จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 472 ข้าเชื่อฟังเพียงซวนอ๋องเท่านั้น
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 472 ข้าเชื่อฟังเพียงซวนอ๋องเท่านั้น
โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เด็กคนนี้พูดจาไม่เกรงกลัวใดๆ โชคดีที่เขาเข้าใจหยุนถิง ไม่อย่างนั้นหากเป็นคนอื่น ก็จะคิดไปทางด้านนั้น
“เหลิ่งเหยียน นางพูดเป็นความจริงหรือไม่?” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ภายในสี่แคว้น หากนางยังช่วยไม่ได้ ก็จะไม่มีใครสามารถช่วยได้แล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา ดังก้องไปทั่วทั้งเรือน
ถึงแม้โม่เหลิ่งเหยียนจะเลือดเย็นอำมหิต โหดเหี้ยมไร้ความปรานี แต่ไม่เคยพูดโกหก และก็ไม่ใช่คนพูดความเท็จ
เขาพูดเช่นนี้แล้ว จะต้องเป็นความจริงแน่
“ดีมากเลย แม่นาง ขอร้องเจ้ารีบช่วยรักษาพี่ชายใหญ่ของข้าด้วย ไม่ว่าจะต้องใช้ยาสมุนไพรล้ำค่าราคาแพงแค่ไหน ตระกูลหานล้วนมีหมด” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานพูดขึ้นมา
หานเหล่าซานก็ไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไง แต่ชีวิตของพี่ชายใหญ่ก็สำคัญมาก จึงรีบพูดขึ้นว่า “ขอเพียงแม่นางช่วยชีวิตพี่ชายของข้า ต่อไปข้าหานเหล่าซาน ยินดีทำตามคำสั่งของเจ้า จะไม่บ่ายเบี่ยงสักคำ”
หยุนถิงเหลือบมองดูทั้งสองคน แล้วก็พูดขึ้นว่า “หากข้าจำไม่ผิด เมื่อกี้พวกเจ้าคิดอยากฆ่าข้า ตอนนี้กลับขอร้องให้ข้าช่วยเจ้าบ้านของพวกเจ้า น่าเยาะเย้ยจริงๆ”
ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานก็สีหน้าย่ำแย่ เมื่อกี้พวกเขาเสียมารยาทไปแล้วจริงๆ
เขาเดินมาหลายก้าว โค้งคำนับหยุนถิงด้วยตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอแม่นางอย่าถือสาพวกเราเลย เมื่อกี้พวกเราวู่วามไป ขออภัยด้วย ขอร้องแม่นางช่วยรักษาพี่ใหญ่เราด้วย”
หยุนถิงคิดไม่ถึงว่า ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานคนนี้จะยอมทำถึงขนาดนี้ มองดูท่าทีผมขาวและเคราขาวของเขา ถือว่าวางตัวได้จริงๆ
“ท่านปู่รอง ท่านโค้งคำนับนางทำไม ข้าว่านางหลอกลวง คิดอยากยื้อเวลา?” หานยินยินพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“ในเมื่อคุณหนูหานสงสัยในตัวข้า งั้นเจ้ารักษาเอง” หยุนถิงถามกลับ
หานยินยินพูดไม่ออก แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้แบบนี้ จึงพูดขึ้นว่า “หากข้าสามารถช่วยท่านปู่ได้ ยังต้องใช้เจ้าหรือ”
“งั้นก็หุบปาก” หยุนถิงโยนเข็มออกไป
หานยินยินไม่ทันรู้ตัว รู้สึกเพียงว่าจุดฝังเข็มเจ็บปวด กำลังอยากร้องก่นด่า กลับพบว่าตนเองพูดไม่ออก
“ยินยิน เจ้าเป็นอะไร แม่นาง นี่เจ้าทำอะไร?” หานเหล่าซานพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
“ข้าเกลียดที่คนอื่นตั้งคำถามและออกคำสั่งข้า เห็นแก่หน้าซวนอ๋อง ข้าเพียงแค่สะกดจุดของนางไว้ หากเป็นคนอื่น คงกลายเป็นใบ้ไปแล้ว” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
สายตาขุ่นมัวของผู้อาวุโสรองของตระกูลหาน มองพิจารณาดูหยุนถิง นางรูปลักษณ์ธรรมดา แต่ลักษณะท่าทีไม่ใช่คนธรรมดาแน่
แค่ที่นางสามารถรับอาวุธลับของยินยินได้อย่างคล่องแคล่ว มาที่นี่ได้คนเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงฝีมือของนางได้อย่างชัดเจน
ใช่ ผู้หญิงที่เหลิ่งเหยียนชอบ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
“ขอแม่นางช่วยเหลือ”
“ข้าเชื่อฟังเพียงซวนอ๋อง เขาให้ข้าช่วยข้าก็ช่วย” หยุนถิงตั้งใจพูดขึ้นมา
นางอยากให้คนตระกูลหานรู้ว่า ชีวิตของเจ้าบ้านตระกูลหาน ล้วนขึ้นอยู่กับคำพูดของโม่เหลิ่งเหยียนเพียงประโยคเดียว
สีหน้าทุกคนเขียวม่วงขาวดำ ตลกขบขันอย่างมาก เมื่อกี้หานยินยินยังวางแผนบีบบังคับแต่งงานให้ได้โม่เหลิ่งเหยียน ตอนนี้กลับต้องขอร้องให้คนอื่นช่วยเหลือ นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของเจ้าบ้านตระกูลหาน หากไม่มีเจ้าบ้านแล้ว สำหรับตระกูลหานถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
“ยินยิน รีบขอโทษเหลิ่งเหยียน” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ยินยิน เรื่องนี้เจ้าเป็นคนผิด ปกติพี่ใหญ่รักเจ้าที่สุด เจ้าก็ไม่อยากให้พี่ใหญ่เป็นอะไรไปใช่ไหม” หานเหล่าซานก็พูดขึ้นมา
สีหน้าหานยินยินย่ำแย่ที่สุด มองดูท่านปู่ที่หมดสติอยู่ก็เป็นห่วง จึงค่อยพูดขอโทษโม่เหลิ่งเหยียนอย่างไม่เต็มใจ
“ขอโทษ”
สายตาโม่เหลิ่งเหยียนเย็นชา แววตาเฉียบคม ไม่แม้แต่จะมองหานยินยิน แต่หันไปมองผู้อาวุโสรองของตระกูลหาน พร้อมพูดขึ้นว่า
“ซวนเฟยของข้าช่วยเจ้าบ้านตระกูลหานได้ นับจากนี้ต่อไป ข้ากับตระกูลหานจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก ขอผู้อาวุโสรอง เอาป้ายวิญญาณของแม่ข้าคืนมาให้ข้า ต่อไปไม่ว่าตระกูลหานจะเป็นหรือตาย ข้าก็จะไม่มายุ่ง” น้ำเสียงอันเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียน แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
สีหน้าผู้อาวุโสรองของตระกูลหานหนักอึ้ง เขารู้ว่าหลายปีมานี้ ที่โม่เหลิ่งเหยียนคอยปกป้องตระกูลหาน ล้วนเป็นเพราะแม่ของเขา
เขาไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่มีทางยอมให้ตระกูลหานควบคุม
“ข้ารับปากเจ้า ข้าขอสาบานในนามผู้อาวุโสรองของตระกูลหาน ต่อไปตระกูลหานไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าอีกต่อไป” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานพูดขึ้นมา
“หวังเฟย รบกวนด้วย” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมา
“ท่านอ๋องข้าพูดขึ้นมาแล้ว ข้าต้องทำตามอยู่แล้ว พวกเจ้าวางเขานอนราบ” หยุนถิงพูดพร้อมเดินไปหา
ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานกับหานเหล่าซานรีบวางนอนราบ หยุนถิงตรวจดูชีพจรของเจ้าบ้านตระกูลหาน จากนั้นก็ยื่นมือไปจับเส้นผม ฝังเข็มบนจุดฝังเข็มของเจ้าบ้านตระกูลหาน
“ท่านอ๋อง ป้อนยาให้เขา”
“ได้” โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยุนถิง ล้วงเอายาอาหารเสริมสองเม็ดมาป้อนให้กับเจ้าบ้านตระกูลหาน
การกระทำนั้นเป็นธรรมชาติ เป็นกันเอง เหมือนเป็นคู่สามีภรรยากันมานาน หานยินยินมองดูอยู่อย่างทานจนจะเป็นบ้า
รอเมื่อหานมู่ชิงพาหมอมาถึง ก็มองเห็นสตรีท้องโตคนนี้รักษาท่านปู่อยู่ เขารีบพุ่งเข้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “รีบหยุดมือ รีบปล่อยท่านปู่ของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”
โม่เหลิ่งเหยียนยกแขนขึ้นมา หานมู่ชิงก็ถูกตบกระเด็นลอยไปหลายสิบเมตร ล้มกระแทกพื้นอย่างแรง เลือดสดพุ่งกระอักออกมา
“เหลิ่งเหยียน ยั้งมือก่อน” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานร้องห้าม แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว
“พี่ใหญ่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หานยินยินวิ่งไปหาอย่างเป็นห่วง
“โม่เหลิ่งเหยียน ข้าจะฆ่าเจ้า กล้าทำร้ายท่านปู่ในตระกูลหาน” หานมู่ชิงเช็ดเลือดตรงมุมปาก แล้วก็จะลุกขึ้นมา
“มู่ชิงอย่าวุ่นวาย แม่นางคนนี้กำลังช่วยรักษาเจ้าบ้าน” หานเหล่าซานพูดอธิบาย
“นางช่วยรักษาท่านปู่ เป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ นางต้องฉวยโอกาสทำร้ายท่านปู่แน่” หานมู่ชิงไม่เชื่อ
“หากเข้าอยากฆ่าเจ้าบ้านตระกูลหาน ไม่จำเป็นต้องลงก็ได้ ยังไงเขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วัน ทำไมจะต้องลงทุนลงแรง” พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา
“พี่ใหญ่ เป็นความจริง นางบอกว่านางช่วยรักษาท่านปู่ให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งถึงสองปี แล้วท่านปู่รอง ก็ตอบตกลงที่จะคืนป้ายวิญญาณท่านแม่ของเหลิ่งเหยียนให้กับเขา” หานยินยินพูดอธิบายขึ้นมา
หานมู่ชิงฟังแล้วค่อยวางใจลง ถึงแม้เขาจะไม่ชอบโม่เหลิ่งเหยียน แต่ก็รู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนเป็นคนกตัญญู หลายปีมานี้ เพราะท่านปู่มีบุญเคยคุณเลี้ยงดูท่านแม่ของเขา เขาจึงคอยปกป้องตระกูลหาน
ไม่นาน หยุนถิงเก็บถอนเข็ม พร้อมพูดขึ้นว่า “เสร็จแล้ว ยาพวกนี้ให้เจ้าบ้านตระกูลหานดื่มวันละครั้งก็พอ อีกห้าวันเขาก็จะหายเป็นปกติ มีชีวิตอยู่ได้อีกสองปีไม่ใช่ปัญหา แต่หลังจากปีแล้วข้าก็ไม่สามารถรับประกันได้”
“เช่นนี้ ขอบคุณแม่นางจริงๆ” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานพูดขึ้นมาอย่างซาบซึ้ง
“พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพูดเป็นความจริง ท่านปู่ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย หากเจ้าหลอกลวงจะทำอย่างไร?” หานมู่ชิงพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
“เจ้าไม่เชื่อข้าก็ได้ แต่ซวนอ๋องอยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็ไม่เชื่อเขาหรือ?” หยุนถิงถามกลับ
คำพูดประโยคเดียว ทำให้หานมู่ชิงเถียงไม่ออก
“ป้ายวิญญาณ” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“เจ้าสาม เจ้าพาเหลิ่งเหยียนไปเอาป้ายวิญญาณของเหล่ยเอ๋อร์มาด้วยตนเอง” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานพูดขึ้นมา
“ครับ พี่รอง” หานเหล่าซานเดินออกไป โม่เหลิ่งเหยียนยกเท้าเดินตามไป
เห็นโม่เหลิ่งเหยียนไปแล้ว สายตาคู่งามของหานยินยินฉายแววชั่วร้ายโหดเหี้ยม นางฉวยโอกาสตอนที่หยุนถิงไม่ทันได้สนใจตนเอง เดินอ้อมไปด้านหลังหยุนถิง อาวุธลับที่อยู่ในแขนเสื้อพุ่งไปหาหยุนถิง