จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 478 เจ้าสงสัยนาง เพราะมีเหตุผลอื่น
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 478 เจ้าสงสัยนาง เพราะมีเหตุผลอื่น
“จวินซื่อจื่อไม่ต้องโกรธ ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด องค์หญิงใหญ่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่ง่ายกว่าทุกคนจะได้มารวมตัวกันในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ทุกคนไม่ต้องถือสากับเรื่องเล็กพวกนี้ มา ข้าเคารพองค์หญิงใหญ่หนึ่งแก้ว” ฮูหยินผิงปั๋วโหวพูดขึ้นมา แก้วขึ้นมาแล้วก็ดื่มไปจนหมด
“ไม่ผิด ไม่ง่ายที่ทุกคนมาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับข้า ข้ายินดีอย่างยิ่ง หากใครกล้าก่อเรื่อง ข้าจะไม่ให้อภัย องค์หญิงใหญ่ ยกแก้วขึ้นมาแล้วก็ดื่มจนหมด”
เมื่อคนอื่นเห็นแล้ว ต่างก็มาชนแก้ว เรื่องวุ่นวายก็จบลงเพียงเท่านี้
หยุนถิงก็ไม่ถือสา ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นมาว่า “ซื่อจื่อ ข้าอยากกินองุ่น”
“ได้ ข้าช่วยปอกเปลือกให้เจ้า” จวินหย่วนโยวเอื้อมมือไปช่วยนางปอกเปลือกองุ่น จากก็ป้อนใส่ปากหยุนถิง หยุนถิงก็อ้าปากกินเข้าไป
ทั้งสองคนไม่สนใจใคร คนหนึ่งก็ปอกเปลือกอยู่อย่างตั้งใจ คนหนึ่งก็กินอยู่อย่างเอร็ดอร่อย พอดรักกันให้คนอื่นอิจฉา
โม่เหลิ่งเหยียนเห็นองุ่นบนโต๊ะของพวกเขาเหลือน้อยแล้ว จึงยื่นจานบนโต๊ะของตนเองไปให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ชอบกิน ยกให้เจ้า”
“ขอบคุณ” หยุนถิงเอื้อมมือจะไปรับมา
จวินหย่วนโยวกลับคว้าจับมือหยุนถิงไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อเฟยอยากกิน ก็ให้คนเอามาให้ใหม่ ไม่รบกวนซวนอ๋อง”
ทำดีหวังผล เขาไม่ลืมว่าโม่เหลิ่งเหยียนช่วยโอกาสตอนที่ตนเองไม่อยู่ โผล่หน้ามาหาหยุนถิงอยู่บ่อยครั้ง
โม่เหลิ่งเหยียนก็ไม่โกรธ มือที่ถือจานอยู่ก็เอากลับมา
“ถึงว่าคนอื่นต่างร่ำลือกันว่าซวนอ๋องรู้สึกกับคุณหนูหยุนอย่างไม่ธรรมดา วันนี้เห็นแล้วก็แทบไม่อยากเชื่อ ต่อหน้าจวินซื่อจื่อคุณหนูหยุนยังปฏิบัติต่อซวนอ๋องแบบนี้ คนไม่รู้ยังจะคิดว่าพวกเจ้าแอบคิดอะไรต่อกัน” ฮูหยินกั๋วโก๋ที่อยู่ตรงข้ามพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
เพิ่งพูดเสร็จ สีหน้าโม่เหลิ่งเหยียนก็เยือกเย็นลง จานในมือก็บินลอยออกไป
ส่วนสีหน้าจวินหย่วนโยวก็ยิ่งเยือกเย็น ดวงตาดำหันไปมองตรงข้ามอย่างเฉียบคม พร้อมฟาดฝ่ามือโจมตีไปอย่างรุนแรง
“อ้าก” เสียงฮูหยินกั๋วโก๋ร้องเรียกขึ้นมา ทั้งคนพร้อมโต๊ะตรงหน้า ยังมีอาหารผลไม้บนโต๊ะล้วนถูกตบลอยกระเด็นออกไป
ทุกคนมองอยู่อย่างตกตะลึง ตกใจจนสีหน้าขาวซีด ล้วนต่างหลบไปอยู่ด้านข้าง กลัวว่าตนเองจะโดนลูกหลงไปด้วย
ฮูหยินกั๋วโก๋กระเด็นลอยไปหลายเมตร กระแทกโดนเสาหินในลาน กระอักออกมาเป็นเลือดแล้วหมดสติไปทันที ขยับเขยื้อนไม่ได้
“ซื่อจื่อเฟยของข้า ใครก็ห้ามดูถูกเหยียดหยาม หากใครกล้าพูดถึงเรื่องแบบนี้อีก ข้าจะให้คนคนนั้นต้องตายทั้งเป็น” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโห
“ข้ากับหยุนถิง เป็นแค่เพียงเพื่อนกัน หากใครกล้าพูดขึ้นมาเอง ข้าจะทำให้นางเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้” โม่เหลิ่งเหยียนพูดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จวินซื่อจื่อบวกกับซวนอ๋อง เท่ากับเป็นมัจจุราชกับอสูรร้าย ไม่ว่าใครคนไหนก็ไม่สามารถล่วงเกินได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตั้งสองคน
นอกเสียจากตนเองไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ค่อยกล้ามีเรื่องกับสองคนนี้
ทุกคนต่างกลืนน้ำลายลงคอ โชคดีที่ตนเองไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ฮูหยินกั๋วโก๋คนนี้ โง่เง่าอย่างที่สุด นี่ไม่เป็นการดนหาที่ตายหรือ
บรรยากาศภายในงานเลี้ยงต่ำลงเป็นศูนย์ ทุกคนแทบไม่กล้าหายใจ กลัวว่าตนเองเดือดร้อน
โม่ฉือชิงที่ปกติไม่เกรงกลัวอะไร มือที่ถือจอกเหล้าไว้ก็ยังสั่นเทา สองคนนี้โกรธโมโห เขาไม่ได้อยากเป็นเถ้าถ่าน
องค์หญิงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลัก เหลือบมองดูทั้งสองคน แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “จวินซื่อจื่อกับซวนอ๋อง อย่าได้ถือสานางที่เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง นางกำนัล พาตัวฮูหยินกั๋วโก๋ออกไป”
“เพคะ” นางกำนัลสองคนเดินมา หิ้วตัวฮูหยินกั๋วโก๋แล้วพาออกไป
“องค์หญิงใหญ่โปรดอภัย ซื่อจื่อข้าแค่เป็นห่วงข้าเกินไป ดังนั้นจึงทำเช่นนี้” หยุนถิงพูดขึ้นมา
“ไม่เป็นไร จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยรักกันอย่างลึกซึ้งขนาดนี้ ข้าเห็นแล้วก็ซึ้งใจ รักแท้นั้นหายากในโลก การที่คนสองคนรักใคร่กันนั้นเป็นสี่สำคัญที่สุด และหายากจริงๆ” องค์หญิงใหญ่พูดขึ้นมา
“ช่วงนี้ข้าเรียนระบำชายแดนทางใต้มาใหม่ หวังว่าทุกคนจะไม่รังเกียจ” ซูชิงโยวพูดขึ้นมา
“ได้”
“ขอบคุณองค์หญิงใหญ่” ซูชิงโยวเดินไปยังที่ว่างตรงกลาง
นักดนตรีที่อยู่ด้านข้างเริ่มบรรเลง ซูชิงโยวเต้นขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ไม่อ่อนช้อยเหมือนอย่างผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เวลานี้ซูชิงโยวแข็งแกร่งแต่อ่อนหวาน นุ่มนวลและมีเสน่ห์ แฝงไปด้วยความขี้เล่น แฝงไปด้วยความกล้าหาญ แฝงไปด้วยความน่ารัก ดึงดูดผู้คนมากมาย
ฮูหยินหลี่หันไปมองซูชิงโยว ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติตระกูล หรือการกระทำใด รูปร่างหน้าตา ล้วนเป็นอันดับหนึ่ง ที่สำคัญยังเป็นเพื่อนที่ดีของหยุนถิง ทำให้นางค่อนข้างพอใจ
หยุนถิงอ้าปากทานองุ่นเข้าไปอีกหนึ่งลูก พร้อมชื่นชมระบำของซูชิงโยว
“เฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้ายแคว้นเทียนจิ่ว เป็นคนเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ทำไมถึงได้ชอบฮูหยินกั๋วโก๋ ผู้หญิงงี่เง่าคนนี้ ช่างเป็นคนที่ชอบคนประเภทเดียวกันจริงๆ” โม่ฉือชิงที่อยู่ข้างพูดขึ้นมา
หยุนถิงเลิกคิ้วหันมามอง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดว่าเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้ายแคว้นเทียนจิ่วเฉลียวฉลาด?”
“แน่นอนสิ ที่ผ่านมาข้าได้เจรจากับเขาเกี่ยวกับการชำระภาษีของร้านค้า เจ้าเฒ่าคนนั้นฉลาดอย่างมาก ตอนแรกเรียกขานข้าเป็นสหาย ให้ข้าชะล่าใจ จากนั้นก็ใช้แผนสาวงาม อาหารเลิศรส สุราดีทั้งหมดมาหลอกล่อ เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้ข้าคล้อยตาม สุดท้ายฉวยโอกาสตอนที่ข้าดื่มเมาแล้วค่อยคุยตกลงงานกัน ดังนั้นข้าจึงเซ็นสัญญาไปอย่างไม่มีสติ ซึ่งสูงยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้สามเท่า เจ้าว่าชั่วช้าไหม” โม่ฉือชิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“นั่นเป็นเพราะเจ้าโง่เอง” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“เจ้าสิโง่ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาชั่วช้าขนาดนั้น”
“คนที่สามารถได้เป็นถึงเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้าย หากไม่มีความคิดอ่านเลย จะเข้ามาถึงในราชสำนักได้อย่างไร” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมา
“ความสัมพันธ์ระหว่างเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้ายคนนั้นกับฮูหยินกั๋วโก๋เป็นอย่างไร?” หยุนถิงถามขึ้นมา
“ดีอย่างมาก เฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้ายมีสนมตั้งหลายคน ได้ยินว่าฮูหยินกั๋วโก๋เพิ่งเข้าไปในจวน สนมก็มาหาเรื่อง คิดอยากตบหน้าแคว้นต้าเยียน สุดท้ายล้วนถูกฮูหยินกั๋วโก๋จัดการ สุดท้ายเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้าย ขับไล่สนมทิ้งไปหมด ตอนนี้เรือนหลังมีนางเพียงคนเดียว” โม่ฉือชิงพูดตอบ
ดวงตาคู่งามของหยุนถิงฉายแววเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “หลงเอ้อ เจ้าไปจับตาดูฮูหยินกั๋วโก๋”
“ขอรับ” หลงเอ้อเดินจากไปอย่างไม่พูดไม่จา
“หยุนถิง ทำไมเจ้าจะต้องให้หลงเอ้อไปจับตาดูนาง หรือเจ้าคิดอยากแก้แค้น?” โม่ฉือชิงถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“ในเมื่อเจ้าพูดว่าเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้าย เฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ แล้วนางจะชอบผู้หญิงที่โง่เง่าขนาดนี้ได้อย่างไร”
“ดังนั้นเจ้าสงสัยว่าฮูหยินกั๋วโก๋มีเป้าหมายอื่น” สีหน้าจวินหย่วนโยวเยือกเย็น
“ไม่ผิด ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนต่างรู้ว่าเจ้ารักข้าแค่ไหน หากมีสมองหน่อย ก็จะไม่มารนหาที่ตาย นางพยายามมาหาเรื่องอยู่หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าตั้งใจ ข้ากลัวว่านางมีเป้าหมายอื่น”
“หมิงจิ่วซาง เจ้าก็ไป” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“ได้เลย” หมิงจิ่วซางที่แปลงเป็นผู้ติดตามยกเท้าตามไป
จวินหย่วนโยวเหลือบมองดู ไม่พูดว่าอะไร
“ซื่อจื่อ จวนองค์หญิงใหญ่นี้ มีอะไรพิเศษไหม?” หยุนถิงถามขึ้นมา
“หากจะพูดว่าพิเศษ งั้นก็เป็นชายรูปงามมากมายหลังเรือนจวนองค์หญิงใหญ่แล้ว” โม่ฉือชิงพูดแทรกขึ้นมา
หยุนถิงมองเมินใส่เขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าหมายถึงตราอำนาจสั่งการทหาร หรือแผนที่ป้องกันหรืออะไรทำนองนั้น พวกสิ่งที่เป็นความลับอะไรแบบนั้น?”
คิ้วเข้มหล่อเหลาของจวินหย่วนโยว ขมวดเล็กน้อย ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “จวนองค์หญิงใหญ่มีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งพอดี แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่มี”
“คืออะไร?”