จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 487 ถิงเอ๋อร์ ข้าจะพยายามนะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 487 ถิงเอ๋อร์ ข้าจะพยายามนะ
“ซื่อจื่อ ท่านนี่น่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างรังเกียจ
“ใช่หรือ ข้ารู้สึกว่าดีมากเลยนะ ในเมื่อร่างกายเจ้า ข้าก็เห็นมาหมดแล้ว จะมาเขินอายไปทำไม ข้าได้ยินหมอหลวงหลิวพูดมาว่า ตอนหญิงสาวคลอดลูกแล้วต้องอยู่ไฟนั้น ห้ามลงจากเตียงไปเด็ดขาด”
“ปกติจะมีคนจากบ้านแม่มาดูแลปรนนิบัติ แต่ว่าคนทางบ้านแม่เจ้าจากไปเร็ว ไว้ถึงเวลาเดี๋ยวข้าจะดูแลเจ้ากับลูกเอง พอดีเลยตอนนี้มาเรียนรู้ล่วงหน้าสักหน่อย ก็ดีเหมือนกัน!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา
หยุนถิงฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งมาก ปกติแล้วเวลาอยู่ไฟผู้ชายมักจะหลีกเลี่ยง เพราะว่าต้องเห็นเลือดมันไม่ค่อยดี แต่ซื่อจื่อกลับพูดคำพูดแบบนี้ออกมา ช่างทำให้จิตใจของหยุนถิงรู้สึกอบอุ่นมากจริง ๆ
“ซื่อจื่อ ข้ารู้สึกดีใจมาก แต่ว่าไม่ต้องหรอกนะ พอถึงตอนนั้นให้ซูเอ๋อร์มาดูแลข้า แล้วก็มีซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ด้วย ท่านไม่ต้องหรอก” หยุนถิงตอบกลับไป
“ไม่ได้ แบบนั้นมันจะไปเหมือนกันได้ยังไง พวกนางจะดูแลได้ละเอียดเท่าข้าหรือ ตกลงตามนี้แหละ เข้าแค่วางใจคลอดไปก็พอแล้ว เรื่องอื่นมอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!” จวินหย่วนโยวตัดสินใจขึ้นมาอย่างวางอำนาจ
หยุนถิงยิ้มอย่างดีใจขึ้นมา แล้วไม่พูดอะไรอีก ในเมื่อเวลามันยังมีอีกเยอะ
“วันนี้ฝ่าบาทส่งคนมา บอกว่าฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่อีกสามวันที่จะถึงนี้จะให้เจ้ากับข้าไปเข้าร่วมด้วย หรือว่าพวกเราไม่ไปกันดีกว่า ตอนนี้เจ้าต้องการพักผ่อนดี ๆ แล้ว?” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา
เขาสามารถปฏิเสธไปได้เลย แต่ก็กลัวหยุนถิงจะไม่พอใจ ดังนั้นตอนนี้ไม่ว่าในจวนซื่อจื่อจะมีเรื่องอะไร ซื่อจื่อก็จะถามหยุนถิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
“ฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ต้องไปทำอะไร แล้วพี่ชายข้าจะไปด้วยหรือเปล่า?” หยุนถิงถามขึ้นมา
“ปีก่อน ๆ ฝ่าบาทจะพาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปที่ไร่ของหลวงทางเขตภาคเหนือเที่ยวหนึ่ง ไปดูสถานการณ์ของการเก็บเกี่ยว และแสดงความเมตตาต่อประชาชน ด้านหลังของที่นั่นติดกับภูเขาใหญ่ สามารถล่าสัตว์ได้ แล้วก็สามารถทำกิจกรรมบันเทิงได้ ยังมีที่พักอาศัย ปกติแล้วจะไปสักสามถึงห้าวันก็กลับมาแล้ว”
“ได้ยินมาว่าปีนี้ฝ่าบาทจะจัดกิจกรรมเก็บเกี่ยวในไร่นาหลวงด้วย ดังนั้นทางด้านนั้นน่าจะคึกคักมาก สำหรับแม่ทัพหยุน ทุกปีเขาจะรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยให้กับไร่นาหลวง” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา
“งั้นก็ดีมากเลย ต้องไปแน่นอน นี่เป็นโอกาสดีที่ฟ้าประธานแล้ว จะได้จับคู่พี่ชายข้ากับซูชิงโยวเลย” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างดีใจมากเลย
“เจ้านี่” จวินหย่วนโยวลูบหัวนางอย่างรักใคร่ “เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรสักหน่อย”
“อะไรหรือ?” หยุนถิงถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“ถึงแล้วเจ้าก็รู้เอง” จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงเข้าไปที่ห้องด้านข้าง
ก็เห็นบนโต๊ะมีของแกะสลักวางอยู่มากมาย ด้วย……ของอย่างอื่นอีกมากมายที่เพิ่งทำไปได้ครึ่งเดียว ยังมองเห็นลักษณะได้ไม่ชัดเจน
“ซื่อจื่อ ของพวกนี้คือ?”
“นี่เป็นของที่ข้าแกะสลักเองกับมือ เอาไว้ให้ลูกเราเล่น” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา
หยุนถิงรู้สึกแปลกใจมาก เดินเข้าไปหยิบตุ๊กตาม้าไม้ขึ้นมาดู “คิดไม่ถึงเลยว่าซื่อจื่อจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย ดูเหมือนของจริงมาก ดูสวยงามมาก ต่อไปท่านสามารถเปิดร้านขายของแกะสลักได้แล้ว”
จวินหย่วนโยวสีหน้ามืดมนขึ้น “ในสี่แคว้นนี้ มีแต่ลูกชายข้าเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ คนอื่นอย่ามาหวังเลย”
“ฮา ฮา ท่านรู้ได้ยังไงว่าจะเป็นลูกชาย แล้วถ้าเกิดเป็นลูกสาวล่ะ?” หยุนถิงหยอกเขาเล่นอย่างได้ใจ
“ลูกสาวข้าก็ชอบเหมือนกัน ชอบให้เหมือนพ่อ หน้าตาต้องดูดีเหมือนข้า ก่อนหน้านี้ข้าให้คนไปทำกุญแจอายุยืนไว้สิบอันแล้ว มีลูกหลานเยอะจะได้มีบารมีเยอะ ดังนั้นถิงเอ๋อร์ข้าจะพยายามต่อไปแน่นอน!” น้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟังของจวินหย่วนโยวดังลอยมา เขากอดหยุนถิงมาจากด้านหลัง
ใบหน้าของหยุนถิงแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แม้แต่ใบหูก็ยังแดงไปด้วย “ซื่อจื่อ ท่านเห็นว่าข้าเป็นหมูหรือไง?”
“ถ้าเจ้าเป็นหมูตัวเมีย งั้นข้าก็จะเป็นหมูตัวผู้เป็นเพื่อนเจ้า!”
“ฮา ฮา!” หยุนถิงถูกเขาทำให้หัวเราะขึ้นมาเลย
ระดับชั้นความหน้าด้านแบบซื่อจื่อนี่ คนทั่วไปเทียบไม่ได้เลยจริง ๆ
แต่ว่า นางชอบ
จวินหย่วนโยวสูดดมกลิ่นหอมหวานจาง ๆ บนตัวหยุนถิงไป แล้วก้มหน้ามองใบหูที่แดงระเรื่อของนางเล็กน้อย ก็รู้สึกว่าน่ารักมาก จึงชิดเข้าไปจูบใบหูเล็ก ๆ ของนางทีหนึ่ง
ความรู้สึกเสียวซ่าน แผ่ซ่านจากใบหูไปถึงจิตใจทันที ร่างกายหยุนถิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหูเป็นจุดที่นางอ่อนไหวที่สุด ทุกครั้งที่ซื่อจื่อแตะใบหูนาง ร่างกายของหยุนถิงทั้งตัวก็จะอ่อนปวกเปียกไปเลย
“อย่าเล่นซิซื่อจื่อ” น้ำเสียงของหยุนถิงมีความอ่อนช้อยเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
“ข้าไม่ได้เล่น” จวินหย่วนโยวไม่ค่อยได้เห็นหยุนถิงเขินอายแบบนี้บ่อยนัก จึงจูบนางไปอีกที
หยุนถิงเบ้ปากขึ้นมา แล้วแกล้งทำเป็นโมโหขึ้นว่า “ซื่อจื่อ ถ้าท่านยังทำแบบนี้อีกข้าจะไม่สนใจท่านแล้วนะ”
“งั้นข้าสนใจเจ้าเอง”
“น่ารังเกียจที่สุด” หยุนถิงโต้แย้งกลับไป
“ข้าชอบความรังเกียจของเจ้า ถิงเอ๋อร์พวกเราไม่ได้ทำอะไรอย่างว่ามานานแล้วนะ จะ……ได้หรือเปล่า” ปากของจวินหย่วนโยวกำลังขอความคิดเห็นจากหยุนถิงอยู่ แต่กลับเอาหน้าไปซุกไว้ที่ซอกคอนางแล้ว
ลมหายใจอุ่นร้อน แฝงกลิ่นอายหอมอำพันทองแบบที่คุ้นเคยแผ่ซ่านเข้ามา ทำให้ใจของหยุนถิงเต้นเร็วขึ้นมาหลายส่วน
“ซื่อจื่อ อย่า……”
จวินหย่วนโยวไม่รอให้นางปฏิเสธ ก็โน้มตัวลงมาจูบลงบนใบหน้าหยุนถิง จากนั้นมือใหญ่ก็รวบตัวนางพลิกกลับมา แล้วก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากหยุนถิง
มือของหยุนถิงกำเข้าหากันอัตโนมัติ อยากจะผลักเขาออก แต่กลับถูกจวินหย่วนโยวกอดรัดแน่มากขึ้น
ตั้งแต่ที่หยุนถิงตั้งท้องมา จวินหย่วนโยวก็ระมัดระวังมาตลอด และก็พยายามควบคุมตัวมาก ตอนนี้ในห้องที่กว้างใหญ่มีแต่พวกเขาสองคน ลมหายใจของอีกฝ่ายต่างก็สัมผัสถึงกันได้ แล้วจวินหย่วนโยวจะอดทนต่อไปอีกได้ยังไง
ถึงแม้ว่าจูบของเขาจะร้อนแรง แต่ก็เต็มไปด้วยความสะกดกั้น ราวกับกลัวว่าจะทำให้หยุนถิงตกใจ กลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ ดังนั้นจึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก แล้วใช้แรงมากเช่นกัน
แน่นอนว่าหยุนถิงรู้ว่าซื่อจื่อกำลังพยายามอดกลั้นอยู่ จึงรู้สึกปวดใจมาก มือทั้งคู่โอบกอดคอของจวินหย่วนโยวเอาไว้ และตอบสนองจูบของเขาไป
ดวงตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความดีใจและซาบซึ้ง มือใหญ่ก็ยิ่งกอดหยุนถิงแน่นเข้าไปอีก แต่กลับไม่กล้าใช้แรงมากเกินไป กลัวจะรัดถูกตัวนางเข้า
วินาทีนี้ จวินหย่วนโยวรู้สึกเสียใจแล้ว ทำไมตัวเองถึงไม่อดกลั้นอีกนิดนะ ถ้าเกิดมีลูกช้าอีกหน่อยจะดีมากแค่ไหน นี่มันตัวเองทำร้ายตัวเองชัด ๆ
ห้องที่กว้างใหญ่ ทั้งสองคนโอบกอดและจูบกันไป ใจสองดวงใกล้ชิดกันเช่นนี้
……
ที่หอเทพเซียน
ตั้งแต่มู่เทียนบามาพักที่เรือนของซ่างกวนหรู ลูกศิษย์ทั้งสำนักหอเทพเซียนต่างก็เคารพนอบน้อมต่อซ่างกวนหรูมากขึ้นเยอะ เพราะว่าท่านเจ้าหอรักนางมากขนาดนี้ และไม่เสียใจที่ทำให้คุณหนูรองโกรธจนหนีไป เห็นได้ชัดเลยว่าต้องได้เป็นคนที่จะมาเป็นฮูหยินของท่านเจ้าหอแน่นอน
ซ่างกวนหรูจ้องมองผู้คนคำนับให้ตัวเอง ท่าทางนอบน้อม ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
วันนี้มู่เทียนบามาค้างที่เรือนของซ่างกวนหรูอีกแล้ว พอผ่านลมฝนมารอบหนึ่งแล้ว ทั้งสองคนก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แล้วก็นอนหลับสนิทกันไป
ค่ำคืนที่ดำสนิท ประตูใหญ่ของหอเทพเซียนถูกคนเปิดออกจากด้านใน เป่ยหมิงฉี่นำกลุ่มลูกน้องฝ่าเข้ามาเข่นฆ่าเลย
จากที่สังเกตการณ์ในช่วงที่ผ่านมา เป่ยหมิงฉี่ให้คนนำลูกศิษย์ที่ไม่เคยทำร้ายใครมาก่อนในหอเทพเซียน และก็พวกลูกศิษย์ที่เป็นคนดีไม่ยอมให้บีบบังคับออกไป คนที่หลงเหลืออยู่จึงมีแต่พวกสมุนของมู่เทียนบา พวกทำร้ายชาวบ้าน พวกเอาคนมาเป็นหนูลองยา ทำเรื่องชั่วช้ามาแล้วนับไปถ้วน……
เป่ยหมิงฉี่พาคนไปฆ่าพวกมือขวาของมู่เทียนบาจนหมด อย่างไม่มีเยื่อใยสักนิด
ค่ำคืนนี้มู่เซียวเซียวอยู่ในห้องลองยากำลังทดลองทำเม็ดยาอยู่ พอได้ยินด้านนอกมีความเคลื่อนไหว ออกมาดูก็เห็นลูกศิษย์คนหนึ่งนอนจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ใครทำร้ายเจ้า?”
“คุณหนูใหญ่รีบหนีไป มีคนมาลอบจู่โจม!” คนคนนั้นพูดจบก็สิ้นใจไปเลย
มู่เซียวเซียวตัวแข็งทื่อไป ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากที่ไม่ไกล สีหน้านางเย็นชาลง นี่ตกลงเป็นใครกันถึงกล้ามาลอบจู่โจมหอเทพเซียน และที่สำคัญยังทำได้แนบเนียนจนไม่มีใครรู้เช่นนี้
มู่เซียวเซียวจ้องมองไปทางเรือนของซ่างกวนหรูทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไปส่งข่าวให้กับมู่เทียนบาและซ่างกวนหรู กลับหมุนตัวไป แล้วฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็นนาง หลบหนีเข้าไปยังช่องทางลับ