จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 490 หนึ่งเดียวในสี่แคว้น เพียงพอแล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 490 หนึ่งเดียวในสี่แคว้น เพียงพอแล้ว
พอคำพูดนี้พูดออกไป ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงขึ้นมา!
ทุกคนต่างก็หันมองไปด้านหลังตรงที่ไม่ไกลมากนัก ก็เห็นว่าคือซวนอ๋องจริง ๆ แล้วทุกคนก็ตกใจจนสะดุ้ง
ซวนอ๋องเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและเฉียบขาด ระดับความโหดเหี้ยมของฝีมือนั้นไม่แพ้ให้กับจวินหย่วนโยวเลย และที่สำคัญเขาเป็นคนอารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน ไม่ว่าใครที่ไปล่วงเกินเขาจะต้องอยู่เหมือนตายทั้งเป็นเลย
ในวินาทีนี้ ทุกคนต่างก็เป็นห่วงคุณหนูหลี โง่หรือเปล่า ถึงได้กล้าพูดว่าจะเอาอาวุธของซวนอ๋องมาทดลอง นี่มันดื้อดึงรนหาที่ตายชัด ๆ
กลับเป็นหยุนหลีที่ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ก้าวเท้าเดินไปทางโม่เหลิ่งเหยียนเลย
“ซวนอ๋อง คนคนนี้สงสัยว่าอาวุธของข้านั้นจ้างคนมาทดลอง จะสามารถเอาอาวุธของท่านมาทดลองหน่อยได้ไหม ถ้าเกิดฟันอาวุธของท่านหักจริง ๆ ท่านก็เลือกอาวุธในร้านข้าได้ตามสบายเลย อาวุธพวกนี้พี่สาวข้าเป็นคนออกแบบเองกับมือเลยนะ!” หยุนหลีพูดขึ้นมาอย่างสบายใจ
โม่เหลิ่งเหยียนสีหน้าเย็นชามืดมน มองมาที่หยุนหลีอย่างไม่มีปฏิกิริยาอะไร
โม่จิ่วอดไม่ได้ที่ช่วยปาดเหงื่อแทนนางทีหนึ่ง คุณหนูหลีคนนี้ถึงกับจะเอาอาวุธของท่านอ๋องของเขามาทดลอง ทั้งสี่แคว้นนี้ยังไม่มีใครกล้ามีความคิดแบบนี้เลย นางช่างใจกล้ามากจริง ๆ
ผู้คนต่างก็นึกว่าซวนอ๋องจะต้องสับหยุนหลีให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น หรือจับแยกชิ้นส่วนแน่ ๆ แต่กลับเห็นมุมปากที่เย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนค่อย ๆ คลี่ขึ้นมา “ข้อเสนอนี้ของคุณหนูหลีไม่เลวเลย ข้าก็อยากทดลองความสามารถของร้านขายอาวุธสักหน่อยเช่นกัน!”
พวกชาวบ้านต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้างไปเลย ซวนอ๋องที่สูงส่ง เยือกเย็น และกระหายเลือดมาตลอด ไม่เพียงไม่ลงโทษคุณหนูหลี แต่กลับให้ความร่วมมือด้วย เรื่องนี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ
“เช่นนั้นก็ดีเลย ซวนอ๋องเชิญเถอะ!” หยุนหลีพูดขึ้นมาอย่างสบายใจ แล้วชูมีดสั้นในมือขึ้นมา
โม่เหลิ่งเหยียนสะบัดแขนเสื้อขึ้นอย่างแรง แส้เส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้คนได้เห็นอาวุธของซวนอ๋องอย่างชัดเจน
แส้เส้นนั้นยาวราวหนึ่งเมตร ตัวแส้เป็นสีแดงทองทั้งเส้น แถมยังฟังพลอยทับทิมไว้ด้วย ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่เข้าใจความเป็นมาของแส้เส้นนี้ แต่สามารถถูกซวนอ๋องเอามาใช้เป็นอาวุธได้ คิดว่าจะต้องสุดยอดมากแน่
“แส้จิ้งจอกไฟ นี่ท่านใช้แส้จิ้งจอกไฟหรือ!” ตาทั้งคู่ของหยุนหลีเบิกกว้างขึ้น และรู้สึกชื่นชอบมาก
นางชอบอาวุธมาตั้งแต่เด็ก เคยวิเคราะห์ประเภทของอาวุธมาก่อน แส้จิ้งจอกไฟถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากเส้นเอ็นของจิ้งจอกไฟ อ่อนนุ่มไร้ที่ติ แต่ก็แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าดำ ได้ยินมาว่าไม่ว่าจะเป็นอาวุธวิเศษอะไรก็ไม่มีทางตัดให้ขาดได้ และที่สำคัญแรงที่ฟาดออกไปก็มากกว่าแส้ธรรมดาถึงสิบเท่า ทำให้คนเจ็บปวดอย่างสุดแสน ราวกับตายทั้งเป็น
ใบหน้าของซวนอ๋องเรียบเฉยสงบนิ่ง “มาเริ่มกันเถอะ!”
“ได้เลย พอดีเลยวันนี้ข้าจะได้มาเห็นแส้จิ้งจอกไฟในตำนานสักหน่อย!” หยุนหลีชูมีดสั้นในมือขึ้นมาก็แทงเข้าไปเลย
“แต๊ง!” ดังขึ้นมาคำหนึ่ง ผู้คนก็เบิกตากว้างมองมา
มีดสั้นในมือหยุนหลีตัดแส้จิ้งจอกไฟไม่ขาด และที่สำคัญยังถูกแรงดีดของมันดีดเข้าให้อย่างแรง จนตัวหยุนหลีทั้งล้มไปทางฝูงชน ซึ่งก็ได้ฟู่อี้เฉินมาดึงตัวนางไว้ทีหนึ่ง
“โม่เหลิ่งเหยียน เจ้าเป็นชายชาตรีคนหนึ่งมารังแกเด็กผู้หญิง ถือว่ามีปัญญาอะไร มีปัญญาก็มาสู้กับข้าซิ!” ฟู่อี้เฉินพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
“ถ้าเจ้าไหว เจ้าก็เข้ามาเลย!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมาอย่างดูถูก
ฟู่อี้เฉินกัดฟันไว้แน่น แต่กลับไม่กล้าเข้าไป เขาชัดเจนดีว่าวิชาการต่อสู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ของตัวเอง ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของโม่เหลิ่งเหยียนแน่นอน เจ้าหมอนี่จะต้องตั้งใจแน่ ๆ เลย
ถ้าเกิดว่าขี้ขลาดไปแบบนี้ จะต้องถูกคนอื่นดูถูกแน่ แต่ถ้าไม่ขี้ขลาด ฟู่อี้เฉินนึกถึงฝีมือของโม่เหลิ่งเหยียนขึ้นมา ก็รู้สึกหวาดกลัวมากจริง ๆ
เขากำลังรู้สึกลำบากใจอยู่ ก็ได้ยินหยุนหลีเปิดปากพูดขึ้นว่า “แส้จิ้งจอกไฟ นี่ร้ายกาจมากจริง ๆ สมแล้วที่เป็นอาวุธของซวนอ๋อง แต่ข้าก็ไม่กลัวหรอก พี่ใหญ่ข้าให้อาวุธลับอย่างหนึ่งกับข้าไว้ ซวนอ๋องท่านรอสักครู่นะ!”
หยุนหลีรีบวิ่งเข้าไปในร้าน ตอนที่ออกมา ในมือมีอาวุธที่ใหญ่เท่าฝ่ามืออันหนึ่งติดมาด้วย สีดำสนิท รูปร่างดูแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
“นี่คือ?” โม่เหลิ่งเหยียนถามขึ้นมา
“ก็คืออาวุธลับยังไงล่ะ พวกเรามาเริ่มกันเถอะ!” หยุนหลีพูดขึ้นมา
“ได้” โม่เหลิ่งเหยียนเองก็รู้สึกแปลกใจ แส้ในมือฟาดไปทางหยุนหลีอย่างไม่ลังเลสักนิด
ก็เห็นหยุนหลีรีบชูอาวุธเล็ก ๆ นั่นขึ้นมาแล้วฉีดมาทางแส้ของซวนอ๋อง ของเหลวที่มีลักษณะเหมือนน้ำไหลออกมา แล้วมาถูกตรงกลางแส้เข้าพอดี
เห็นแต่แส้จิ้งจอกไฟที่ไม่เกรงกลัวหอกดาบใด ๆ ในตอนแรก เกิดเสียงซู่ว์ขึ้นมา อย่างกับว่าถูกของอะไรกัดกร่อนเข้า แล้วก็กลายเป็นสองท่อนไปเลยแบบทันตาเห็น
ของเหลวที่หยุนหลีพ่นออกมา ตกลงไปสู่พื้น ก็ทำให้พื้นผุกร่อนไปเป็นรูเล็ก ๆ ออกมาเช่นกัน และมีควันขาวลอยออกมาด้วย
“อาวุธนี้สุดยอดจริง ๆ ถึงกับทำให้แส้จิ้งจอกไฟของซวนอ๋องขาดได้ด้วย คุณหนูหลีนี่มันคืออาวุธอะไรกัน?” มีคนคนหนึ่งถามขึ้นมา
“สมแล้วที่มาจากมือคุณหนูหยุน ร้ายกาจมากจริง ๆ อาวุธนี้ราคาเท่าไหร่กัน ข้าขอซื้อเลย?”
ผู้คนที่มุงดูพากันถามขึ้นมา และรู้สึกแปลกใจมาก ต่างก็สนใจอยากจะลอง
หยุนหลีสีหน้าเย็นชา “คราวนี้พวกท่านคงไม่สงสัยว่าข้าจ้างคนมาแล้วใช่ไหม?”
โดยเฉพาะคนเมื่อกี้ โดนอุดจนหมดคำพูดไปทันที ถึงเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ผู้คนที่มามุงดูก็ไม่ใช่คนโง่ ด้วยฐานะของซวนอ๋อง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาถูกหญิงสาวลูกเมียน้อยคนหนึ่งจ้างวานหรอก
“ข้า เมื่อกี้ข้าล้อเล่นทั้งนั้น อาวุธของเจ้านี้ ขายราคาเท่าไหร่ ข้าให้สองเท่าเลย?” คนคนนั้นถูกพละกำลังของอาวุธทำให้ตกตะลึงไป จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ไม่ขาย ข้าบอกแล้วว่านี่อาวุธลับของพี่สาวข้า ในใต้หล้านี้มีแค่หนึ่งเดียว!” หยุนหลีพูดขึ้นมาอย่างได้ใจ
ได้ยินมาว่าหยุนถิงเป็นคนทำขึ้นมา แล้วที่สำคัญยังเป็นหนึ่งเดียวในสี่แคว้น หัวคิ้วของโม่เหลิ่งเหยียนก็ยักขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าทำให้แส้จิ้งจอกไฟของข้าขาดไปแล้ว เอาอันนี้มาทดแทนเลย !”
หยุนหลีตัวแข็งทื่อไป แล้วมองไปทางใบหน้าเย็นชาของซวนอ๋อง แล้วมองดูแส้จิ้งจอกไฟที่ขาดเป็นสองท่อนบนพื้น ก็รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาเล็กน้อย “ซวนอ๋อง นี่เป็นของที่พี่สาวข้าตั้งใจทำขึ้นมาให้ข้าเลยนะ หรือไม่วันหลังข้าค่อยให้นางทำให้ท่านอีกอันหนึ่ง?”
“ไม่ต้อง เอาอันนี้แหละ ทำไมเจ้าไม่อยากให้หรือ เมื่อกี้เจ้าเป็นคนขอให้ข้าช่วยเองนะ ตอนนี้แม้แต่ของขอบคุณสักอันก็ยังขี้เหนียวเช่นนี้เลยหรือ?” โม่เหลิ่งเหยียนถามกลับมา
น้ำเสียงเย็นชา แฝงไว้ด้วยพละกำลังและแรงกดดัน ทำให้หลังคอของหยุนหลีรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที
แน่นอนว่านางเคยได้ยินคำร่ำลือของซวนอ๋องมาบ้างแล้ว วินาทีนี้จ้องมองแววตาที่เย็นชาของซวนอ๋องแล้วถึงเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา และหวาดกลัวเล็กน้อย ถึงแม้ในใจจะไม่ยินดี แต่ก็เอาอาวุธในมือนั่นยื่นออกไปให้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็มอบให้ซวนอ๋องเลยละกัน ท่านจะต้องรักษาไว้ให้ดีนะ ข้ายังเสียดายไม่กล้าใช้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนี้ต้องการกู้สถานการณ์ ข้าจะไม่มีทางเอาออกมาใช้เด็ดขาด!” หยุนหลีกำชับไป
“ได้!” ซวนอ๋องรับอาวุธนั่นไป แล้วก็หมุนตัวเดินจากไป
เขาไม่ได้เข้าร้านขายอาวุธ แค่หนึ่งเดียวในสี่แคว้น ก็เพียงพอแล้ว
พอผู้คนที่ห้อมล้อมเห็นเช่นนี้ ก็ฮือฮาและออกันเข้าร้านไปหมด จะรีบไปเลือกอาวุธก่อน
ซวนอ๋องคนที่มีฐานะสูงส่งยังใช้อาวุธของร้านนี้ เห็นได้เลยว่าต้องเป็นของดีแน่ และที่สำคัญยังเห็นเองกับตาด้วย ผู้คนไม่ขี้เหนียวกันอีกแล้ว ทุกคนต่างก็เลือกอาวุธกันไป
จวินหย่วนโยวที่อยู่ไม่ไกลนัก มองเห็นเรื่องทุกอย่างนี้ สีหน้าก็เยือกเย็นจนแทบไม่ไหว “อาวุธอันเมื่อกี้ ข้าจะเอาด้วย!”
หยุนถิงรู้ว่าซื่อจื่อหึงหวงขึ้นมาอีกแล้ว จึงรีบพูดเอาใจขึ้นว่า “ได้เจ้าค่ะ”
“ต่อไปห้ามให้อาวุธกับโม่เหลิ่งเหยียนอีกนะ!”
“ซื่อจื่อ นั่นข้าไม่ได้เป็นคนให้นะ ท่านก็เห็นเองกับตาแล้ว เพราะหยุนหลีอยากให้ผู้คนตกตะลึง จึงใช้อาวุธของซวนอ๋องมาเป็นตัวทดลอง ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย!” หยุนถิงรีบอธิบายขึ้นมา
“แต่นั่นก็เป็นของที่เจ้าทำขึ้นมา ต่อไปห้ามให้ของใหม่กับโม่เหลิ่งเหยียนอีก!” จวินหย่วนโยวพูดเสียงเย็นขึ้นมา
“รับทราบเจ้าค่ะ ท่านซื่อจื่อ”