จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 466 หยุนถิงฝันว่ามีอะไรกับซื่อจื่อ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 466 หยุนถิงฝันว่ามีอะไรกับซื่อจื่อ
มู่ว่านว่านวิ่งกลับไปที่เรือนของตนอย่างโกรธโมโห ทุบทำลายสิ่งของมากมายภายในห้องอย่างแตกกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
มู่เซียวเซียวที่เพิ่งเดินมาถึงเรือน ได้ยินเสียงสิ่งของแตกกระจายภายในห้อง ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความพอใจ พร้อมก้าวเท้าเดินเข้าไป
“ทำไมน้องสาวถึงทุบทำลายสิ่งของ?” มู่เซียวเซียวทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“พี่ใหญ่ ท่านพ่อไปมั่วอยู่กับซ่างกวนหรูแล้ว ซ่างกวนหรูคนนั้นมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ยังผ่านผู้ชายมาหลายคน พ่อชอบนางได้อย่างไร?” มู่ว่านว่านพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโห
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง พ่อกับซ่างกวนหรู ช่าง…..”
“จะต้องเป็นเพราะซ่างกวนหรู นังผู้หญิงคนนั้นยั่วยวนพ่อแน่ เมื่อกี้ข้าไปพูดกับพ่อ พ่อกลับตบหน้าข้าเพื่อซ่างกวนหรู” มู่ว่านว่านพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโห
“พ่อก็จริงๆเลย รักเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ตบตีเจ้าเพียงเพราะคนนอกคนหนึ่งได้อย่างไร?” มู่เซียวเซียวหันมามองอย่างเป็นห่วง
“บ้านหลังนี้ข้าอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” มู่ว่านว่านเดินตรงไปเอาเสื้อผ้าในตู้
“น้องสาว นี่เจ้าทำอะไร ที่นี่เป็นบ้านของเจ้า เจ้าจะไปไหน?” มู่เซียวเซียวถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“ไปไหนก็ได้ ดีกว่าอยู่ที่นี่ ต่อไปบ้านหลังนี้มีข้าก็จะไม่มีซ่างกวนหรู มีนางก็จะไม่มีข้า” มู่ว่านว่านตะคอกพูดขึ้นมา
มู่เซียวเซียวเห็นนางแบกถุงผ้าแล้วก็จะจากไปจริงๆ สีหน้าทำเป็นห่วงใย พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็ถือว่าไปเที่ยวเล่น พักผ่อนหลายวันแล้วค่อยกลับมา ช่วงนี้ข้าจะค่อยพูดกล่อมเสด็จพ่อ”
“พี่ใหญ่เจ้าต้องระวังนะ เดี๋ยวจะถูกพ่อตบตีไปด้วย” มู่ว่านว่านเดินจากไปอย่างโกรธโมโห
หลังจากมู่ว่านว่านออกไปจากหอเทพเซียน ก็ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นจริงๆ แต่ไปตามที่อยู่ที่จวินหย่วนโยวเคยบอกนางก่อนหน้านี้ ไปหาสถานที่พักของพวกองครักษ์ลับ
นางตั้งใจที่จะทำให้มู่เทียนบาโกรธโมโห แบบนี้ ตนเองออกมาจากหอเทพเซียน จะได้ไม่มีคนสงสัย
หมอเชี่ยวชาญพิษที่ถูกองครักษ์ลับรับมาพวกนั้น ได้ยินว่าคุณหนูรองแห่งหอเทพเซียนมา ต่างก็พากันมาถามไถ่
“ข้าสามารถบอกพวกเจ้าได้ว่า พ่อของข้าก็คือท่านเจ้าหอของหอเทพเซียน เป็นคนทำลายอาจารย์ฆ่าล้างทำลายบรรพบุรุษ เขาวางยาพิษท่านเจ้าหอเดิม กักขังไว้ด้านหลังเขา ป้อนยาพิษเป็นอาหารทุกวัน ทรมานเขาอย่างตายทั้งเป็น”
และพ่อของข้ายังใช้คนฝึกฝนยาพิษ ลูกศิษย์ที่เคยจงรักภักดีต่อท่านเจ้าหอเดิม ถูกพ่อของข้ากักขังไว้หลังเขาเพื่อใช้ฝึกฝนยาพิษ ภายหลังมีลูกศิษย์มากมายบาดเจ็บล้มตาย เมื่อไม่มีคนลองยาพิษ พ่อของข้าก็จับชาวบ้านใกล้เคียงมาก
ดังนั้นหลายปีมานี้ ชายหนุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านใกล้เคียงมากมายล้วนหายสาบสูญ ที่จริงพวกเขาไม่รู้ว่า ล้วนถูกพ่อของข้าสั่งคนจับตัวไปลองยาแล้ว” มู่ว่านว่านเล่าความจริงออกมาให้ฟังทั้งหมด
ทุกคนฟังอยู่อย่างตกตะลึง เนิ่นนานกว่าจะได้สติกลับมา
“ในเมื่อท่านเจ้าหอเป็นพ่อของเจ้า ทำไมเจ้าถึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้เราฟัง?” หนึ่งในคนเฒ่าคนหนึ่งถามขึ้นมา
“ข้าไม่อยากให้พ่อกระทำผิดต่อไปเรื่อย ที่ผ่านมาข้าเคยพูดโน้มน้าวพ่อแล้ว แต่เขาไม่ยอมฟัง ยังกักขังข้าไม่ให้ข้าออกไปไหน ข้าจึงไม่รู้จะทำยังไง”
หลายวันก่อนข้าเอาอาหารไปส่งที่หลังเขา เห็นร่างกายท่านเจ้าหอเดิมเน่าเปื่อย กระอักเป็นเลือด ตอนที่ข้าเป็นเด็ก ท่านเจ้าหอเดิมดีกับข้ามาก ข้าไม่อยากเห็นนางถูกทรมานไปตลอด
พ่อของข้าเข่นฆ่าชีวิตคนอย่างอำมหิต ไม่ควรได้รับการอภัย ข้าที่เป็นลูกสาวก็พูดอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้เขาทำร้ายประชาชนต่อไป ดังนั้นจึงจำต้องทำลายญาติเพื่อความยุติธรรม ขอทุกท่านช่วยข้าด้วย” มู่ว่านว่านพูดขึ้นมาอย่างมีเหตุผล วาทะเต็มไปด้วยสัจธรรม จริงใจจริงจัง ช่างน่าซาบซึ้งใจ
“หากเจ้าพูดเป็นความจริง พวกเราไม่มีทางไม่สนใจ หอเทพเซียนเป็นสำนักที่คอยช่วยเหลือคน จะคร่าทำลายชีวิตคนแบบนี้ไม่ได้” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“พูดได้ถูกต้อง ข้ากับท่านเจ้าหอเดิมเคยรู้จักกันมาก่อน งานศพของท่านเจ้าหอเดิมในตอนนั้น ข้าก็ยังไปร่วมด้วย คิดไม่ถึงว่า เขาจะถูกมู่เทียนบาวางยาพิษ แล้วกักขังไว้ พวกเราจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับท่านเจ้าหอเดิม”
“ที่ผ่านมาข้าป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ท่านเจ้าหอเดิมเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ต่อให้แลกด้วยชีวิตข้าก็จะช่วยท่านเจ้าหอเดิมออกมา”
ทุกคนเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ต่างเกลียดแค้นมู่เทียนบาอย่างมาก ท่านลั่วเสนอแผนการขึ้นมาทันที ทุกคนต่างตั้งใจฟัง
มู่ว่านว่านหันเดินออกมา สีหน้ากลับโศกเศร้า
“เจ้าทำได้ดีมาก” น้ำเสียงอันเยือกเย็นของจวินหย่วนโยวดังขึ้นมา
เมื่อกี้เขาฟังอยู่ด้านนอก ได้ยินชัดเจน มู่ว่านว่านเติบโตแล้วไม่น้อย ถึงแม้เมื่อก่อนนางถูกตามใจจนเอาแต่ใจ กำเริบเสิบสานโอหังอวดดี ตอนนี้ต้องทำเพื่อความยุติธรรมอย่างลำบากใจนาง
มู่ว่านว่านกระตุกมุมอย่างเยาะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าแค่ไม่อยากให้พ่อทำลายคนไปมากกว่านี้ เจ้ายังไม่รู้ใช่ไหม พ่อของข้าอยู่กับซ่างกวนหรูแล้ว”
“ข้าได้แจ้งเป่ยหมิงฉี่แล้ว ซ่างกวนหรูจะเป็นอิสระได้ไม่นาน” จวินหย่วนโยวพูดตอบอย่างเห็นได้ยาก
มู่ว่านว่านหันไปมองนางอย่างตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “จริงๆหรือ เจ้าบอกเป่ยหมิงฉี่แล้วจริงๆหรือ?”
“ข้าไม่เคยพูดโกหก”
“จวินหย่วนโยว ขอบใจเจ้านะ วันนี้ข้าทะเลาะกับพ่อเพราะซ่างกวนหรู ข้าทนดูนางทำตัวหน้าไม่อายแบบนั้นไม่ได้ คราวนี้ดีแล้ว เจ้าหาคนมาสั่งสอนนางแล้ว” มู่ว่านว่านรู้สึกสะใจขึ้นมาทันที
จวินหย่วนโยวเห็นตรงไม่ไกลออกไปมีนกพิราบส่งสาส์นบินมา ยกเท้าก้าวเดินไป หยิบเอาจดหมายตรงขานกพิราบมาเปิดอ่าน เห็นเนื้อหาข้างในแล้ว สีหน้าของเขาเย็นชา
โม่เหลิ่งเหยียนคนนี้ ฉวยโอกาสตอนที่ตนเองไม่อยู่ ไปยังจวนซื่อจื่ออยู่บ่อยๆ เจ้าชั่วคนนี้เห็นได้ชัดว่าคิดอยากสวมเขาให้ตนเอง น่าโมโหยิ่งนัก
จวินหย่วนโยวก้าวเดินไปในห้องหนังสือด้านข้าง หยิบพู่กันขึ้นมา เขียนจดหมายหนึ่งฉบับ ให้นกพิราบส่งสาส์นนำไปให้หยุนถิง
……………..
แคว้นต้าเยียน จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงที่กำลังนอนกลางวันตกใจตื่นขึ้นมา เมื่อกี้นางฝันว่ามีอะไรกับจวินหย่วนโยว ตอนนั้นหยุนถิงตะโกนร้องห้าม แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ เอาแต่ใจจนไปถึงที่สุด สุดท้ายหยุนถิงตกใจตื่นขึ้นมา
นางเพิ่งตั้งครรภ์ได้สองเดือน ไม่สามารถร่วมเพศได้ หยุนถิงที่ตื่นขึ้นมา ส่ายหัวเบาๆ นี่ตนเองเป็นอะไรถึงได้ฝันเปียก
“คุณหนูใหญ่ ทำไมท่านหน้าแดงขนาดนี้ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ซูหลินเดินเข้ามา แล้วถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
แก้มหยุนถิงยิ่งแดงระเรื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ค่อนข้างร้อนเท่านั้นเอง เจ้าไปช่วยข้าเอาของกินมา”
“ได้” ซูหลินกำลังจะเดินออกไป ข้ารับใช้ในเรือนคนหนึ่งวิ่งมา
“ซื่อจื่อเฟย นางจ้าวของจวนตระกูลหยุนมาขอพบ บอกว่าจนถึงตอนนี้คุณหนูหลิงก็ยังหมดสติไม่ฟื้น หมอทั่วทั้งเมืองหลวงถูกเชิญมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่หายดี ดังนั้นนางจ้าวอยากขอให้ท่านไปช่วยดูคุณหนูรอง” ข้ารับใช้พูดรายงาน
สายตาคู่งามของหยุนถิงเยือกเย็น หยุนหลิงคิดอยากทำร้ายนาง หากไม่ใช่เพราะซวนอ๋องลงมือห้ามไว้ ตอนนี้นางคงถูกฮ่องเต้ลงโทษไปแล้ว
ดังนั้น คืนที่ซวนอ๋องมาบอกให้รู้ หยุนถิงก็ให้องครักษ์เงามังกรไปยังจวนตระกูลหยุน ฝังเข็มหยุนถิงไปหลายเข็ม ในเมื่อนางดนหาที่ตาย งั้นก็ให้นางนอนไปตลอดชีวิตเถอะ
“นางยังมีหน้ามาขอร้องคุณหนูใหญ่ คุณหนูหลิงคิดอยากแทงข้างหลัง สุดท้ายกับเป็นการยกก้อนหินหล่นทับขาตนเอง สมน้ำหน้า” ซูหลินพูดขึ้นมาอย่างโมโห
หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใหญ่ห้ามไว้ นางจะบุกเข้าไปในจวนตระกูลหยุน สั่งสอนหยุนหลิงให้สะใจ
“บอกว่าข้ายังหมดสติอยู่” หยุนถิงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“ขอรับ” ข้ารับใช้รีบออกไปทันที
“คุณหนูใหญ่ นางจ้าวคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ ให้ข้าไปสั่งสอนนางดีไหม?” ซูหลินถามขึ้นมา