จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 424 ฮูหยินรู้ใจข้าที่สุดจริงๆ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 424 ฮูหยินรู้ใจข้าที่สุดจริงๆ
“ผู้ชายนี่สารเลวจริงๆ!” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
“ฮูหยิน คำพูดนี้ไม่ถูกนะ!” จวินหย่วนโยวคัดค้านทันที หน้าดำทะมึนลงไปหลายส่วน
หยุนถิงหันไปมองสีหน้าไม่พอใจของซื่อจื่อของตน รีบอธิบายทันที “แน่นอนสิ ซื่อจื่อของข้าน่ะสง่างามองอาจ หล่อเหลาเย็นชา อ่อนโยนเอาใจใส่ที่สุด ดีกับข้าที่สุดเลย”
สายตาจวินหย่วนโยวเผยประกายพอใจ ยื่นมือมาจูงมือหยุนถิง “ฮูหยินรู้ใจข้าที่สุดจริง”
“ซูหลินพยุงนางลุกขึ้นเถอะ ยังไงซะพวกเราก็มิได้มีธุระอะไร ก็ไปดูสักหน่อยแล้วกัน” หยุนถิงบอก
“เจ้าค่ะ” ซูหลินพยุงชุ่ยชุ่ยและนางจัวขึ้นมา ให้พวกนางนำทาง
“ช่วยข้า ขอร้องพวกเจ้าช่วยข้าด้วย ข้าอยู่นี่ไง!” นางหลิวที่อยู่บนต้นไม้ร้องเสียงดัง
“พานางไปด้วยแล้วกัน”
“ขอรับ” องครักษ์คนหนึ่งเหาะขึ้นต้นไม้เอานางลงมา นางหลิวตกใจแทบตายกับการกระทำของเหล่าองครักษ์ ไม่กล้าเหิมเกริมอีก เดินตามไปอย่างว่าง่าย
รอจนกลับไปถึงตระกูลอู๋ ดูสิว่านางจะสั่งสอนคนพวกนี้อย่างไร
พวกหยุนถิงตามนางจัวและชุ่ยชุ่ยตรงไปตระกูลอู๋ ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆ คฤหาสน์ของตระกูลอู๋ใหญ่มาก ประตูใหญ่สีดำเมี่ยม ป้ายชื่อสีทอง ด้านหน้าประตูยังวางสิงโตหินตัวใหญ่ไว้สองตัว ดูหรูหรานัก ดูออกเลยว่าตระกูลอู๋เป็นตระกูลใหญ่พอดู
“พี่สาว ที่นี่เจ้าค่ะ” ตอนชุ่ยชุ่ยพูดคำนี้ดูจะหวาดกลัวอยู่บ้าง
“อย่ากลัว ข้าออกหน้าให้เจ้าเอง!”
นางหลิวสะบัดองครักษ์ลับคนนั้นหลุด รีบวิ่งเข้าไปเคาะประตู
ประตูใหญ่เปิดออก คนรับใช้ด้านในพอเห็นใบหน้าเลือดสาดของนางหลิว ตกใจหนัก “เจ้า เจ้าคือ?”
“ปัญญาอ่อน ข้าคือฮูหยินของพวกเจ้า รีบไปเรียกคนมาเร็ว ส่งคนไปบอกอารองด้วย บอกว่ามีคนมาหาเรื่องที่ตระกูลอู๋ และทำลายใบหน้าข้า ยังบอกว่าจะทำลายล้างตระกูลอู๋ด้วย!” นางหลิวตะคอกดังด้วยความโกรธ
คนรับใช้รีบไปจัดการทันที นางหลิวไม่หันมามองพวกหยุนถิงด้านหลังเลย นางรีบวิ่งเข้าไป “ปิดประตู รีบปิดประตูเร็ว!”
คนรับใช้อีกคนยังไม่ทันปิดประตู ก็โดนหลงเอ้อร์เตะกระเด็น และเปิดประตูใหญ่ออก “คุณชาย ฮูหยิน เชิญขอรับ!”
จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิง เดินเข้าไปในประตูใหญ่
พอนางหลิวเข้าไปก็รีบเรียกรวมคนทั้งหมดมาล้อมพวกหยุนถิงเอาไว้ ท่าทางหวาดกลัวเมื่อครู่หายไปหมด กลายเป็นเหิมเกริมอย่างมาก
“พวกสารเลวอย่างพวกเจ้าไม่เพียงทำลายใบหน้าข้า ยังกล้ามาหาเรื่องถึงที่ โทษข้าไม่ได้แล้วนะ ใครก็ได้สั่งสอนพวกมันให้สาสม อัดให้ตายไปเลย!” นางหลิวตะคอกดังด้วยความโกรธ
“ขอรับ!” คนรับใช้หลายสิบคนถือไม้กระบองกระบี่กระบี่พุ่งเข้ามา
“โง่เขลานัก!” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
ชุ่ยชุ่ยและนางจัวตกใจกลัวนัก หลบหลังหยุนถิงในบัดดล
“หาเรื่องตาย!” หลงซื่อทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว อัดเตะเหล่าคนรับใช้พวกนั้นอย่างจัดเต็ม
นางหลิวรู้สึกตาลายไปชั่วครู่ ยังดูไม่ออกเลยว่าหลงซื่อลงมือยังไง แค่พริบตาเดียว เหล่าคนที่ล้อมพวกเขาไว้ก็โดนซัดกระเด็นลอยออกไป
เสียงร้องครวญครางดังไม่หยุด สะท้านก้องฟ้า ทุกคนขยับตัวไม่ได้เลย ทำเอาขนหัวลุกไปตามๆกัน
นางหลิวตกใจเข่าอ่อนทรุดลงพื้น ไม่คิดเลยจริงๆว่า คนมากมายขนาดนี้กลับสู้คนเพียงคนเดียวไม่ได้ นางตายแน่คราวนี้
หยุนถิงเหล่มองนางหลิวที่เข่าอ่อนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเย็นเยียบทะมึน “ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกคนอื่น ไม่รู้สำนึก หาเรื่องตาย!” ระหว่างพูด มือก็มีขวดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
หลงเอ้อร์รับมาทันที และเดินเข้าไปหานางหลิว
“เจ้า พวกเจ้าจะทำอะไร ใครก็ได้ช่วยข้าเร็ว—“ นางหลิวอยากจะหนี แต่ร่างกายบาดเจ็บหนักเกินไป นางคืบคลานอยู่ที่พื้นอย่างยากลำบาก
หลงเอ้อร์แงะปากนางออก ยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าไป บังคับให้นางกลืนลงไป
จากนั้นก็เห็นนางหลิวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เจ็บปวดแทบอยากตาย ดิ้นกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเผือด สองมือเกาแขนอย่างแรง จนเป็นรอยเลือด เลือดไหลแล้ว แต่นางหลิวกลับยังร้องโหยหวนและเกาแขนต่อไปอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
คนอื่นในเรือนตกใจขวัญอ่อนกันหมดแล้ว โดยเฉพาะพ่อบ้าน รีบคุกเข่าลงขอร้อง “แม่นางโปรดไว้ชีวิตด้วย ให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ”
พอคนอื่นได้ยินดังนั้น ก็รีบขอร้องอ้อนวอนกันทันที
“ไปบอกผู้อาวุโสของตระกูลอู๋พวกเจ้า ก็คือคนแก่ที่สามารถตัดสินใจได้น่ะ” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
“ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” พ่อบ้านล้มลุกคลุกคลานขึ้นมา และพาคนรับใช้หลายคนไปทันที
ไม่นาน ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลอู๋ก็มากัน พอเห็นสภาพในเรือน ก็ตกใจกันยิ่งนัก
ระหว่างทางที่มา ถึงจะฟังคนรับใช้เล่าเรื่องให้ฟังแล้ว แต่พอมาเห็นสภาพคนที่นอนเจ็บคาเรือนแล้วจริงๆ แล้วยังนางหลิวที่เจ็บปวดร้องโหยหวนอีก พวกผู้เฒ่าของตระกูลอู๋ตกใจตัวสั่นไปตามๆกัน
“ท่านสาม ท่านสี่ พวกท่านรีบเข้าไปเถอะ” พ่อบ้านบอก
ทุกคนพากันเข้าไป เห็นหยุนถิงและจวินหย่วนโยวที่นั่งอยู่ด้านใน ถึงจะไม่รู้จัก แต่ก็ตกตะลึงกับบรรยากาศรอบตัวสองคนนี้
“ไม่ทราบว่าพวกท่านทำไมถึงทำร้ายคนตระกูลอู๋ของเราจนเป็นเช่นนี้ หากตระกูลอู๋มีสิ่งใดทำมิถูกต้อง ขอพวกท่านโปรดให้หนทางรอดแก่เราด้วยเถิด” ท่านสามบอก
เขาเป็นผู้อาวุโสที่อายุมากที่สุดของตระกูลอู๋ มีปากมีเสียงอย่างมากในตระกูลอู๋
“ชุ่ยชุ่ย เจ้ามาพูด” หยุนถิงบอก
“เจ้าค่ะ พี่สาว” ชุ่ยชุ่ยเล่าเรื่องที่นางหลิวพาคนไปบังคับเก็บแอปริคอตที่ต้นแอปริคอตออกมา
ทำเอาท่านสามและท่านสี่หน้าดำทะมึน ตวาดหนักออกมาทันที “นางหลิว ป่าแอปริคอตนั่นก่อนอู๋เฉินจากไปก็ได้มอบให้สองแม่ลูกชุ่ยชุ่ยแล้ว เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดี ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย?”
ยังไม่รอนางหลิวตอบ ก็มีคนที่ดื่มเหล้าเมามายคนหนึ่งเข้ามาจากประตูใหญ่ “ไอ้สารเลวคนไหนกล้ามาก่อกวนที่ตระกูลอู๋ข้า มันคงเบื่อโลกมากแล้ว ไสหัวออกมาซะ!”
พอนางหลิวเห็นท่านรองกลับมา ก็เหมือนเห็นพระมาโปรดไม่ปาน ล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหาทันที “ท่านรองช่วยข้าด้วย พวกเขาทำลายใบหน้าข้า และยังวางยาพิษข้าด้วย?”
พอเห็นใบหน้าเลือดท่วมของนางหลิวแล้ว บวกกับสองแขนที่เลือดสาดกระจาย อู๋เหล่าเอ้อตกใจสะดุ้ง สร่างเมาไปไม่น้อย
“ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ใครทำเจ้ากัน ข้าจะจัดการมัน!”
“พวกมัน!” นางหลิวชี้ไปทางคนพวกนั้นในห้องโถง
อู๋เหล่าเอ้อเดือดดาลทะลุฟ้า คว้าไม้กระบองอันหนึ่งจากพื้นพุ่งเข้าไปในห้องโถง
เพียงแต่พอเขาเข้าไปถึงหน้าประตูห้องโถง ก็ตกตะลึงกับใบหน้าหยุนถิง
“สวรรค์ คนงาม เจ้างดงามยิ่งนัก หากเจ้ายอมอยู่กับข้า ต่อไปข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน มีลาภยศสรรเสริญไปทั้งชาติ!”
บรรยากาศข้างกายจวินหย่วนโยวลดลงไปมาก หลงเอ้อร์คิดจะลงมือ แต่โดนสายตาหยุนถิงปรามไว้
“อ้อ เจ้าบอกให้ข้าอยู่กับเจ้า แล้วนางหลิวจะทำอย่างไรเล่า?” หยุนถิงแสร้งถาม
นางหลิวที่ไล่ตามมาย่อมได้ยินคำพูดนี้แน่นอน นางถลึงตามองอู๋เหล่าเอ้ออย่างเคียดแค้น ไม่ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตานางไม่อาจเทียบหยุนถิงได้เลย เรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่นางอยู่กับอู๋เหล่าเอ้อมาหลายปีขนาดนี้ นางไม่เชื่อว่าอู๋เหล่าเอ้อจะใจไม้ไส้ระกำเพียงนี้
“เจ้าไม่ต้องสนใจนางหลิว นางตอแยข้าเอง ตอนนี้นางเสียโฉมแล้ว แค่เห็นก็อยากอ๊วก ต่อไปข้าจะไม่สนใจนางอีก สาวงามเจ้าวางใจมาอยู่กับข้าเถอะ ต่อไปเจ้าเดินกร่างในตระกูลอู๋ได้เลย” อู๋เหล่าเอ้อรีบบอก
“ได้ ข้ารับปากเจ้าได้ แต่เจ้าต้องตัดขาดกับนางหลิวก่อน ถ้าเกิดมีลูกออกมา ข้าไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงหรอกนะ!” หยุนถิงแสร้งแค่นเสียงหึ