาก รังสีกระบี่นั่นตวัดผ่านหน้านาง
“อ๊า หน้าของข้า หน้าของข้า ใครก็ได้ มาช่วยข้าเร็ว จับเจ้าคนสารเลวนี่ไปฟ้องทางการ!” นางหลิวตกใจร้องเสียงหลง
เหล่าคนรับใช้ที่อยู่บนพื้นอยากจะลุกขึ้น แต่บรรยากาศรอบตัวหลิงเฟิงแข็งแกร่งเกินไป เหล่าคนรับใช้ตกใจกันหมด ไม่มีใครกล้าเสี่ยงตายเลย
นางจัวกับชุ่ยชุ่ยเองก็ตกใจเช่นกัน สองแม่ลูกกอดกันตัวสั่นเทา
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัวนะ เขาเป็นองครักษ์บ้านข้าเอง!” หยุนถิงเข้ามาปลอบพวกนาง
ทุกคนถึงเห็นชัดคนที่เดินเข้ามา ต่างพากันมองตาเหม่อลอย
พวกเขาไม่เคยเห็นสตรีใดงดงามเย้ายวนปานนี้เลย เพียงแต่ยังไม่ทันมองเต็มตา ก็เห็นบุรุษท่าทางเย็นชาสง่างามคนหนึ่งข้างกายนาง กำลังปรายตามองคนที่ล้มอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นเยียบดุจใบมีด
เหล่าคนรับใช้รู้สึกกดดันยิ่งนัก อากาศเหมือนจะแข็งตัว กดดันจนหายใจไม่ออก ทุกคนสะท้านเยือก คนผู้นี้ทำไมน่ากลัวยิ่งกว่าคนนั้นอีก
นางจัวปากสั่นถามหยุนถิง “พวกท่านคือ?”
“พวกเราผ่านมาเห็นแอปริคอตนี้ เลยเด็ดมาชิมดูสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอคนใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกคนอื่น ดังนั้นองครักษ์บ้านข้าเลยออกโรง รีบลุกขึ้นเถอะ” หยุนถิงตอบ
“พี่สาว ขอร้องท่านช่วยข้ากับท่านแม่ด้วยเถอะ ต้นแอปริคอตเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านพ่อเหลือไว้ให้พวกเราก่อนตาย นับตั้งแต่ท่านพ่อตายไป ท่านแม่รองก็ไล่ข้ากับท่านแม่ออกจากบ้าน พวกเราได้แต่อาศัยอยู่ในป่าแอปริคอตนี้
ตอนนี้พวกเขาเห็นแอปริคอตสุกได้ที่แล้ว กลับหน้าด้านมาเด็ด นี่มันไม่เหลือทางรอดให้พวกเราแม่ลูกเลยนะ ทุกปีข้ากับท่านแม่ก็ได้แต่คาดหวังว่าจะใช้แอปริคอตเหล่านี้เปลี่ยนเป็นเงินเอามากินใช้เท่านั้นเอง” ชุ่ยชุ่ยบอกอย่างอ้อนวอน
หยุนถิงเห็นจัก “ข้าต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเจ้าแน่ รีบลุกขึ้นเถอะ!”
“ขอบคุณพี่สาวมาก ขอบคุณ” ชุ่ยชุ่ยโขกศีรษะอย่างตั้งใจ
“ขอบคุณความหวังดีของแม่นางนัก แต่ไม่รบกวนพวกท่านดีกว่า พวกท่านรีบไปเถอะ” นางจัวบอกอย่างเป็นห่วง
“แต่ว่าท่านแม่—-“
“อย่ามัวแต่ว่าอยู่เลย หากรอจนอารองเจ้ามา จะทำให้พวกเขาลำบากนะ” นางจัวบอกอย่างกังวล
หยุนถิงไม่คิดเลยว่า นางจัวผู้นี้จะจิตใจดีงามปานนี้
“ท่านพูดอย่างนี้ ข้าคิดอยากเห็นอารองบ้านท่านสักหน่อยแล้วสิ เล่าเรื่องบ้านท่านให้ข้าฟังหน่อยเถอะ” หยุนถิงถาม
“พี่สาว ท่านแม่ข้าต่างหากที่เป็นเมียแต่งของท่านพ่อ นับตั้งแต่ท่านแม่รองแต่งเข้ามา นางก็มักจะรังแกข้ากับท่านแม่ ต่อมานางคลอดลูกชาย ท่านพ่อยิ่งรักใคร่โปรดปรานนางมากขึ้น และละเลยข้ากับท่านแม่
เหล่าคนรับใช้ก็รังแกข้ากับท่านแม่ มักให้พวกเรากินอาหารเหลือทิ้ง ต่อมานักพรตคนหนึ่งบอกว่า ดวงข้าเป็นอริกับน้องชาย หากข้ายังอยู่ที่บ้านต่อไป จะเป็นอันตรายกับน้องชาย
ท่านพ่อเลยขับไล่ข้าออกจากบ้าน ท่านแม่เป็นห่วงข้าเลยจากมากับข้าด้วย ต่อมาข้าเห็นสาวใช้ข้างกายท่านแม่รองให้เงินนักพรตคนนั้น ข้าเลยรู้ว่า นักพรตคนนั้นโดนท่านแม่รองซื้อตัวมา
ข้าบอกท่านพ่อเรื่องนี้ ท่านพ่อไม่เชื่อข้า ยังให้คนไล่ข้าออกไป ต่อมาท่านพ่อป่วยหนัก แต่เป็นท่านแม่ของข้าที่คอยดูแลปรนนิบัติ จนกระทั่งท่านพ่อข้าจากไป
ท่านพ่อเองก็รู้สึกว่าผิดต่อข้ากับท่านแม่ ก่อนตายเหลือโฉนดที่ดินของต้นแอปริคอตผืนนี้ไว้ให้ข้ากับท่านแม่ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เหลือไว้ให้พวกเราสองแม่ลูก พวกเราคาดหวังถึงแอปริคอตในทุกปีและพยายามอดทนใช้ชีวิต
ข้ากับท่านแม่ไม่เคยคิดจะแย่งอะไรกับท่านแม่รอง แต่นางก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกเรา และร่วมมือกับอารองคิดจะเอาโฉนดที่ดินกลับไป พวกเราไม่ให้ นางก็พาคนมาแย่งเด็ดแอปริคอต ขอร้องพี่สาวช่วยพวกเราสองแม่ลูกด้วยเถิด”