จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 465 เป็นห่วงว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 465 เป็นห่วงว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว
“ฮ่องเต้ชาญฉลาด ขอแสดงความยินดีที่ไท่จื่อกลับมาอย่างปลอดภัย” เฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้ายพูดขึ้น
ขุนนางคนอื่นๆ รีบถวายบังคมทำความเคารพชางหลันเย่ ต่างพากันพูดชื่นชมยินดี ล้วนพูดประจบเอาใจทั้งนั้น
ยังไง ชางหลันเย่เป็นคนแรกของแคว้นชางเยว่ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นไท่จื่อและเป็นอ๋อง ซึ่งจะได้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย
องค์ชายห้าก็เดินมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพี่ไท่จื่อ ดีมากเลยที่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย”
“ถวายบังคมไท่จื่อ” องค์ชายพูดขึ้นมา
องค์ชายสี่เล่นหยกน้ำแข็งพันปีอยู่อย่างล้ำค่ามาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพี่ไท่จื่อ ต่อไปสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ เอาไว้ให้ข้าเยอะหน่อยนะ”
ชางเยว่หมิงมองดูท่าทีทุกคนชื่นชม ประสบ เยินยอชางหลันเย่ อย่างโกรธโมโหจนเส้นเอ็นกระตุก มือในแขนเสื้อกำหมัดแน่น จนเสียงดังกรอก
แย่ที่สุด ยังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่า ชางหลันเย่ยังไม่ตาย ยังใช้กลลวงกลับมายังแคว้นชางเยว่อย่างสง่างาม
เขาไปเป็นตัวประกันอยู่ในแคว้นต้าเยียนมานานหลายปี ไม่เข้าใจอำนาจภายในรสำนักของแคว้นชางเยว่ ส่วนตนเองนั้นก่อร่างสร้างมาเป็นเวลาหลายสิบปี ต่อไปใครจะตายในมือใครยังไม่รู้
หลังจากว่าราชการเช้าแล้ว ฮ่องเต้พาชางหลันเย่ไปหาหมิงเฟยด้วยตนเอง
หมิงเฟยรู้ว่าไท่จื่อกลับมาแล้ว ก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างตื่นเต้น ดวงตาแดงๆ ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เย่เอ๋อร์ของข้าไม่เป็นไร เขายังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นความจริงหรือ?”
“เจ้าอย่างตื่นเต้นขนาดนั้น เย่เอ๋อร์กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว เป็นความจริง” ฮ่องเต้พูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
ชางหลันเย่เข้ามาอย่างไม่พูดไม่จา คุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดขึ้นว่า “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่ ลูกกลับมาแล้ว”
“เย่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์ของข้า มาให้แม่ดูสิ…..” หมิงเฟยมองดูบนพื้น พยายามอดกลั้นน้ำตาที่ร่วงไหลออกไหลดั่งเขื่อนน้ำแตก
หมิงเฟยอยากกระโจนไปหา แต่ร่างกายของนางอ่อนแอมาก ฮ่องเต้ประคองนางไว้อย่างเป็นกังวล
ชางหลันเย่คุกเข่าเคลื่อนไหวมาตรงหน้าเตียง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ข้าเอง ข้ากลับมาแล้ว ลูกอกตัญญู หลายปีมานี้ไม่ได้อยู่ปรนนิบัติเสด็จแม่”
“เย่เอ๋อร์ หลายปีมานี้เจ้าลำบากแล้ว ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดี จนนั้นแม่ไม่มีทางเลือก รีบลุกขึ้นมาให้แม่ดู เย่เอ๋อร์ของข้าโตขนาดนี้แล้ว ดี ดีมากเลย……” น้ำตาหมิงเฟยร่วงไหลลงมา
ทั้งซาบซึ้ง ยินดี มีความสุข
ฮ่องเต้มองดูอยู่อย่างประทับใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เย่เอ๋อร์ ต่อไปเจ้าอาศัยอยู่ในวัง อยู่กับเสด็จของเจ้านานๆ หลายปีมานี้เสด็จแม่ของเจ้าก็ลำบากมาก”
“ขอรับ ลูกน้อมรับคำสั่ง”
“รีบเล่าให้แม่ฟัง หลายปีมานี้เจ้าอยู่ที่แคว้นต้าเยียนเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงเฟยถามขึ้นมา
“เสด็จแม่วางใจ ลูกสบายดี” ชางหลันเย่เล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ไม่ได้พูดว่าตนเองถูกรังแก ถูกทรมาน วางยาพิษ…..
ฮ่องเต้หันไปมองชางหลันเย่ ภายในดวงตาลึกๆเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พร้อมทั้งชื่นชม
เข้ารู้จักเดินหน้าถอยหลังอย่างเหมาะสม ไม่ได้พูดบ่นฟ้องร้องหมิงเฟย ทำให้ฮ่องเต้เไส้ศึกปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่
ตอนเย็นฮ่องเต้อยู่ทานข้าวที่ตำหนักหมิงเฟย เพราะชางหลันเย่กลับมาแล้ว หมิงเฟยดีใจมาก จนทานข้าวเพิ่มอีกเป็นถ้วย
ข่าวนี้รู้ไปถึงหยางเฟย หยางเฟยโกรธโมโหจนปัดโต๊ะแก้วน้ำชาหล่นตกกระจายเต็มพื้น
“น่าโมโห ชางหลันเย่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าวางแผนมานานขนาดนี้ เขากลับยังมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้” หยางเฟยพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโห
นางกลัวคนของชางเยว่หมิงพลาด จึงสั่งคนไปจับตาดู ตลอดทางไส้ศึกคนนั้นเฝ้าจับตาดูศพของชางหลันเย่ไม่ห่าง ก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
หากเขายังไม่ตายจริงๆ ตลอดทั้งเดือนนี้ไม่กินไม่ดื่มไม่เข้าห้องน้ำหรือ หยางเฟยรู้สึกแปลกใจ
“เสด็จแม่ ท่านต้องคิดหาวิธี ตอนนี้เสด็จพ่อแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋องแล้ว ท่านไม่เห็นท่าทีพวกเหล่าขุนนางพวกนั้น ที่ประจบเอาใจชางหลันเย่ หากปล่อยให้เขาสร้างฐานะมั่นคง ลูกคงจะไม่มีที่ยืนอยู่ในแคว้นชางเยว่” ชางเยว่หมิงพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโห
สีหน้าหยางเฟยโหดเหี้ยม ดวงตาคู่งามหรี่ลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านได้เป็นอ๋องแล้วยังไง ข้าสั่งสมอำนาจอยู่ในแคว้นชางเยว่มานานหลายปี เขาที่เป็นตัวประกันคนหนึ่งจะทำอะไรได้”
เจ้าส่งคนไปคอยจับตาดูชางหลันเย่ ขอเพียงจับผิดเขาได้ หรือติดต่อกับแคว้นต้าเยียน ฮ่องเต้ไม่มีทางให้อภัยแน่
ต่อให้จับไม่ได้ ข้าก็จะสร้างขึ้นมาให้เขา ชางหลันเย่สามารถหลบสายตาข้ากลับมาได้ แสดงว่าก็ไม่ใช่คนธรรมดา งั้นก็รอดูกันต่อไป
“ขอรับ ลูกจะไปทำตามรับสั่ง” ชางเยว่หมิงรีบไปทันที
…………………
หอเทพเซียน
มู่เทียนบากับซ่างกวนหรูนัวเนียกันทั้งวันทั้งคืน จนค่ำมืดวันที่สองค่อยออกมาจากห้องซ่างกวนหรู
มู่เทียนบาที่โสดมานาน จู่ๆได้สละโสด ก็เร่งเครื่องอย่างไม่สามารถหยุดได้ คิดถึงท่าทีครวญครางอยู่ใต้ร่างกายตนของซ่างกวนหรู มู่เทียนบารู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก เลือดทั้งร่างกายสูบฉีดพลุ่งพล่าน
หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงว่าร่างกายของนางทนไม่ไหว มู่เทียนบายังไม่อยากออกมา
เมื่อเขาเพิ่งออกมา มู่ว่านว่านหันไปมองดูพ่อด้วยสีหน้าเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ทำไมท่านจะต้องไปอยู่กับซ่างกวนหรู?”
มู่เทียนบาไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไง ถูกลูกสาวตนเองขวางทางอยู่ด้านนอกเรือน ไม่รู้จะสู้หน้ายังไง
“ว่านว่าน เจ้าฟังพ่อพูดก่อน…..”
“พ่อ ข้าไม่ขัดข้องที่ท่านจะมีคู่ครองใหม่ แต่ทำไมท่านจะต้องเลือกซ่างกวนหรู นางมีชื่อเสียงฉาวโฉ่อยู่ในแคว้นต้าเยียน ตอนนั้นเพื่อให้ได้ครอบครองจวินหย่วนโยว จึงขั้นวางแผนจัดการจวินหย่วนโยวภายในวัง สุดท้ายหาเรื่องใส่ตัว ถูกฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนกับทุกคนเห็นนางมั่วอยู่กับองครักษ์คนหนึ่ง
ถึงแม้เรื่องนี้ฮ่องเต้ไม่ให้ร่ำลือออกไป แต่ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ ต่อมานางหลบหนีจากการตามฆ่าของแคว้นต้าเยียน ก็พลีกายให้กับเป่ยจิ่วฉิง กลายเป็นสนมรัก ผู้หญิงหลายใจขนาดนี้ คู่ควรกับท่านพ่อได้อย่างไร” มู่ว่านว่านพูดขึ้นมา
“หุบปาก ห้ามเจ้าพูดจาลบหลู่ซ่างกวนหรู ไม่ว่าเมื่อก่อนนางเป็นยังไง นับจากนี้ต่อไปเจ้าต้องปฏิบัติต่อนางอย่างมีมารยาท” มู่เทียนบาพูดขึ้นมาอย่างโมโห
“ไม่เด็ดขาด ท่านจะหามายังไงก็ได้ แต่จะต้องไม่ใช่ซ่างกวนหรู ชื่อเสียงนับพันปีของหอเทพเซียนเรา จะเสื่อมเสียในมือหญิงโสมมอย่างนางไม่ได้” มู่ว่านว่านตะคอกพูดขึ้น
“พัฟ” เสียงตบหน้าดังขึ้น มู่เทียนบามองดูมือของตนเองที่ยกขึ้นมา อย่างตกตะลึง และก็ค่อนข้างรู้สึกผิด
มู่ว่านว่านหันมามองอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ ท่านตบหน้าข้าเพียงเพราะหญิงโสมมคนหนึ่ง”
“ว่านว่าน ข้า…..” มู่เทียนบากำลังอยากพูดอธิบาย มู่ว่านว่านกลับวิ่งร้องไห้ไปแล้ว
เขารักใคร่มู่ว่านว่านมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยลงมือทำร้ายนาง เวลานี้มู่เทียนบาก็ค่อนข้างเสียใจ แต่ก็ไม่ได้ไล่ตามไป
มู่เซียวเซียวที่อยู่ไม่ไกล มองดูภายนอกตรงหน้า ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความพอใจแล้วซะใจ
พ่อรักใคร่ว่านว่านมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ซ่างกวนหรูช่วยได้อย่างมาก
มู่เซียวเซียวเดินไปหลายก้าว พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ ว่านว่านยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไร ข้าไปปลอบนาง หลายปีมานี้ท่านตัวคนเดียว ลำบากมามากแล้ว ควรที่จะหาคู่ครองแล้ว”
มู่เทียนบามองดูลูกสาวคนโต อย่างชื่นชม พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อดีใจมาก ที่เจ้าเข้าใจข้าขนาดนี้ เจ้าไปดูว่านว่านเถอะ”
“ได้ค่ะ” มู่เซียวเซียวหันเดินจากไป มุมปากกระตุกยิ้มอย่างเย็นชา