จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 460 ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 460 ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี
ตอนนี้นางไม่ใช่ซ่างกวนหรูคนเดิมในตอนนั้นอีกแล้ว นางกับเป่ยจิ่วฉิงถูกจวินหย่วนโยวโยนลงไปในถ้ำใต้หน้าผา ไม่มีอาหารและน้ำดื่ม ถึงแม้เป่ยจิ่วฉิงจะถูกพิษหนอนกู่ถูกนางควบคุม แต่เมื่อคนเราหิวโหยสุดขีด ก็เหลือเพียงการฆ่ากันเองเท่านั้นแล้ว
ถึงแม้เป่ยจิ่วฉิงจะอายุมากแล้ว แต่อย่างไรก็เป็นผู้ชาย ด่าว่าทุบตีนางเป็นประจำทุกวัน แถมยังทำให้อับอายและระบายอารมณ์ใส่นาง ให้นางเหลือเพียงลมหายใจเฮือกเดียวเท่านั้น
ยิ่งให้นางออกไปหาของอาหารและน้ำดื่ม หากลับมาไม่ได้ เป่ยจิ่วฉิงก็จะเตะและต่อยนาง ซ่างกวนหรูเหมือนตายทั้งเป็น
ช่วงเวลานั้น นางเคยกินเปลือกไม้ ใบไม้ เคยกินหนูตาย ดื่มน้ำฝน แม้กระทั่งสุดท้ายดื่มน้ำปัสสาวะ——-เพียงเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
สุดท้ายเป่ยจิ่วฉิงไม่สามารถทนได้ ถึงกับต้องการกินเนื้อของนาง เพื่อปกป้องตัวเองซ่างกวนหรูอาศัยตอนที่เป่ยจิ่วฉิงนอนหลับ เอาก้อนหินก้อนใหญ่ทุบเขาจนตาย
ซ่างกวนหรูหนีออกมาจากถ้ำ แต่นางวิ่งไปทั่วทั้งด้านล่างหน้าผาก็หาทางออกไม่เจอ สุดท้ายก็หมดแรงและหมดสติไป
หลังจากที่นางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในเรือนแล้ว คนที่ช่วยนางเอาไว้ก็คือมู่เทียนบา
ตอนนั้นมู่เทียนบาพาลูกศิษย์ไปเก็บสมุนไพรล้ำค่าใต้หน้าผา เห็นนางเข้าโดยบังเอิญ ก็เลยช่วยนางกลับมา
นาทีนั้นซ่างกวนหรูรู้สึกขอบคุณมู่เทียนบาอย่างยิ่ง เขาเป็นคนช่วยตัวเองออกมาจากนรก
ตอนนี้ร่างกายที่ชำรุดไม่สมบูรณ์เช่นนี้ของนาง ยังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ดังนั้นซ่างกวนหรูรู้สึกซาบซึ้งมาก
มีเพียงคนที่เคยผ่านนรกมาแล้วเท่านั้น ถึงจะตระหนักได้ว่าการมีชีวิตอยู่นั้นมันยากเย็น และมีค่ามากเพียงใด
มองดูมือที่โอบเอวของตัวเองเอาไว้ เลือดทั่วทั่งร่างกายของมู่เทียนบาแข็งตัว สีหน้าตึงเครียด
นับตั้งแต่ฮูหยินเสียชีวิตไป มู่เทียนบาก็ทุ่มเทชีวิตและจิตใจศึกษาค้นคว้าเรื่องยาคนเดียวมาโดยตลอด ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
เวลานี้รู้สึกมือที่อ่อนนุ่มราวกับไม่มีกระดูกคู่นั้น มู่เทียนบาหายใจติดขัด ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง และลดละความปรารถนาไปหลายปีขนาดนี้
ถึงแม้สีหน้าของซ่างกวนหรูจะซีดขาว ร่างกายอ่อนแอ แต่มีพื้นฐานที่ไม่เลว อย่างไรก็เคยได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าเยียน และเวลานี้ก็กระตือรืนร้นเช่นนี้อีก ลมหายใจของมู่เทียนบาหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าแค่ถือโอกาสช่วยเจ้ากลับมาเท่านั้น” น้ำเสียงของมู่เทียนบาแหบแห้งเล็กน้อย
“ท่านเจ้าหอรังเกียจข้าก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ข้าไม่คู่ควรกับท่านเจ้าหอเอง ตอนนี้ข้ามีรูปลักษณ์เช่นนี้ไม่คู่ควรปรนนิบัติท่านเจ้าหอจริงๆ!” ซ่างกวนหรูกล่าวพร้อมปล่อยมือออก
มู่เทียนบาหันกลับมา ก็เห็นท่าทางที่น้อยเนื้อต่ำใจของนาง เขารีบอธิบายทันที “ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ว่าตอนนี้ข้าอายุมากแล้ว เจ้ายังอ่อนเยาว์อยู่”
“หากไม่มีท่านเจ้าหอ เกรงว่าเวลานี้ข้าคงตายไปนานแล้ว หรูเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจที่ท่านเจ้าหอไม่รังเกียจ ดังนั้นขอท่านเจ้าหอโปรดอย่ารังเกียจข้า!”ซ่างกวนหรูยื่นมือเข้า ปลดผ้าคาดเอวของมู่เทียนบา
มองดูสาวงามบอบบางที่อยู่ตรงหน้า แล้วยังกระตืนรือร้นเช่นนี้ กลิ่นหอมสดชื่นไม่ฉูดฉาดจากร่างกายนางอบอวลอยู่ในรูจมูก มู่เทียนบารู้สึกเพียงเลือดทั่วทั้งตัวเดือดพล่าน มู่เทียนบาไม่สามารถทนได้อีก อุ้มซ่างกวนหรูขึ้นมาในแนวนอน
“วางใจ ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี!”
จวินหย่วนโยวที่อยู่หน้าประตูได้ยินอย่างชัดเจน นัยน์ตาสีดำที่เฉียบคมมีความโหดเหี้ยมเล็กน้อยแว๊บผ่านไป หยิบยาออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งเม็ดแล้วโยนเข้าไปทางหน้าต่าง
ยาเม็ดนั้นก่อนหน้านี้หยุนถิงให้เขานำติดตัวมาด้วย ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ ทันทีที่ยาเม็ดออกมาก็จะระเหยในอากาศ ไร้สีไร้กลิ่น ไม่ถูกคนสังเกต
ตอนนี้มู่เทียนบากับซ่างกวนหรูก็เต็มไปด้วยตัณหาราคะอยู่แล้ว มีการช่วยเหลือเกื้อกูลของยาเม็ดนี้อีก ย่อมบ้าคลั่งสุดขีดอยู่แล้ว
จวินหย่วนโยวหันหลังเดินจากไป และไปแจ้งให้หลงยีปฏิบัติการทันที
หลงยีไปที่หลังเขาด้วยตัวเอง พาตาเฒ่าเหอที่ปลอมตัวเป็นท่านลั่วเสร็จแล้วออกมา จากนั้นก็เข้าไปในไปที่หอเทพเซียน มุ่งหน้าไปยังลานของมู่เทียนบา
ตอนนี้มู่เทียนบาอยู่ในห้องของซ่างกวนหรู เป็นโอกาสที่ดีที่สุด
เพียงแต่ว่าเมื่อหลงยีพาคนผู้นั้นมาที่ลานของมู่เทียนบา เสียงที่เย็นยะเยือกก็ดังขึ้นมา “หยุดนะ ใครใช้ให้พวกเจ้าเข้ามาในลานของท่านเจ้าหอ?”
มู่เซียวเซียวเดินเข้ามาจากด้านนอก นางมาหาท่านพ่อพอดี แต่กลับพบว่าในห้องไม่มีใครเลย
สีหน้าของหลงยีเคร่งขรึมทันที วรยุทธของมู่เซียวเซียวอยู่ในระดับปานกลาง หากลงมือขึ้นมาย่อมสามารถสยบนางได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่านางเก่งเรื่องใช้พิษ ว่ากันว่าทั่วทั้งร่างกายของนางล้วนเต็มไปด้วยพิษ พูดถึงเรื่องการใช้พิษ เช่นนั้นหลงยีย่อมสู้นางไม่ได้แน่นอน
“ถามคำถามพวกเจ้าอยู่ ทำไมถึงไม่ตอบ?” ดวงตาคู่สวยของมู่เซียวเซียวมองมาอย่างเย็นชา
มองพิจารณาและสงสัยเล็กน้อย
“เรียนคุณหนูใหญ่ ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าหอให้ศิษย์ไปส่งอาหารที่หลังเขา และให้ศิษย์สังเกตความเคลื่อนไหวของหลังเขา ดังนั้นศิษย์จึงมารายงานท่านเจ้าหอ!” หลงยีตอบ
“มีสิ่งใดผิดปกติ?” มู่เซียวเซียวถาม
“เรียนคุณหนูใหญ่ ตาเฒ่าเหอด่าท่านเจ้าหออีกแล้ว เรื่องอื่นๆไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ!” หลงยีตอบเสียงต่ำ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าออกไปเถอะ!”
“ขอรับ!” หลงยีกับคนที่อยู่ด้านข้างกำลังจะจากไป
“รอเดี๋ยวก่อน เขาคือใคร?” มู่เซียวเซียวถึงได้สังเกตเห็นคนที่อยู่ด้านข้างหลงยี
องครักษ์ลับที่ปลอมตัวเป็นท่านลั่วใจเต้นตึกตักขึ้นมา หรือว่าเขาจะเผยพิรุธอะไรออกมา มือที่อยู่ในแขนเสื้อขององครักษ์ลับคนนั้นกำหมัดเอาไว้แน่น เตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อ
“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงอยู่ในลานของท่านพ่อ ข้ามีธุระจะหาท่านพอดี” มู่ว่านว่านกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาจากนอกลาน
มู่เซียวเซียวถึงได้เก็บสายตากลับมา “เจ้าหาข้ามีธุระอะไร?”
“พี่ใหญ่ ครั้งก่อนท่านบอกว่าจะพาข้าไปเรียนรู้ยาสมุนไพรที่หลังเขาไม่ใช่หรือ ตอนนี้ข้ามีเวลาพอดี ท่านสอนข้าเถอะ” มู่ว่านว่านถาม
“เรื่องแบบนี้เจ้าหาเด็กปรุงยาโดยตรงก็พอ”
มู่ว่านว่านสีหน้าไม่พอใจ “พี่ใหญ่ ท่านก็คิดว่าข้าเป็นขยะไร้ประโยชน์ ไม่คู่ควรให้ท่านสอนใช่ไหม?”
มู่เซียวเซียวรีบอธิบายทันที “ไม่ใช่อยู่แล้ว ในใจของพี่เจ้าคือน้องสาวที่ดีที่สุด”
“แต่พี่ใหญ่ไม่สามารถปกป้องข้าได้ตลอดชีวิต ถึงแม้ข้าจะไม่มีพรสวรรค์เหมือนพี่ใหญ่ แต่ข้าก็อยากเรียนรู้ยาสมุนไพรง่ายๆเล็กน้อย เช่นนี้วันหน้าหากพบกับอันตรายเข้าก็สามารถปกป้องตัวเองได้
ครั้งนี้ข้าถึงกับถูกหยุนถิงวางแผนทำร้าย ทำให้สะดุดล้ม ชาตินี้ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ ล้มตรงไหนก็ลุกขึ้นจากตรงนั้น ทักษะทางการแพทย์ของพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมกว่านานแน่นอน ขอเพียงข้าตั้งใจเรียนรู้จากท่าน จะต้องสามารถแก้แค้นได้อย่างแน่นอน” มู่ว่านว่านกล่าวอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
ได้ยินมู่ว่านว่านชมว่าทักษะทางแพทย์ของตัวเองดีกว่าหยุนถิง มู่เซียวเซียวย่อมอารมณ์ดีอย่างมากอยู่แล้ว “ตกลง เช่นนั้นข้าจะสอนเจ้า”
“พี่ใหญ่ เราไปกันเถอะ” มู่ว่านว่านดึงนางก็จากไป
“รอเดี๋ยวก่อน ลูกศิษย์คนนี้——” มู่เซียวเซียวยังต้องการจะพูดอะไร
“พี่ใหญ่ ลูกศิษย์คนเดียวเท่านั้น ท่านจะสนใจเขาทำไมกัน หรือว่าในใจของท่านข้าที่เป็นน้องสาวคนนี้ยังสู้ลูกศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ก็ได้ ไปกันเถอะ” มู่เซียวเซียวคิดเพียงว่าตัวเองคิดมากไปเท่านั้น
ลูกศิษย์ของหอเทพเซียนล้วนผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด ภูมิหลังครอบครัวของทุกคนล้วนตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วทั้งนั้น นางน่าจะคิดมากไป
มู่ว่านว่านดึงตัวมู่เซียวเซียวจากไปแล้ว จวินหย่วนโยวที่อยู่ในที่ลับเดินออกมาทันที หลงยีสองคนวิ่งเข้ามา ทั้งสามคนเข้าไปในห้องลับที่อยู่ในเรือน
ในตอนที่จวินหย่วนโยวออกมาอีกครั้ง หลงยีก็พาท่านลั่วตัวจริงออกมา และออกไปจากหอเทพเซียนอย่างง่ายดาย จากนั้นก็หลบลูกศิษย์คนอื่นๆของหอเทพเซียน ส่งตัวท่านลั่วให้กับองครักษ์ลับที่รอด้านนอก บรรดาองครักษ์ลับพาท่านลั่วจากไป